คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศิริชัย วัฒนโยธิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 202 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9347/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กลฉ้อฉลซื้อขายที่ดิน, เนื้อที่ดินไม่ตรงตามสัญญา, อายุความ 10 ปี, ความรับผิดตามส่วน
โจทก์และจำเลยทั้งสามตกลงซื้อขายที่ดินรวม 4 แปลง เนื้อที่รวม 21 ไร่ 2 งาน 67 ตารางวา ต่อมาโจทก์ขอรังวัดสอบเขตที่ดินทั้ง 4 แปลง ปรากฏว่าที่ดินทั้งสี่แปลงมีเนื้อที่เพียง 18 ไร่ 92 ตารางวา ขาดหายไป 3 ไร่ 1 งาน 75 ตารางวา การที่จำเลยทั้งสามทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินของตนมีเนื้อที่น้อยกว่าที่ปรากฏในโฉนดแต่มิได้แจ้งให้โจทก์ทราบในขณะทำการซื้อขาย จึงเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง เป็นการกระทำกลฉ้อฉลต่อโจทก์ ไม่มีกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี โจทก์ยื่นฟ้องภายในระยะเวลาดังกล่าว ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8912/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดอำนาจศาล: การออกข้อกำหนดโดยศาลต้องมีเหตุผลและชอบด้วยกฎหมาย
ตามบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1) ประกอบ มาตรา 30 การที่ศาลจะออกข้อกำหนดใดๆ ตามมาตรา 30 ได้จะต้องเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งใน 2 ประการ คือ ออกข้อกำหนดใดๆ แก่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือแก่บุคคลภายนอกที่อยู่ต่อหน้าศาลตามที่เห็นจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในศาลเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปตามเที่ยงธรรมและรวดเร็วประการหนึ่ง และออกข้อกำหนดใดๆ โดยสั่งห้ามคู่ความมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อความรำคาญหรือในทางประวิงให้ชักช้าหรือในทางฟุ่มเฟือยเกินสมควรประการที่สอง ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่ามีกรณีที่เห็นจำเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณศาลหรือมีการดำเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อความรำคาญหรือในทางประวิงให้ชักช้าหรือในทางฟุ่มเฟือยเกินสมควรทั้งสองประการตามบทบัญญัติดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนที่ศาลชั้นต้นออกข้อกำหนดตามมาตรา 36 (2) ตามภาพถ่ายรายงานกระบวนพิจารณาเอกสารหมาย ผ.1 นั้นก็ไม่ใช่การออกข้อกำหนดตามมาตรา 30 ดังนี้ แม้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จะนำเทปวีดีทัศน์และเทปบันทึกเสียงที่คัดลอกสำเนาจากเทปวีดีทัศน์และเทปบันทึกเสียงหมาย ร.35 และ ร.36 ไปให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เปิดเผยหรือไม่ ก็ไม่ทำให้การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล มาตรา 31 (1) ประกอบมาตรา 30 ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัย
อนึ่ง ปัญหาที่ว่าการฝ่าฝืนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ออกข้อกำหนดตามมาตรา 36 (2) จะเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลหรือไม่นั้น ศาลล่างทั้งสองมิได้วินิจฉัย จึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8506/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลฟ้องคดีเช็ค: พิจารณาจากธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่ที่เกิดสัญญา
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชำระเงินตามเช็ค จึงต้องพิจารณาว่ามูลคดีตามฟ้องเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นศาลใด โจทก์มีอำนาจยื่นฟ้องที่ศาลนั้นได้ เมื่อธนาคารตามเช็คซึ่งปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นการที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว ส่วนเช็คจะมีมูลหนี้หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเขตอำนาจศาล เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องวินิจฉัยจากพยานหลักฐานของคู่ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8489/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างพยานเอกสารในชั้นอุทธรณ์ต้องยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลชั้นต้นตามกฎหมาย
คำเบิกความของพยานในคดีอื่นเป็นพยานเอกสาร หากคู่ความประสงค์จะอ้างเป็นพยานหลักฐานแห่งตนจะต้องยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8406/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามชิงทรัพย์-มีอาวุธปืน: ศาลฎีกาแก้ไขโทษฐานพยายามชิงทรัพย์ ลดโทษจากสำเร็จเป็นพยายาม และพิจารณาประโยชน์โทษจำเลย
ขณะที่จำเลยกระชากสร้อยคอทองคำพร้อมกระดูกเลี่ยมทองของผู้เสียหายสร้อยคอทองคำพร้อมกระดูกเลี่ยมทองที่อยู่ในมือนั้น จำเลยก็เพียงมุ่งหมายที่จะให้สร้อยคอทองคำพร้อมกระดูกเลี่ยมทองหลุดจากคอผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นเพียงแย่งการครอบครองเท่านั้น แต่หลังจากสร้อยคอทองคำและกระดูกเลี่ยมทองขาดตกลงที่พื้นแล้ว จำเลยก็ไม่ได้เข้ายึดถือเอาสร้อยคอทองคำพร้อมกระดูกเลี่ยมทองอันจะเห็นได้ว่ามีการพาทรัพย์เคลื่อนที่ไปแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวจึงยังไม่เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปสำเร็จ จึงเป็นพยายามชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8305/2551 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต และผลกระทบต่อสิทธิในที่ดิน
การพิจารณาว่าบุคคลใดสร้างโรงเรือนในที่ดินของบุคคลอื่นโดยสุจริตหรือไม่นั้นจะต้องพิจารณาในขณะที่ปลูกโรงเรือน หากขณะปลูกสร้างโรงเรือนไม่ทราบว่าที่ดินเป็นของบุคคลอื่นก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยสุจริต แม้ภายหลังจึงทราบว่าเป็นที่ดินของบุคคลอื่นก็หาทำให้การกระทำที่สุจริตแต่แรกกลับกลายเป็นไม่สุจริตไปแต่อย่างใด เมื่อกรณีเข้าเงื่อนไขตาม ป.พ.พ. มาตรา 1310 แล้ว จะต้องพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยทำให้ที่ดินของโจทก์มีค่าเพิ่มขึ้นเพียงใด โจทก์ประมาทเลินเล่อ หรือไม่ ซึ่งมิได้มีประเด็นในคดีนี้คู่ความจึงมิได้สืบพยานไว้จึงไม่สามารถวินิจฉัยได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องโดยให้โจทก์กับจำเลยไปว่ากล่าวกันใหม่จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8239/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดโดยสุจริตทำให้ได้กรรมสิทธิ์ แม้เป็นสินสมรส การร้องขอเงินจากการขายทอดตลาดไม่กระทบต่อกรรมสิทธิ์
โจทก์ซื้อที่ดินพร้อมบ้านพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1330 โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาท จำเลยจะยกเหตุว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับ ส. สามีจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีที่ถูกยึดที่ดินและบ้านพิพาทขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลเพื่อร้องขอกันส่วนเงินจากการขายทอดตลาดมาเป็นข้อต่อสู้เพื่ออยู่ในที่ดินและบ้านพิพาทดังกล่าวหาได้ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้านพิพาท โดยซื้อมาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและบ้านพิพาท โดยเรียกค่าเสียหายเดือนละ 5,000 บาท ส่วนจำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าที่ดินพร้อมบ้านพิพาทเป็นสินสมรสที่จำเลยมีส่วนกึ่งหนึ่ง ซึ่งจำเลยได้ร้องขอกันส่วนเงินจากการขายทอดตลาดที่ดินและบ้านพิพาทไว้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ เช่นนี้เท่ากับจำเลยมิได้โต้เถียงกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ การที่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าขึ้นศาลจากโจทก์อย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรคืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นส่วนที่เกินมาให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8042/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกโดยการครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัด ทายาทตกลงกันก่อนเสียชีวิต
เมื่อ ส. ถึงแก่ความตาย ทายาทของ ส. ตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินของ ส. ว่าบุคคลใดได้รับยกให้ที่ดินแปลงใดก่อน ส. ถึงแก่ความตายและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงนั้นก็ให้ตกเป็นของบุคคลนั้น จำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่ ส. ถึงแก่ความตายแต่ผู้เดียว กรณีจึงเป็นการแบ่งปันทรัพย์มรดกโดยทายาทก่อนเข้าครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1750 วรรคหนึ่ง โจทก์ทั้งสามจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งให้ผิดไปจากที่ได้แบ่งปันกันไปแล้วอีกไม่ได้ แม้ภายหลังจำเลยไปยื่นขอจัดการมรดกของ ส.ก็ไม่ทำให้ที่ดินพิพาทกลับกลายเป็นทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท เพราะจำเลยประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงหลักฐานทางทะเบียนให้ได้สิทธิโดยสมบูรณ์ในที่ดินพิพาทเท่านั้น มิใช่เพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามซึ่งสิ้นสิทธิในที่ดินพิพาทแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8005/2551 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: การคัดค้านคำสั่งศาลด้วยถ้อยคำดูหมิ่นผู้พิพากษา ถือเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อย
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างทำนองว่า ป. มิได้ทำพินัยกรรมดังที่จำเลยอ้างโดยขอส่งสมุดบันทึกและกระดาษบันทึกเพื่อไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับพินัยกรรมแต่จำเลยคัดค้านไม่ยอมรับว่าสมุดบันทึกและกระดาษบันทึกไม่ใช่ลายมือของ ป. การที่ศาลชั้นต้นไม่ยอมรับสมุดบันทึกและกระดาษบันทึกเพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับพินัยกรรมจึงเป็นการสั่งไปตามอำนาจหน้าที่ การที่โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านระบุว่าศาลไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด คำสั่งหรือการกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนหรือวิธีการโดยไม่สุจริตเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนรังเกียจโจทก์ไม่พอใจโจทก์ ดังนี้ เป็นการดูหมิ่นผู้พิพากษาซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นการละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8005/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: คำแถลงคัดค้านคำสั่งศาลที่มีลักษณะดูหมิ่นผู้พิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ยอมรับสมุดบันทึกและกระดาษบันทึกที่มีลายมือเขียนของผู้ทำพินัยกรรมเพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับพินัยกรรมเป็นการสั่งไปตามอำนาจหน้าที่ การที่โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้าน ระบุว่าศาลไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด คำสั่งหรือการกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแผนขั้นตอนหรือวิธีการโดยไม่สุจริตเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนรังเกียจโจทก์ไม่พอใจโจทก์ ดังนี้เป็นการดูหมิ่นผู้พิพากษาซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นการละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1) แม้ต่อมาโจทก์จะยื่นคำแถลงขอถอนคำแถลงคัดค้าน ก็ไม่ทำให้คำแถลงคัดค้านหมดไป
of 21