คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 295

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและหน้าที่ชำระหนี้แทนกัน: ผู้ร้องมีหน้าที่ชำระหนี้แทนจำเลยตามสัญญา
โจทก์และผู้ร้องขัดทรัพย์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมเป็นใจความว่า ผู้ร้องขอให้โจทก์ขายทอดตลาดเฉพาะเรือนตามประกาศทรัพย์อันดับ 2 ไปก่อน หากขายเรือนได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา ผู้ร้องจะยอมชำระเงินให้โจทก์แทนจำเลยจนครบ ฯลฯ ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลยขาดจำนวนอยู่ผู้รองต้องชำระหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอม เมื่อไม่ชำระ โจทก์จึงขอให้บังคับผู้ร้องชำระหนี้จำเลยจนครบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การบังคับชำระหนี้แทนจำเลยตามสัญญา
โจทก์และผู้ร้องขัดทรัพย์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมเป็นใจความว่า ผู้ร้องขอให้โจทก์ขายทอดตลาดเฉพาะเรือนตามประกาศทรัพย์อันดับ 2 ไปก่อน หากขายเรือนได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา ผู้ร้องจะยอมชำระเงินให้โจทก์แทนจำเลยจนครบ ฯลฯ ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลยขาดจำนวนอยู่ผู้ร้องต้องชำระหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอม เมื่อไม่ชำระ โจทก์จึงขอให้บังคับผู้ร้องชำระหนี้แทนจำเลยจนครบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งการบังคับคดีเมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตทุเลาการบังคับคดี แม้จำเลยอ้างมาตรา 231 วรรคท้าย
เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว. การดำเนินการบังคับคดีย่อมเป็นอำนาจของศาลชั้นต้น. และเมื่อศาลชั้นต้นยึดทรัพย์ของจำเลยมาและขายทอดตลาด. จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อน. การจะงดการขายทอดตลาดหรือไม่. เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบังคับคดี.จึงอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้องของจำเลยได้.
โดยหลักทั่วไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีอันจำเลยจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมมีผลให้จำเลยต้องปฏิบัติตามแม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด. เว้นแต่จำเลยจะได้ยื่นอุทธรณ์และดำเนินการตามวิธีใดวิธีหนึ่งในมาตรา 231 คือขอทุเลาการบังคับคดีหรือวางเงินต่อศาลชั้นต้นเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดี หรือได้หาประกันมาให้สำหรับจำนวนเงินเช่นว่านี้ จนเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้นซึ่งจะเป็นผลให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีไว้
จำเลยมิได้วางเงินหรือหาประกันมาให้ แต่ได้ยื่นขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์. และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตคดีจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 231 มาตรา 231วรรคท้าย เป็นเรื่องที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด. ศาลย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการตามมาตรา 231 วรรคท้าย ได้ เมื่อกรณีจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 231 วรรคท้าย เพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี จำเลยจึงขอให้งดการขายทอดตลาดตามมาตรา 241 วรรคท้าย ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตทุเลาการบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีอำนาจดำเนินการยึดและขายทอดตลาดได้
เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว. การดำเนินการบังคับคดีย่อมเป็นอำนาจของศาลชั้นต้น. และเมื่อศาลชั้นต้นยึดทรัพย์ของจำเลยมาและขายทอดตลาด. จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อน. การจะงดการขายทอดตลาดหรือไม่. เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบังคับคดี.จึงอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้องของจำเลยได้.
โดยหลักทั่วไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีอันจำเลยจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา.คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมมีผลให้จำเลยต้องปฏิบัติตามแม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด. เว้นแต่จำเลยจะได้ยื่นอุทธรณ์และดำเนินการตามวิธีใดวิธีหนึ่งในมาตรา 231 คือขอทุเลาการบังคับคดีหรือวางเงินต่อศาลชั้นต้นเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดี. หรือได้หาประกันมาให้สำหรับจำนวนเงินเช่นว่านี้ จนเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้นซึ่งจะเป็นผลให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีไว้.
จำเลยมิได้วางเงินหรือหาประกันมาให้. แต่ได้ยื่นขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์. และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต.คดีจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 231. มาตรา 231วรรคท้าย เป็นเรื่องที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด. ศาลย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการตามมาตรา 231 วรรคท้าย ได้. เมื่อกรณีจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 231 วรรคท้าย. เพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี. จำเลยจึงขอให้งดการขายทอดตลาดตามมาตรา 231 วรรคท้าย ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการบังคับคดีหลังศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตทุเลา และเงื่อนไขการงดการขายทอดตลาด
เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้วการดำเนินการบังคับคดีย่อมเป็นอำนาจของศาลชั้นต้น และเมื่อศาลชั้นต้นยึดทรัพย์ของจำเลยมาและขายทอดตลาด จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อนการจะงดการขายทอดตลาดหรือไม่ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบังคับคดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้องของจำเลยได้
โดยหลักทั่วไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีอันจำเลยจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาคำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมมีผลให้จำเลยต้องปฏิบัติตามแม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด เว้นแต่จำเลยจะได้ยื่นอุทธรณ์และดำเนินการตามวิธีใดวิธีหนึ่งในมาตรา 231 คือขอทุเลาการบังคับคดีหรือวางเงินต่อศาลชั้นต้นเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีหรือได้หาประกันมาให้สำหรับจำนวนเงินเช่นว่านี้ จนเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้นซึ่งจะเป็นผลให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีไว้
จำเลยมิได้วางเงินหรือหาประกันมาให้แต่ได้ยื่นขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตคดีจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 231 มาตรา 231วรรคท้าย เป็นเรื่องที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดศาลย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการตามมาตรา 231 วรรคท้าย ได้ เมื่อกรณีจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 231 วรรคท้าย เพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีจำเลยจึงขอให้งดการขายทอดตลาดตามมาตรา 231 วรรคท้าย ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการพิสูจน์การชำระหนี้: ใบรับเงินนอกศาลและการพิจารณาคดีอาญา
เมื่อโจทก์ปฏิเสธว่าโจทก์และสามีโจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยตามใบรับเงินที่จำเลยอ้าง จำเลยจะอ้างใบรับเงินที่ทำนอกศาลมาเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 417/2504) ส่วนการที่จำเลยอ้าวว่าได้ชำระเงินให้สามีโจทก์ หากเป็นจริง ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะว่ากล่าวเอาเงินคืนจากสามีโจทก์อีกเรื่องหนึ่งต่างหาก และการที่จำเลยอ้างว่าโจทก์และสามีโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่าปลอมหรือใช้ใบรับเงินปลอม และศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ ซึ่งมีความหมายว่า ใบรับเงินไม่ปลอม ถือว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลย ต้องรับฟังยันโจทก์ในการบังคับคดีได้นั้น ปรากฎว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีอาญาเพียงแต่วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์อยู่ในฐานสงสัย ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยปลอมใบรับเงิน ยังลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้เท่านั้น มิได้วินิจฉัยเลยไปว่าจำเลยชำระเงินให้สามีโจทก์หรือไม่ ฉะนั้นจึงรับฟังข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าจำเลยชำระเงินให้สามีโจทก์แล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยจะว่ากล่าวกับสามีโจทก์ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการอ้างเอกสารนอกศาล การพิพากษาคดีอาญาไม่ถือเป็นการชำระหนี้
เมื่อโจทก์ปฏิเสธว่าโจทก์และสามีโจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยตามใบรับเงินที่จำเลยอ้าง จำเลยจะอ้างใบรับเงินที่ทำนอกศาลมาเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 417/2504)
ส่วนการที่จำเลยอ้างว่าได้ชำระเงินให้สามีโจทก์ หากเป็นความจริง ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะว่ากล่าวเอาเงินคืนจากสามีโจทก์อีกเรื่องหนึ่งต่างหาก และการที่จำเลยอ้างว่าโจทก์และสามีโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่าปลอมหรือใช้ใบรับเงินปลอม และศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ ซึ่งมีความหมายว่า ใบรับเงินไม่ปลอม ถือว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลย ต้องรับฟังยันโจทก์ในการบังคับคดีได้นั้น ปรากฏว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีอาญาเพียงแต่วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์อยู่ในฐานสงสัย ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยปลอมใบรับเงิน ยังลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้เท่านั้น มิได้วินิจฉัยเลยไปว่าจำเลยชำระเงินให้สามีโจทก์หรือไม่ ฉะนั้นจึงรับฟังข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าจำเลยชำระเงินให้สามีโจทก์แล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยจะว่ากล่าวกับสามีโจทก์ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้นอกศาลและการบังคับคดี: ศาลไม่รับฟังการอ้างชำระหนี้ที่ไม่เป็นที่ยอมรับของเจ้าหนี้
จำเลยเป็นหนี้ตามคำพิพากษา 6,250 บาท โจทก์นำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด จำเลยร้องว่า ได้ชำระหนี้แก่โจทก์นอกศาลแล้ว 5,250 บาท จะขอชำระส่วนที่ยังค้างและขอให้ศาลสั่งถอนการยึดโจทก์แถลงคัดค้านว่าได้รับเงินจากจำเลยนอกศาลเพียง 400 บาทเท่านั้น เมื่อโจทก์ปฏิเสธดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะยกมาเป็นเหตุไม่ให้ศาลดำเนินการบังคับคดีต่อไปหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินเพื่อหยุดดอกเบี้ยต้องทำก่อนมีคำพิพากษา การวางต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ถือเป็นการวางศาล
การนำเงินมาวางศาล ซึ่งจะทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่วางไว้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 135 นั้น ย่อมต้องหมายความว่านำมาวางก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จะนำมาวางในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ไม่ได้
การวางเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้หยุดการบังคับคดีไว้ตามนัยแห่งมาตรา 295 หาใช่เป็นนำเงินมาวางศาลตามมาตรา 135 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินเพื่อหยุดยึดทรัพย์และการคิดดอกเบี้ย: เงินวางต้องทำก่อนมีคำพิพากษา
การนำเงินมาวางศาล ซึ่งจะทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่วางไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 135 นั้นย่อมต้องหมายความว่านำมาวางก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจะนำมาวางในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ไม่ได้
การวางเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้หยุดการบังคับคดีไว้ตามนัยแห่งมาตรา 295 หาใช่เป็นนำเงินมาวางศาลตามมาตรา 135 ไม่
of 11