พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน การอ้างข้อตกลงใหม่หลังผิดสัญญาไม่เป็นเหตุให้ระงับบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วต่อมาจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยที่ 4 คำร้องของจำเลยที่ 4 ที่อ้างว่ามีข้อตกลงเกี่ยวกับการบังคับคดีใหม่กับโจทก์ เป็นการกระทำนอกศาลเมื่อโจทก์ปฏิเสธ จำเลยที่ 4 จึงจะยกมาเป็นเหตุไม่ให้ศาลดำเนินการบังคับคดีต่อไปหาได้ไม่ ศาลยกคำร้องของจำเลยที่ 4 ได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวนเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมวางเงินสดแทนการยึดทรัพย์ และอำนาจศาลในการบรรเทาความเสียหายแก่คู่ความ
เมื่อศาลเห็นว่าตามคำร้องของผู้ร้องประกอบกับเอกสารท้ายคำร้องฟังได้ว่าผู้ร้องได้ซื้อที่ดินจาก ป. แล้วได้จำนองที่ดินทั้งแปลงไว้กับ บ. และผู้ร้องได้แบ่งที่ดินดังกล่าวออกเป็นแปลงย่อย ๆ ในนามเดิมและติดจำนองหลายสิบแปลง อันเห็นได้ชัดว่าผู้ร้องแบ่งแยกที่ดินเพื่อสร้างตึกแถว ตลาดสด และศูนย์รวมการค้าตามคำร้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสืบพยานในข้อนี้
ผู้ร้องแถลงยอมให้ยึดเงินสด 100,000 บาทของผู้ร้องเท่าที่จำเลยตีราคาไว้ในการยึดที่ดินแทนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าว โดยแถลงไว้ชัดว่าหากจำเลยพิสูจน์ได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ซึ่งจะต้องชำระหนี้เงิน 99,458 บาท แก่จำเลยกับพวกแล้วก็ให้ศาลบังคับคดีนำเงิน 100,000 บาท ชำระให้จำเลยกับพวกได้ แม้ผู้ร้องจะมิได้มีนิติสัมพันธ์ต้องชำระเงินให้จำเลยก็ตาม แต่ก็ผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามคำแถลงของผู้ร้อง จำเลยจึงมิได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ร้องขอวางเงินแทนการยึดที่ดินแต่อย่างใด เนื่องจากการร้องขอปล่อยทรัพย์ก็ยังคงดำเนินเรื่องอยู่ต่อไป หากจำเลยชนะคดี จำเลยก็รับเงินที่ผู้ร้องวางศาลไว้ไปได้ การที่ศาลล่างสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ก็โดยอาศัยเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และเพื่อบรรเทาความเสียหายให้ผู้ร้อง จึงเป็นการสั่งไปโดยอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ และไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายเดียวมีคำสั่งให้รับเงินที่ผู้ร้องวางต่อศาลแทนการยึดที่ดิน และสั่งให้แจ้งการถอนการยึดที่ดินให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบ เป็นการออกคำสั่ง ซึ่งมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด และการสั่งให้โจทก์หรือผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องสั่งไว้ในคำสั่งที่ให้เพิกถอนการยึดด้วย จะสั่งภายหลังก็ได้
ผู้ร้องแถลงยอมให้ยึดเงินสด 100,000 บาทของผู้ร้องเท่าที่จำเลยตีราคาไว้ในการยึดที่ดินแทนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าว โดยแถลงไว้ชัดว่าหากจำเลยพิสูจน์ได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ซึ่งจะต้องชำระหนี้เงิน 99,458 บาท แก่จำเลยกับพวกแล้วก็ให้ศาลบังคับคดีนำเงิน 100,000 บาท ชำระให้จำเลยกับพวกได้ แม้ผู้ร้องจะมิได้มีนิติสัมพันธ์ต้องชำระเงินให้จำเลยก็ตาม แต่ก็ผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามคำแถลงของผู้ร้อง จำเลยจึงมิได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ร้องขอวางเงินแทนการยึดที่ดินแต่อย่างใด เนื่องจากการร้องขอปล่อยทรัพย์ก็ยังคงดำเนินเรื่องอยู่ต่อไป หากจำเลยชนะคดี จำเลยก็รับเงินที่ผู้ร้องวางศาลไว้ไปได้ การที่ศาลล่างสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ก็โดยอาศัยเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และเพื่อบรรเทาความเสียหายให้ผู้ร้อง จึงเป็นการสั่งไปโดยอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ และไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายเดียวมีคำสั่งให้รับเงินที่ผู้ร้องวางต่อศาลแทนการยึดที่ดิน และสั่งให้แจ้งการถอนการยึดที่ดินให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบ เป็นการออกคำสั่ง ซึ่งมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด และการสั่งให้โจทก์หรือผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องสั่งไว้ในคำสั่งที่ให้เพิกถอนการยึดด้วย จะสั่งภายหลังก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินสดแทนการยึดทรัพย์: ศาลมีอำนาจสั่งเพื่อบรรเทาความเสียหายโดยอาศัยประโยชน์แห่งความยุติธรรม
เมื่อศาลเห็นว่าตามคำร้องของผู้ร้องประกอบกับเอกสารท้ายคำร้องฟังได้ว่าผู้ร้องได้ซื้อที่ดินจาก ป.แล้วได้จำนองที่ดินทั้งแปลงไว้กับ บ. และผู้ร้องได้แบ่งที่ดินดังกล่าวออกเป็นแปลงย่อย ๆ ในนามเดิมและติดจำนองหลายสิบแปลง อันเห็นได้ชัดว่าผู้ร้องแบ่งแยกที่ดินเพื่อสร้างตึกแถว ตลาดสด และศูนย์รวมการค้าตามคำร้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสืบพยานในข้อนี้
ผู้ร้องแถลงยอมให้ยึดเงินสด 100,000 บาทของผู้ร้องเท่าที่จำเลยตีราคาไว้ในการยึดที่ดินแพทนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าว โดยแถลงไว้ชัดว่าหากจำเลยพิสูจน์ได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ซึ่งจะต้องชำระหนี้เงิน 99,458 บาท แก่จำเลยกับพวกแล้วก็ให้ศาลบังคับคดีนำเงิน 100,000 บาท ชำระให้จำเลยกับพวกได้ แม้ผู้ร้องจะมิได้มีนิติสัมพันธ์ต้องชำระเงินให้จำเลยก็ตาม แต่ก็ผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามคำแถลงของผู้ร้อง จำเลยจึงมิได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ร้องขอวางเงินแทนการยึดที่ดินแต่อย่างใด เนื่องจากการร้องขอปล่อยทรัพย์ก็ยังคงดำเนินเรื่องอยู่ต่อไป หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็รับเงินที่ผู้ร้องวางศาลไว้ไปได้ การที่ศาลล่างสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ก็โดยอาศัยเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และเพื่อบรรเทาความเสียหายให้ผู้ร้อง จึงเป็นการสั่งไปโดยอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ และไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายเดียวมีคำสั่งให้รับเงินที่ผู้ร้องวางต่อศาลแทนการยึดที่ดิน และสั่งให้แจ้งการถอนการยึดที่ดินให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบ เป็นการออกคำสั่งซึ่งมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด และการสั่งให้โจทก์หรือผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องสั่งไว้ในคำสั่งที่ให้เพิกถอนการยึดด้วย จะสั่งภายหลังก็ได้
ผู้ร้องแถลงยอมให้ยึดเงินสด 100,000 บาทของผู้ร้องเท่าที่จำเลยตีราคาไว้ในการยึดที่ดินแพทนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าว โดยแถลงไว้ชัดว่าหากจำเลยพิสูจน์ได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ซึ่งจะต้องชำระหนี้เงิน 99,458 บาท แก่จำเลยกับพวกแล้วก็ให้ศาลบังคับคดีนำเงิน 100,000 บาท ชำระให้จำเลยกับพวกได้ แม้ผู้ร้องจะมิได้มีนิติสัมพันธ์ต้องชำระเงินให้จำเลยก็ตาม แต่ก็ผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามคำแถลงของผู้ร้อง จำเลยจึงมิได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ร้องขอวางเงินแทนการยึดที่ดินแต่อย่างใด เนื่องจากการร้องขอปล่อยทรัพย์ก็ยังคงดำเนินเรื่องอยู่ต่อไป หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็รับเงินที่ผู้ร้องวางศาลไว้ไปได้ การที่ศาลล่างสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ก็โดยอาศัยเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และเพื่อบรรเทาความเสียหายให้ผู้ร้อง จึงเป็นการสั่งไปโดยอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ และไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายเดียวมีคำสั่งให้รับเงินที่ผู้ร้องวางต่อศาลแทนการยึดที่ดิน และสั่งให้แจ้งการถอนการยึดที่ดินให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบ เป็นการออกคำสั่งซึ่งมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด และการสั่งให้โจทก์หรือผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องสั่งไว้ในคำสั่งที่ให้เพิกถอนการยึดด้วย จะสั่งภายหลังก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2366/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาถึงที่สุด: ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องที่ดินโจทก์และชดใช้ค่าเสียหาย แม้มีการตกลงนอกศาล
เมื่อศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาล การที่จำเลยอ้างว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาตกลงยอมให้ที่พิพาทเป็นของจำเลยนั้นเป็นการตกลงกันนอกศาล จำเลยจะยกมาเป็นเหตุให้งดการบังคับคดีเพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์: ทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของจำเลยแต่มีราคา ยึดได้และต้องเสียค่าธรรมเนียม
คำว่า "ทรัพย์สิน" ตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมายถึงทรัพย์ซึ่งมีราคาและถือเอาได้โดยสภาพของตัวทรัพย์นั้นเอง โดยไม่จำกัดว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของ
โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดหุ้นมาเพื่อขายทอดตลาดใช้หนี้ตามคำพิพากษาแล้วได้ขอถอนการยึดเสีย แม้ได้ความว่าหุ้นที่ยึดมานั้นไม่ใช่ของจำเลย โจทก์ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5ข้อ 3 ท้าย ป.วิ.พ.
โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดหุ้นมาเพื่อขายทอดตลาดใช้หนี้ตามคำพิพากษาแล้วได้ขอถอนการยึดเสีย แม้ได้ความว่าหุ้นที่ยึดมานั้นไม่ใช่ของจำเลย โจทก์ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5ข้อ 3 ท้าย ป.วิ.พ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนที่รุกล้ำเมื่อสิทธิของผู้ร้องหมดไป
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำเลยรื้อผนังตึกที่สร้างรุกล้ำ และขนย้ายออกไปให้พ้นเขตที่โจทก์มีสิทธิการเช่า ในชั้นที่โจทก์ขอบังคับคดีเจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าได้บอกเลิกการเช่ากับโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่พิพาทนั้นโดยตรงจากเจ้าของแล้ว ดังนั้นฐานะในคดีของโจทก์เปลี่ยนเป็นว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะใช้ที่พิพาทต่อไปและจำเลยคงอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าโดยตรงจากเจ้าของ รูปคดีไม่มีประโยชน์ต่อโจทก์ที่จะบังคับคดีโจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินประกันหนี้กับการบังคับคดี: การหักเงินเพื่อเป็นประกันหนี้ไม่ถือเป็นการชำระหนี้
เงินที่จำเลยยินยอมให้โจทก์หักไว้เป็นเงินเพื่อเป็นประกันหนี้โจทก์ตามฟ้อง หาใช่เป็นการชำระหนี้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ฟ้องจำเลยไม่ เมื่อโจทก์นำเงินดังกล่าวชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว แต่ไม่พอชำระ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจนครบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินที่ยินยอมให้หักเป็นประกันหนี้ ไม่ถือเป็นการชำระหนี้ โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้
เงินที่จำเลยยินยอมให้โจทก์หักไว้เป็นเงินเพื่อเป็นประกันหนี้โจทก์ตามฟ้อง หาใช่เป็นการชำระหนี้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ฟ้องจำเลยไม่ เมื่อโจทก์นำเงินดังกล่าวชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว แต่ไม่พอชำระ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจนครบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การตกลงเปลี่ยนแปลงสัญญาและการพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ทำกันในศาลมีใจความสำคัญว่า โจทก์ยอมให้ที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยจำเลยรับจะส่งข้าวเปลือกให้โจทก์ปีละ 3 เกวียน หากผิดสัญญาไม่ปฏิบัติ ก็ให้ที่พิพาทกลับเป็นของโจทก์ ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งข้าวเปลือกให้โจทก์ดังกล่าวนี้ มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลจะบังคับให้จำเลยปฏิบัติได้ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยจะปฏิบัติต่อกันเองตามความสมัครใจ จึงอาจตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความได้ เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาส่งข้าวเปลือกให้ไม่ครบ จำเลยต่อสู้ว่าได้ตกลงกับโจทก์ใหม่และปฏิบัติตามข้อตกลงใหม่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่จำเลยต่อสู้จริง จำเลยก็มิใช่ฝ่ายผิดสัญญากรณีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป จะพิพากษาให้จำเลยคืนที่พิพาทให้โจทก์โดยไม่ฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหลังทำสัญญาไม่ถือเป็นการผิดสัญญา หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่จำเลยอ้าง
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ทำกันในศาลมีใจความสำคัญว่า โจทก์ยอมให้ที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยจำเลยรับจะส่งข้าวเปลือกให้โจทก์ปีละ 3 เกวียน หากผิดสัญญาไม่ปฏิบัติก็ให้ที่พิพาทกลับเป็นของโจทก์ ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยส่งข้าวเปลือกให้โจทก์ดังกล่าวนี้ มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลจะบังคับให้จำเลยปฏิบัติได้ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยจะปฏิบัติต่อกันเองตามความสมัครใจ จึงอาจตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความได้ เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาส่งข้าวเปลือกให้ไม่ครบ จำเลยต่อสู้ว่าได้ตกลงกับโจทก์ใหม่และปฏิบัติตามข้อตกลงใหม่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่จำเลยต่อสู้จริง จำเลยก็มิใช่ฝ่ายผิดสัญญา กรณีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป จะพิพากษาให้จำเลยคืนที่พิพาทให้โจทก์โดยไม่ฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่