คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 295

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์เพื่อบังคับคดีได้ แม้จำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จในคดีแพ่ง
จำเลยเป็นเจ้าหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้นให้จำเลย จำเลยย่อมมีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอให้ศาลชั้นต้นสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ แม้ภายหลังโจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา และศาลพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดว่าจำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแพ่งเกี่ยวกับอายุความที่โจทก์ตัดฟ้องไว้คำพิพากษาคดีอาญาในเรื่องที่จำเลยเบิกความเท็จ ก็หามีผลลบล้างคำพิพากษาในคดีแพ่งไม่
จำเลยอาจกระทำละเมิดต่อโจทก์ตามผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญา แต่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน เพราะเหตุจำเลยเบิกความเท็จ กลับฟ้องคดีโดยมีมูลฟ้องว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่าคดีแพ่งที่จำเลยฟ้องนั้นขาดอายุความแล้ว และจำเลยเบิกความเท็จเกี่ยวกับวันตายของผู้กู้เงิน จนศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยยังแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ที่จำเลยยึดไว้อีก เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ดังนี้จำเลยมีสิทธิที่จะกระทำเช่นนั้นได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าการที่จำเลยขอประกาศขายทรัพย์สินที่ยึดภายหลังจากจำเลยรู้ว่าจำเลยมีความผิดในคดีอาญา เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและละเมิดต่อโจทก์ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ไม่เป็นลาภมิควรได้และการถอนการบังคับคดีจะพึงกระทำได้ก็ต้องขอและว่ากล่าวกันแต่ในคดีเดิมเมื่อมีกรณีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์ตามคำพิพากษา แม้จำเลยจะถูกพิพากษาว่าเบิกความเท็จในคดีแพ่ง แต่การยึดทรัพย์นั้นชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยเป็นเจ้าหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้นให้จำเลย จำเลยย่อมมีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอให้ศาลชั้นต้นสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ แม้ภายหลังโจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา และศาลพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดว่าจำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแพ่งเกี่ยวกับอายุความที่โจทก์ตัดฟ้องไว้ คำพิพากษาคดีอาญาในเรื่องที่จำเลยเบิกความเท็จ ก็หามีผลลบล้างคำพิพากษาในคดีแพ่งไม่
จำเลยอาจกระทำละเมิดต่อโจทก์ตามผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญาแต่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน เพราะเหตุจำเลยเบิกความเท็จ กลับฟ้องคดีโดยมีมูลฟ้องว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่าคดีแพ่งที่จำเลยฟ้องนั้นขาดอายุความแล้ว และจำเลยเบิกความเท็จเกี่ยวกับวันตายของผู้กู้เงิน จนศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จ คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยยังแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ที่จำเลยยึดไว้อีก เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ดังนี้จำเลยมีสิทธิที่จะกระทำเช่นนั้นได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าการที่จำเลยขอประกาศขายทรัพย์สินที่ยึด ภายหลังจากจำเลยรู้ว่าจำเลยมีความผิดในคดีอาญา เป็นการกระทำโดยไม่ สุจริต และละเมิดต่อโจทก์ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ไม่เป็นลาภมิควรได้และการถอนการบังคับคดีจะพึงกระทำได้ก็ต้องขอและว่ากล่าวกันแต่ในคดีเดิมเมื่อมีกรณีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้นอกศาล: ศาลไม่เพิกถอนยึดทรัพย์หากเจ้าหนี้ปฏิเสธการรับชำระหนี้
โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยอ้างส่งใบรับเงินและว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์ไปตามที่มีการตกลงกันนอกศาล โดยโจทก์ลดจำนวนหนี้ให้ด้วย เมื่อโจทก์ปฏิเสธและต่อสู้ว่าเป็นลายเซ็นชื่อโจทก์ผู้รับเงินปลอม กรณีย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 ซึ่งบัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดี ศาลจึงจะมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์หาได้ไม่ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยถึงใบรับเงินและการชำระหนี้ของจำเลย ซึ่งจะเป็นประการใดก็เป็นเรื่องของจำเลยจะไปว่ากล่าวกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษาและการเพิกถอนการยึดทรัพย์: หลักฐานการชำระหนี้ต้องเป็นการวางเงินต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยอ้างส่งใบรับเงินและว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์ไปตามที่มีการตกลงกันนอกศาล โดยโจทก์ลดจำนวนหนี้ให้ด้วย เมื่อโจทก์ปฏิเสธและต่อสู้ว่าเป็นลายเซ็นชื่อโจทก์ผู้รับเงินปลอม กรณีย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 ซึ่งบัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดี. ศาลจึงจะมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์หาได้ไม่ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยถึงใบรับเงินและการชำระหนี้ของจำเลย. ซึ่งจะเป็นประการใดก็เป็นเรื่องของจำเลยจะไปว่ากล่าวกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการยกเว้นการบังคับคดีเนื่องจากข้อตกลงนอกศาล ศาลฎีกาพิพากษาว่าการตกลงนอกศาลไม่สามารถขัดขวางการบังคับคดีตามคำพิพากษาได้
เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติ โจทก์ย่อมขอบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 จำเลยจะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลมาเป็นเหตุ ให้งดการบังคับคดี เพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการยกเว้นการบังคับคดีเนื่องจากข้อตกลงนอกศาล: ศาลฎีกาวางหลักว่าการตกลงนอกศาลไม่อาจขัดขวางการบังคับคดีตามคำพิพากษา
เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์ย่อมขอบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 จำเลยจะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลมาเป็นเหตุให้งดการบังคับคดีเพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนชำระหนี้ตามสัญญานอกศาล ไม่ผูกพันการบังคับคดี หากโจทก์ไม่รับรองการชำระหนี้ครบถ้วน
จำเลยอ้างว่าได้ผ่อนชำระหนี้ตามสัญญายอมความในศาลเสร็จสิ้นแล้ว. โดยตกลงกันว่าโจทก์จะไม่คิดดอกเบี้ยตามสัญญา.โจทก์ปฏิเสธว่าจำเลยไม่เคยชำระหนี้. ไม่เคยตกลงยอมไม่คิดดอกเบี้ย. ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำการนอกศาล โดยศาลไม่รับรู้ด้วย. เมื่อโจทก์ไม่รับรองว่าได้รับเงินครบถ้วนแล้ว. จำเลยจะยกมาเป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาลและการบังคับคดี
จำเลยอ้างว่าได้ผ่อนชำระหนี้ตามสัญญายอมความในศาลเสร็จสิ้นแล้ว โดยตกลงกันว่าโจทก์จะไม่คิดดอกเบี้ยตามสัญญา โจทก์ปฏิเสธว่าจำเลยไม่เคยชำระหนี้ ไม่เคยตกลงยอมไม่คิดดอกเบี้ยดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำการนอกศาล โดยศาลไม่รับรู้ด้วย เมื่อโจทก์ไม่รับรองว่าได้รับเงินครบถ้วนแล้ว จำเลยจะยกมาเป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนชำระหนี้นอกศาลและการบังคับคดี: ศาลไม่รับรองการตกลงนอกสัญญา หากโจทก์ยังไม่รับรองการชำระหนี้ครบถ้วน
จำเลยอ้างว่าได้ผ่อนชำระหนี้ตามสัญญายอมความในศาลเสร็จสิ้นแล้ว โดยตกลงกันว่าโจทก์จะไม่คิดดอกเบี้ยตามสัญญา โจทก์ปฏิเสธว่าจำเลยไม่เคยชำระหนี้ ไม่เคยตกลงยอมไม่คิดดอกเบี้ย ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำการนอกศาล โดยศาลไม่รับรู้ด้วย เมื่อโจทก์ไม่รับรองว่าได้รับเงินครบถ้วนแล้ว จำเลยจะยกมาเป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันผู้ร้องต้องชำระหนี้แทนจำเลยเมื่อจำเลยไม่ชำระ
โจทก์และผู้ร้องขัดทรัพย์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมเป็นใจความว่า. ผู้ร้องขอให้โจทก์ขายทอดตลาดเฉพาะเรือนตามประกาศทรัพย์อันดับ 2 ไปก่อน หากขายเรือนได้เงิน.ไม่พอชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา. ผู้ร้องจะยอมชำระเงินให้โจทก์แทนจำเลยจนครบ ฯลฯ ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลยขาดจำนวนอยู่ผู้ร้องต้องชำระหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอม. เมื่อไม่ชำระ. โจทก์จึงขอให้บังคับผู้ร้องชำระหนี้แทนจำเลยจนครบได้.
of 11