คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 289

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 364 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่าจากการยิงปืนที่กระสุนไม่ลั่น ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำนั้นมีเจตนาประทุษร้ายต่อชีวิตและเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80
จำเลยใช้ปืนพกลูกโม่ชนิดทำเองยิงผู้เสียหาย ปืนนี้ใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตได้มีช่องบรรจุกระสุน 7 ช่อง แต่จำเลยบรรจุไว้เพียง 4 ช่อง ช่องที่ตรงกับเข็มแทงชนวนอาจเป็นช่องว่าง เมื่อจำเลยสับนกลงไปจึงมีเสียงดังเพียะเท่านั้น กระสุนปืนไม่ลั่น และปืนนี้เวลายิงต้องใช้มือหมุนลูกโม่ จำเลยยิงซ้ำโดยไม่ได้หมุนลูกโม่ให้ช่องที่บรรจุกระสุนตรงกับเข็มแทงชนวนอาจเป็นเพราะความรีบร้อนหรือตกตะลึง ถ้าจำเลยได้บรรจุกระสุนไว้ในช่องที่ตรงกับเข็มแทงชนวนเมื่อยิงครั้งแรก หรือหมุนลูกโม่ให้เข็มแทงชนวนตรงกับช่องที่บรรจุกระสุนเมื่อยิงซ้ำ กระสุนปืนจะต้องลั่น และผู้เสียหายก็น่าจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการแน่แท้ว่าจะไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายได้ต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามฆ่าด้วยอาวุธปืนที่บรรจุกระสุนไม่เต็มช่อง แม้กระสุนไม่ลั่น แต่ยังถือเป็นความพยายามฆ่า
จำเลยใช้ปืนพกลูกโม่ชนิดทำเองยิงผู้เสียหาย ปืนนี้ใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตได้มีช่องบรรจุกระสุน 7 ช่อง แต่ จำเลยบรรจุไว้เพียง 4 ช่อง ช่องที่ตรงกับเข็มแทงชนวนอาจเป็นช่องว่าง เมื่อจำเลยสับนกลงไปจึงมีเสียงดังเพียะเท่านั้น กระสุนปืนไม่ลั่นและปืนนี้เวลายิงต้องใช้มือหมุนลูกโม่ จำเลยยิงซ้ำโดยไม่ได้หมุนลูกโม่ให้ช่องที่บรรจุกระสุนตรงกับเข็มแทงชนวนอาจเป็นเพราะความรีบร้อนหรือตกตะลึง ถ้าจำเลยได้บรรจุกระสุนไว้ในช่องที่ตรงกับเข็มแทงชนวนเมื่อยิงครั้งแรก หรือหมุนลูกโม่ให้เข็มแทงชนวนตรงกับช่องที่บรรจุกระสุนเมื่อยิงซ้ำ กระสุนปืนจะต้องลั่น และผู้เสียหายก็น่าจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการแน่แท้ว่าจะไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายได้ ต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์ทำร้ายร่างกายร้ายแรง ร่วมด้วยการวางแผนลวงร่วมประเวณีก่อนลงมือ และทิ้งผู้เสียหายในป่า ชี้ชัดถึงเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยใช้ไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว 1 แขนตีผู้เสียหายที่บริเวณหน้าหลายครั้ง จนใบหน้าช้ำบวมเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรและคอ โหนกแก้มมีแผลขนาด 1.05 x 0.5 เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูและฟันล่าง) สอบไปนานประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่า ถ้ารักษาช้าไปสักวันสองวันอาจจะตายได้ เช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจ เมื่อจดทะเบียนแล้ว ในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่าผู้เสียถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่า เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรอง: การทำร้ายร่างกายภรรยาด้วยอาวุธอันตรายจนบาดเจ็บสาหัสและการวางแผนล่วงหน้า
จำเลยใช้ไม้กลมโตเท่าข้อมือ ยาวราว 1 แขนตีผู้เสียหายที่บริเวณหน้าหลายครั้ง จนใบหน้าช้ำบวมเขียวตั้งแต่ขอบตาทั้งสองข้างถึงบริเวณขากรรไกรและคอ โหนกแก้มมีแผลขนาด 1.05X0.5 เซนติเมตร จมูกฉีก สมองกระเทือนอย่างแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน (เฉพาะกระดูกและฟันล่าง) สลบไปนานประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์ผู้ตรวจให้ความเห็นว่า ถ้ารักษาช้าไปสักวันสองวันอาจจะตายได้ เช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า
จำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้เสียหายด้วยความจำใจเมื่อจดทะเบียนแล้วในวันนั้นจำเลยบอกผู้เสียหายว่าจะพาไปหามารดา แต่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าป่าและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนลงมือทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าเป็นแผนการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปฆ่าเพื่อให้พ้นความเกี่ยวข้อง การร่วมประเวณีก่อนทำร้ายก็เพื่ออำพรางว่า ผู้เสียหายถูกคนร้ายข่มขืนชำเราแล้วฆ่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือพยายามฆ่า และการข่มขู่เจ้าพนักงาน: เจตนาสำคัญในการประเมินความผิด
จำเลยทั้งสองพกปืนไปหาผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ควักปืนออกมาชี้ปากกระบอกปืนไปที่ผู้เสียหายแล้วถามจำเลยที่ 1 ว่า คนนี้ใช่ไหม จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 3 นัด จำเลยที่ 2 ยิงปืนขู่ 1 นัด และพูดขู่ไม่ให้พวกผู้เสียหายติดตาม แล้วจำเลยทั้งสองพากันวิ่งหนีไป ดังนี้ จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
เมื่อตำรวจติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 และแสดงตัวให้ทราบว่าเป็นตำรวจจำเลยที่ 2 จ้องปืนมาที่ตำรวจ แต่ไม่ยิงทั้งๆ ที่มีโอกาสยิงได้ ปล่อยให้ตำรวจกระโดดเข้าปัดปืนจากจำเลยจนปืนลั่น โดยไม่ปรากฏว่าปืนลั่นเพราะจำเลยมีเจตนายิง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 จ้องปืนเพื่อขู่ตำรวจเท่านั้น ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันพยายามฆ่าและข่มขู่เจ้าพนักงาน: การพิจารณาเจตนาจากพฤติการณ์
จำเลยทั้งสองพกปืนไปหาผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ควักปืนออกมาชี้ปากกระบอกปืนไปที่ผู้เสียหายแล้วถามจำเลยที่ 1 ว่า คนนี้ใช่ไหม จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 3 นัด จำเลยที่ 2 ยิงปืนขู่ 1 นัด และพูดขู่ไม่ให้พวกผู้เสียหายติดตาม แล้วจำเลยทั้งสองพากันวิ่งหนีไป ดังนี้ จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
เมื่อตำรวจติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 และแสดงตัวให้ทราบว่าเป็นตำรวจจำเลยที่ 2 จ้องปืนมาที่ตำรวจ แต่ไม่ยิงทั้ง ๆ ที่มีโอกาสยิงได้ ปล่อยให้ตำรวจกระโดดเข้าปัดปืนจากจำเลยจนปืนลั่นโดยไม่ปรากฏว่าปืนลั่นเพราะจำเลยมีเจตนายิง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 จ้องปืนเพื่อขู่ตำรวจเท่านั้นยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากใช้อาวุธปืน แม้กระสุนขัดลำกล้อง แต่มีเจตนาและเหตุการณ์อันตราย
จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นแบบโอโตเมติคบรรจุกระสุนปืน 2 นัดยิงเจ้าพนักงานตำรวจในระยะห่าง 1 เมตร แต่กระสุนปืนขัดลำกล้องจึงไม่ลั่น ปืนของกลางนี้เป็นปืนที่ใช้ยิงได้ไม่ชำรุด กระสุนปืนตั้ง 2 นัด ก็ใช้ยิงได้ ปืนและกระสุนปืนของกลางใช้ยิงด้วยกันได้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 80,(ตามนัยฎีกาที่ 771/2513,147/2504 และ 980/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่าจากการใช้ปืนยิงเจ้าพนักงาน แม้กระสุนขัดลำกล้อง ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นแบบโอโตเมติคบรรจุกระสุนปืน 2 นัด ยิงเจ้าพนักงานตำรวจในระยะห่าง 1 เมตร แต่กระสุนปืนขัดลำกล้องจึงไม่ลั่น ปืนของกลางนี้เป็นปืนที่ใช้ยิงได้ไม่ชำรุด กระสุนปืนทั้ง 2 นัดก็ใช้ยิงได้ ปืนและกระสุนปืนของกลางใช้ยิงด้วยกันได้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,80, (ตามนัยฎีกาที่ 771/2513, 147/2504 และ 980/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ศาลพิจารณาพฤติการณ์ร่วมกระทำผิดและเจตนาของผู้กระทำ
ในการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายนั้น ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 เพียงแต่จับมือบุตรสาวผู้สายซึ่งยื่นอยู่ที่หน้าร้านที่เกิดเหตุไว้ ไม่ได้ร่วมกระทำการฆ่าผู้ตายด้วย ทั้งไม่ได้ความว่ารู้ว่าจำเลยอื่นเจตนาฆ่าผู้ตายมาแต่ต้น จึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้ายเท่านั้น
ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้ขวานตีศรีษะผู้ตาย 3 ที จำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นจ่อยิงหน้าอกผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยที่ 1 และ ที่ 2 พากันไปเก็บเงินในลิ้นชักโต๊ะแล้วหลบหนีไป เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 นอกเหนือจากความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 วรรคสุดท้ายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์และการหลีกเลี่ยงความผิด
ในการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายนั้น ปรากฏว่าจำเลยที่ 3เพียงแต่จับมือบุตรสาวผู้ตายซึ่งยืนอยู่ที่หน้าร้านที่เกิดเหตุไว้ ไม่ได้ร่วมกระทำการฆ่าผู้ตายด้วย ทั้งไม่ได้ความว่ารู้ว่าจำเลยอื่นเจตนาฆ่าผู้ตายมาแต่ต้น จึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้ายเท่านั้น
ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้ขวานตีศีรษะผู้ตาย 3 ที จำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นจ่อยิงหน้าอกผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยที่ 1 และที่ 2 พากันไปเก็บเงินในลิ้นชักโต๊ะแล้วหลบหนีไปเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 นอกเหนือจากความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 วรรคสุดท้าย ด้วย
of 37