พบผลลัพธ์ทั้งหมด 364 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำโดยมีอารมณ์โกรธและวางแผนล่วงหน้า
จำเลยโกรธผู้ตายที่กล่าวหาว่าจำเลยลักกระบือไปฆ่า จึงหาเหตุไปจับผู้ตายโดยอาศัยการที่จำเลยเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เมื่อจำเลยจับผู้ตายได้แล้ว ก็พาผู้ตายไปฆ่าทิ้งเสียที่กลางป่า การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำโดยมีโกรธเคืองเป็นแรงจูงใจ และใช้ตำแหน่งหน้าที่อำนวยความสะดวก
จำเลยโกรธผู้ตายที่กล่าวหาว่าจำเลยลักกระบือไปฆ่า จึงหาเหตุไปจับผู้ตายโดยอาศัยการที่จำเลยเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เมื่อจำเลยจับผู้ตายได้แล้ว ก็พาผู้ตายไปฆ่าทิ้งเสียที่กลางป่า การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้นชู้สาว ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเหตุเกิดจากบันดาลโทสะ
ผู้ตายมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภรรยาจำเลย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพาภรรยาจำเลยไปค้างที่อื่น จำเลยจึงไปหาผู้ตาย ณ ที่ทำงานเพื่อขอให้ผู้ตายส่งภรรยาของจำเลยคืน ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายผู้ตายเมื่อพบผู้ตาย ผู้ตายหลบหนีจำเลยเข้าไปในห้องน้ำ จำเลยจึงเกิดมีความโกรธขึ้นได้ตามเข้าไปแทงผู้ตายในห้องน้ำถึงแก่ความตายด้วยอาวุธที่จำเลยพกติดตัวมา ดังนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน แม้มีอาวุธติดตัว เหตุเกิดจากความโมโหและผู้ตายหลบหนี
ผู้ตายมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับภรรยาจำเลย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพาภรรยาจำเลยไปค้างที่อื่น จำเลยจึงไปหาผู้ตาย ณ ที่ทำงาน เพื่อขอให้ผู้ตายส่งภรรยาของจำเลยคืน ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายผู้ตายเมื่อพบผู้ตาย ผู้ตายหลบหนีจำเลยเข้าไปในห้องน้ำ จำเลยจึงเกิดมีความโกรธขึ้นได้ตามเข้าไปแทงผู้ตายในห้องน้ำถึงแก่ความตายด้วยอาวุธที่จำเลยพกติดตัวมา ดังนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการลดโทษในคดีอาญา: ศาลพิจารณาพยานหลักฐานและบทบาทของจำเลยแต่ละคน
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ที่สืบประกอบคำรับสารภาพว่า เจ้าพนักงานได้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย ที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 หัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตาย เป็นหัวกระสุนปืนที่ใช้ยิงจากปืนของกลางที่จับได้จาก จำเลยที่ 1 ผู้เสียหายแจ้งถึงรูปร่าง ผิวเนื้อลักษณะหน้าตา ตลอดจนอายุและเครื่องแต่งกายของจำเลยได้ละเอียดและชี้ตัวได้ถูกต้อง และพยานโจทก์อีก 2 ปาก ก็จำจำเลยได้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีแน่นหนามั่นคงเช่นนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และ 2 จึงไม่พอจะถือได้ว่าให้ความรู้แก่ศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการลดโทษในคดีอาญา: การพิจารณาประโยชน์ของการรับสารภาพต่อการพิจารณาคดี
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ที่สืบประกอบคำรับสารภาพว่า เจ้าพนักงานได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 หัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตายเป็นหัวกระสุนปืนที่ใช้ยิงจากปืนของกลางที่จับได้จากจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายแจ้งถึงรูปร่าง ผิวเนื้อลักษณะหน้าตา ตลอดจนอายุและเครื่องแต่งกายของจำเลยได้ละเอียดและชี้ตัวได้ถูกต้อง และพยานโจทก์อีก 2 ปาก ก็จำจำเลยได้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีแน่นหนามั่นคงเช่นนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และ 2 จึงไม่พอจะถือได้ว่าให้ความรู้แก่ศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน & ต่อสู้ขัดขวางการจับกุม: เจตนาสำคัญแม้ผลไม่บรรลุ
จำเลยชักปืนออกมาจ้องไปทางร้อยตำรวจตรีเสรีและมีเสียงดัง "เชี๊ยะ" แสดงว่าจำเลยได้ยิงร้อยตำรวจตรีเสรีแล้ว แต่กระสุนปืนด้านกระสุนปืนจึงไม่ลั่นไปถูกร้อยตำรวจตรีเสรีสมเจตนาของจำเลย หากกระสุนปืนลั่นถูกร้อยตำรวจตรีเสรี ร้อยตำรวจตรีเสรีก็อาจจะถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าร้อยตำรวจตรีเสรี โดยจำเลยกระทำผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และการที่ร้อยตำรวจตรีเสรีได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบว่าจำเลยต้องหาฐานลักทรัพย์และแสดงหมายจับ จึงเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่พฤติการณ์ของร้อยตำรวจตรีเสรีที่แสดงต่อจำเลยดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าร้อยตำรวจตรีเสรีเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาจับจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ จำเลยวิ่งหนีแล้วใช้อาวุธปืนยิงร้อยตำรวจตรีเสรีเพื่อต่อสู้ขัดขวางมิให้จับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และต่อสู้ขัดขวางการจับกุมโดยใช้กำลัง
จำเลยชักปืนออกมาจ้องไปทางร้อยตำรวจตรีเสรีและมีเสียงดัง "เชี๊ยะ" แสดงว่าจำเลยได้ยิงร้อยตำรวจตรีเสรีแล้วแต่กระสุนปืนด้าน กระสุนปืนจึงไม่ลั่นไปถูกร้อยตำรวจตรีเสรีสมเจตนาของจำเลย หากกระสุนปืนลั่นถูกร้อยตำรวจตรีเสรี ร้อยตำรวจเสรีก็อาจจะถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าร้อยตำรวจตรีเสรี โดยจำเลยกระทำผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และการที่ร้อยตำรวจตรีเสรีได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบว่าจำเลยต้องหาฐานลักทรัพย์และแสดงหมายจับ จึงเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่พฤติการณ์ของร้อยตำรวจตรีเสรีที่แสดงต่อจำเลยดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าร้อย ตำรวจตรีเสรีเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาจับจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ จำเลยวิ่งหนีแล้วใช้อาวุธปืนยิงร้อยตำรวจตรีเสรีเพื่อต่อสู้ขัดขวางมิให้จับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้ผลไม่ถึงแก่ชีวิต ศาลพิจารณาจากแผนการและพฤติการณ์
จำเลยปักใจเชื่อว่าผู้เสียหายฆ่าหลานชายจำเลย จึงวางแผนฆ่าผู้เสียหาย โดยให้น้องชายไปแจ้งตำรวจให้จับผู้เสียหายที่บ้านผู้มีชื่อและจำเลยไปรออยู่ใกล้บ้านนั้น เมื่อตำรวจมาถึงจำเลยรับอาสานำตำรวจไปจับผู้เสียหาย แล้วจำเลยเดินลุยน้ำไปยิงผู้เสียหายทันทีขณะผู้เสียหายนั่งอยู่บนบ้านนั้น กระสุนปืนถูกขาผู้เสียหาย จำเลยยิงแล้วหลบหนีไป เมื่อตำรวจจับได้ก็แก้ตัวว่ายิงเพื่อป้องกันตำรวจเช่นนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงเพื่อประทับความผิด ชี้เจตนาพยายามฆ่า แม้ถูกเพียงขา
จำเลยปักใจเชื่อว่าผู้เสียหายฆ่าหลายชายจำเลย จึงวางแผนฆ่าผู้เสียหาย โดยให้น้องชายไปแจ้งตำรวจให้จับผู้เสียหายที่บ้านผู้มีชื่อและจำเลยไปรออยู่ใกล้บ้านนั้น เมื่อตำรวจมาถึงจำเลยรับอาสานำตำรวจไปจับผู้เสียหาย แล้วจำเลยเดินลุยน้ำไปยิงผู้เสียหายทันทีขณะผู้เสียหายนั่งอยู่บนบ้านนั้น กระสุนปืนถูกขาผู้เสียหาย จำเลยยิงแล้วหลบหนีไป เมื่อตำรวจจับได้ก็แก้ตัวว่ายิงเพื่อป้องกันตำรวจเช่นนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน