คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมชัย เกษชุมพล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 292 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเลิกสัญญาเช่าซื้อและการผิดสัญญา การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขชำระเบี้ยประกันภัยโดยฝ่ายเดียวเป็นเหตุให้โจทก์บอกเลิกสัญญาได้
สัญญาเช่าซื้อระบุให้จำเลยผู้เช่าซื้อมีสิทธิยกเลิกข้อตกลงตามบันทึกโดยอาศัยเหตุอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้กำหนดไว้ในบันทึกนี้ การจะยกเลิกข้อตกลงนั้นจึงต้องมีเหตุอื่น ๆ อันจะเป็นหลักแห่งข้ออ้างในการเลิกข้อตกลง และเหตุอื่น ๆ นั้น น่าจะเป็นหรือเกิดจากการกระทำของคู่สัญญา ในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำการผิดเงื่อนไขข้อสัญญาแต่ประการใด ระยะเวลาให้จำเลยชำระเบี้ยประกันภัยนั้นระบุไว้ในสัญญาโดยชัดแจ้ง การเปลี่ยนระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยของจำเลยนั้นเป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบโดยไม่มีเหตุอันควรจะอ้าง จึงรับฟังไม่ขึ้น เมื่อจำเลยไม่ชำระเบี้ยประกันเป็นการผิดข้อตกลงตามสัญญา จำเลยย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ได้มีหนังสือเตือนให้จำเลยชำระเบี้ยประกันภัยแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2734/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภริยา: การกู้เงินเพื่อซ่อมแซมบ้านและเลี้ยงดูบุตร ถือเป็นหนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือน
จำเลยที่ 1 นำเงินที่กู้มาได้ไปใช้ในการซ่อมแซมบ้านป้า เพราะป้าดูแลจำเลยที่ 1มาตั้งแต่เล็กรวมทั้งดูแลบุตรของจำเลยที่ 1 ด้วย การนำเงินกู้ไปซ่อมแซมบ้านของป้าก็เพื่อประโยชน์และความผาสุกของบุตรทั้งสามคนของจำเลยทั้งสอง กรณีจึงเป็นหนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490(1)จึงเป็นหนี้ร่วมที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสามีต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2734/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภริยา: การใช้เงินกู้เพื่อประโยชน์ครอบครัวและบุตร ถือเป็นหนี้เกี่ยวกับการจัดการบ้านเรือน
จำเลยที่ 1 อยู่กับป้าและบุตรทั้งสามคนอยู่กับป้าด้วย ทั้งจำเลยที่ 2 ก็รับว่าให้ป้าดูแลบุตรของตน ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 นำเงินกู้ไปซ่อมแซมบ้านของป้าก็เพื่อประโยชน์และความผาสุกของบุตรทั้งสามคนของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากัน กรณีจึงเป็นหนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัวตามมาตรา 1490 (1) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2376/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังจำเลยเสียชีวิต ทายาทรับผิดชอบหน้าที่และความรับผิดชอบของจำเลยเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดินตามสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถส่งมอบให้ได้ ให้จำเลยใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ดังนี้ เมื่อคดีถึงที่สุดและจำเลยถึงแก่ความตายในระหว่างการบังคับคดีหน้าที่และความรับผิด ย่อมตกทอดแก่ทายาทเพื่อให้การบังคับคดีเสร็จสิ้นไปเท่านั้น กรณีไม่ใช่เรื่องคดีค้างพิจารณาอันจะต้องปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 และ 44 เมื่อจำเลยเป็นผู้ดำเนินคดีโดยแต่งตั้งทนายความต่อสู้คดีมาแต่ต้น ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่อ้างว่าผิดระเบียบในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2376/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังจำเลยเสียชีวิต: สิทธิของทายาทจำกัดเฉพาะการดำเนินคดีให้เสร็จสิ้น ไม่ใช่การเพิกถอนกระบวนพิจารณา
จำเลยถึงแก่ความตายในระหว่างการบังคับคดี หน้าที่และความรับผิดย่อมตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599,1600เพื่อให้การบังคับเสร็จสิ้นไปเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องคดีค้างพิจารณาอันจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 และ 44

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2301/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลรับฟังพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ แม้คู่ความมิได้ร้องขอ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 86 วรรคท้าย ในกรณีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจะสั่งให้นำพยานหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติมก็ได้ และแม้คู่ความจะมิได้ระบุพยานเพิ่มเติมศาลก็สามารถรับฟังพยานหลักฐานที่มีการสืบเพิ่มเติมนั้นได้เช่นกันตาม ป.วิ.พ.มาตรา 87 (2) การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ทำแผนที่วิวาท แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ลงชื่อรับรอง แต่จำเลยทั้งสองก็มิได้โต้แย้งว่าแผนที่วิวาทดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไร ศาลชั้นต้นจึงรับฟังแผนที่วิวาทซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินทำขึ้นดังกล่าวประกอบพยานหลักฐานอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2301/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งรังวัดที่ดินระหว่างพิจารณาคดี, แผนที่วิวาท, การรับฟังพยานเพิ่มเติม, และการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดที่ดินและทำแผนที่วิวาทตามคำขอของโจทก์ แม้จะมีคำสั่งภายหลังโจทก์และจำเลยสืบพยานเสร็จสิ้นแล้วก็เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ทำแผนที่วิวาทเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคท้าย ซึ่งสามารถสั่งได้เองโดยไม่ต้องมีฝ่ายใดร้องขอหรือจะสั่งตามที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอก็ได้ เมื่อศาลอนุญาตแล้วแม้คู่ความจะมิได้ระบุพยานเพิ่มเติมศาลก็สามารถรับฟังพยานหลักฐานที่มีการสืบเพิ่มเติมนั้นได้ตามมาตรา 87(2) ส่วนพยานหลักฐานนั้นจะมีน้ำหนักรับฟังได้เพียงใดเป็นเรื่องของการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันซื้อขายสินค้าและการผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนด
แม้การสั่งซื้อสินค้าพิพาทและการลงลายมือชื่อรับสินค้าของเจ้าหน้าที่คลังสินค้าของจำเลยจะถูกต้องตามระเบียบที่จำเลยกำหนดหรือไม่ก็ตาม แต่การที่สินค้าพิพาทอยู่ที่จำเลยและพฤติการณ์ที่จำเลยได้ส่งสินค้าพิพาทบางส่วนไปให้โจทก์ซ่อมแซม ถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันในการซื้อสินค้าพิพาทแล้ว จำเลยจึงต้องชำระราคาสินค้าพิพาทแก่โจทก์
ข้อตกลงการชำระราคาสินค้ามีว่าต้องชำระภายใน 45 วัน นับแต่วันส่งมอบสินค้า จึงเป็นหนี้ที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อจำเลยมิได้ชำระหนี้ตามกำหนด จึงถือได้ว่าจำเลยผิดนัดโดยโจทก์มิพักต้องเตือนอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระนับแต่วันครบกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดในใบส่งของ และการคิดดอกเบี้ยโดยไม่ต้องเตือน
ข้อตกลงการชำระราคาสินค้าพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยตามที่ระบุไว้ในใบส่งของว่าต้องชำระภายใน 45 วัน นับแต่วันส่งมอบสินค้า โจทก์ส่งมอบสินค้าครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2540 และครั้งหลังเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2540 จำเลยจึงต้องชำระราคาครั้งแรกในวันที่ 20 มีนาคม 2540 และครั้งหลังในวันที่ 17 สิงหาคม 2540 จึงเป็นหนี้ที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อจำเลยมิได้ชำระตามกำหนด ถือได้ว่าจำเลยผิดนัดโดยโจทก์มิพักต้องเตือนอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 204 วรรคสอง จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระนับแต่วันครบกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดเวลาในสัญญาซื้อขาย และการคิดดอกเบี้ย
ข้อตกลงการชำระราคาสินค้าพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยตามที่ระบุไว้ในใบส่งของว่าต้องชำระภายใน 45 วัน นับแต่วันส่งมอบสินค้า โจทก์ส่งมอบสินค้าครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2540 และครั้งหลังเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2540 จำเลยจึงต้องชำระราคาครั้งแรกในวันที่ 20 มีนาคม 2540 และครั้งหลังในวันที่ 17 สิงหาคม 2540 จึงเป็นหนี้ที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อจำเลยมิได้ชำระตามกำหนด ถือได้ว่าจำเลยผิดนัดโดยโจทก์มิพักต้องเตือนอีก ตาม ป.พ.พ.มาตรา 204 วรรคสอง จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระนับแต่วันครบกำหนด
of 30