พบผลลัพธ์ทั้งหมด 78 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยปิดหมายตามคำสั่งศาล และสิทธิในการยื่นคำให้การของผู้ถูกฟ้อง
เจ้าพนักงานส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยวิธีปิดหมายและสำเนาฟ้อง ซึ่งศาลได้สั่งไว้แล้วตอนรับฟ้อง เป็นการส่งตามคำสั่งศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 76
ส่วนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 นั้น เป็นเรื่องศาลมิได้มีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งไว้ล่วงหน้า ต่อมาไม่สามารถส่งตามวิธีปกติได้ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งโดยวิธีการอื่นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี ศาลฎีกาจะวินิจฉัยเสียเองโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
ส่วนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 นั้น เป็นเรื่องศาลมิได้มีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งไว้ล่วงหน้า ต่อมาไม่สามารถส่งตามวิธีปกติได้ ศาลจึงมีคำสั่งกำหนดวิธีการส่งโดยวิธีการอื่นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดี ศาลฎีกาจะวินิจฉัยเสียเองโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกจำเลยต่างชาติ การมีภูมิลำเนาต่างประเทศมีผลต่อการดำเนินคดีในไทย
การลงโฆษณาหมายเรียกจำเลยทางหนังสือพิมพ์นั้น ย่อมมีผลเฉพาะจำเลยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย หรือได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราวในระหว่างระยะเวลาที่ได้มีการลงโฆษณา
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกจำเลยชาวต่างชาติที่มีภูมิลำเนาต่างประเทศ การส่งหมายทางหนังสือพิมพ์มีผลเฉพาะจำเลยที่มีภูมิลำเนาในไทย
การลงโฆษณาหมายเรียกจำเลยทางหนังสือพิมพ์นั้น ย่อมมีผลเฉพาะจำเลยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย หรือได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราวในระหว่างระยะเวลาที่ได้มีการลงโฆษณา
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกจำเลยต่างชาติ การมีภูมิลำเนาในไทยเป็นสำคัญ
การลงโฆษณาหมายเรียกจำเลยทางหนังสือพิมพ์นั้น. ย่อมมีผลเฉพาะจำเลยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย หรือได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราวในระหว่างระยะเวลาที่ได้มีการลงโฆษณา.
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย. มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย. เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก. ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้.
จำเลยเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย. มีภูมิลำเนาอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย. เมื่อพนักงานสอบสวนปล่อยตัวจำเลย จำเลยกลับไปประเทศมาเลเซียก่อนศาลชั้นต้นลงโฆษณาหมายเรียกจำเลย และไม่ปรากฏว่าหลังจากนั้น จำเลยได้กลับมาในประเทศไทยอีก. ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าได้มีการส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยในประเทศโดยชอบแล้ว ศาลจึงดำเนินคดีต่อไปไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดฟ้องคดีเนื่องจากจำเลยอยู่ในต่างประเทศ และพฤติการณ์นอกเหนือความสามารถในการบังคับได้
จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้อง โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่บ้านโจทก์ซึ่งเป็นสำนักทำการห้างหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และคนของโจทก์เป็นผู้รับหมายไว้แทน ตลอดจนมีการปิดหมายนัดพิจารณาที่บ้านดังกล่าว ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้ทราบฟ้องและการพิจารณาของศาล
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียยังมิได้กลับประเทศไทย จึงไม่ทราบการถูกฟ้องและการพิจารณาของศาล ถือว่าได้กล่าวถึงเหตุที่ขาดนัดโดยละเอียดชัดแจ้งแล้ว
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่าตามคำให้การที่จำเลยยื่นควรชนะโจทก์ได้ เพราะความจริงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันยังไม่เลิก โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าหุ้นคืน ถือว่าได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว
พฤติการณ์ที่จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้องจนถึงวันที่ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จำเลยก็ยังมิได้กลับ เมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้อง ก็ทำใบมอบอำนาจต่อกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ให้ผู้รับมอบอำนาจมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ถือได้ว่ากรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ (อ้างฎีกาที่ 42/2506)
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียยังมิได้กลับประเทศไทย จึงไม่ทราบการถูกฟ้องและการพิจารณาของศาล ถือว่าได้กล่าวถึงเหตุที่ขาดนัดโดยละเอียดชัดแจ้งแล้ว
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่าตามคำให้การที่จำเลยยื่นควรชนะโจทก์ได้ เพราะความจริงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันยังไม่เลิก โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าหุ้นคืน ถือว่าได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว
พฤติการณ์ที่จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้องจนถึงวันที่ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จำเลยก็ยังมิได้กลับ เมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้อง ก็ทำใบมอบอำนาจต่อกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ให้ผู้รับมอบอำนาจมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ถือได้ว่ากรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ (อ้างฎีกาที่ 42/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดฟ้องคดีและการพิจารณาใหม่: พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้เนื่องจากจำเลยอยู่ในต่างประเทศ
จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้อง โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่บ้านโจทก์ซึ่งเป็นสำนักทำการห้างหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และคนของโจทก์เป็นผู้รับหมายไว้แทน ตลอดจนมีการปิดหมายนัดพิจารณาที่บ้านดังกล่าวยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้ทราบฟ้องและการพิจารณาของศาล
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียยังมิได้กลับประเทศไทยจึงไม่ทราบการถูกฟ้องและการพิจารณาของศาลถือว่าได้กล่าวถึงเหตุที่ขาดนัดโดยละเอียดชัดแจ้งแล้ว
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่าตามคำให้การที่จำเลยยื่นควรชนะโจทก์ได้ เพราะความจริงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันยังไม่เลิก โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าหุ้นคืนถือว่าได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว
พฤติการณ์ที่จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้องจนถึงวันที่ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จำเลยก็ยังมิได้กลับเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้อง ก็ทำใบมอบอำนาจต่อกงสุลใหญ่ ณเมืองกัลกัตตา ให้ผู้รับมอบอำนาจมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ถือได้ว่ากรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ (อ้างฎีกาที่ 42/2506)
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียยังมิได้กลับประเทศไทยจึงไม่ทราบการถูกฟ้องและการพิจารณาของศาลถือว่าได้กล่าวถึงเหตุที่ขาดนัดโดยละเอียดชัดแจ้งแล้ว
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่าตามคำให้การที่จำเลยยื่นควรชนะโจทก์ได้ เพราะความจริงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันยังไม่เลิก โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าหุ้นคืนถือว่าได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว
พฤติการณ์ที่จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้องจนถึงวันที่ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จำเลยก็ยังมิได้กลับเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้อง ก็ทำใบมอบอำนาจต่อกงสุลใหญ่ ณเมืองกัลกัตตา ให้ผู้รับมอบอำนาจมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ถือได้ว่ากรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ (อ้างฎีกาที่ 42/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากจำเลยอยู่ในต่างประเทศ และการพิจารณาเหตุสุดวิสัยในการยื่นคำขอพิจารณาใหม่
จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้อง. โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่บ้านโจทก์ซึ่งเป็นสำนักทำการห้างหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย. และคนของโจทก์เป็นผู้รับหมายไว้แทน ตลอดจนมีการปิดหมายนัดพิจารณาที่บ้านดังกล่าว. ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้ทราบฟ้องและการพิจารณาของศาล.
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียยังมิได้กลับประเทศไทย. จึงไม่ทราบการถูกฟ้องและการพิจารณาของศาล. ถือว่าได้กล่าวถึงเหตุที่ขาดนัดโดยละเอียดชัดแจ้งแล้ว.
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่าตามคำให้การที่จำเลยยื่นควรชนะโจทก์ได้ เพราะความจริงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันยังไม่เลิก. โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าหุ้นคืน. ถือว่าได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว.
พฤติการณ์ที่จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้องจนถึงวันที่ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จำเลยก็ยังมิได้กลับ. เมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้อง ก็ทำใบมอบอำนาจต่อกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ให้ผู้รับมอบอำนาจมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่. ถือได้ว่ากรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้.(อ้างฎีกาที่ 42/2506).
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียยังมิได้กลับประเทศไทย. จึงไม่ทราบการถูกฟ้องและการพิจารณาของศาล. ถือว่าได้กล่าวถึงเหตุที่ขาดนัดโดยละเอียดชัดแจ้งแล้ว.
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่าตามคำให้การที่จำเลยยื่นควรชนะโจทก์ได้ เพราะความจริงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันยังไม่เลิก. โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าหุ้นคืน. ถือว่าได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว.
พฤติการณ์ที่จำเลยไปอยู่ที่ประเทศอินเดียก่อนโจทก์ฟ้องจนถึงวันที่ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จำเลยก็ยังมิได้กลับ. เมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้อง ก็ทำใบมอบอำนาจต่อกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ให้ผู้รับมอบอำนาจมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่. ถือได้ว่ากรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้.(อ้างฎีกาที่ 42/2506).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์วันที่ได้รับหนังสือแจ้งหนี้ในคดีล้มละลาย เพื่อใช้สิทธิปฏิเสธหนี้ภายใน 14 วัน
แม้จะถือว่าหนังสือของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีการส่งโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 76 แล้วก็ตาม ก็ยังถือเป็นเด็ดขาดไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รับในวันส่ง ผู้ร้องอาจนำสืบความจริงว่าตนได้รับจริงๆ เมื่อใด เพื่อแก้ตัวว่าได้ตอบปฏิเสธหนี้มาภายใน14 วัน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 วรรคหนึ่ง