คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สิงห์พล ละอองมณี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 132 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อหาปลอมตั๋วเงินเนื่องจากฎีกาไม่ชัดเจน และพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่มีเจตนาใช้ตั๋วเงินปลอม
ฎีกาของโจทก์มิได้มีข้อความตอนใดโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่วินิจฉัยว่าพยานโจทก์และโจทก์ร่วมยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดฐานปลอมตั๋วเงิน เพราะข้อความในฎีกาของโจทก์ล้วนแต่ยกเหตุผลโต้แย้งว่าจำเลยร่วมกระทำผิดฐานใช้ตั๋วเงินปลอม แต่มีข้อความตอนท้ายฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกปลอมตั๋วเงิน ฎีกาของโจทก์ในข้อหาความผิดฐานร่วมกันปลอมตั๋วเงินเป็นฎีกาไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง
จำเลยนำเช็คซึ่งเป็นตั๋วเงินปลอมเข้าบัญชีจำเลยเพื่อเรียกเก็บเงินแทนนางยุพาโดยไม่ทราบว่าเป็นตั๋วเงินปลอม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด เป็นการขาดเจตนากระทำความผิดฐานใช้ตั๋วเงินปลอมตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 266 (4) และมาตรา 59 วรรคสาม วรรคสอง และวรรคหนึ่ง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานร่วมกับพวกใช้ตั๋วเงินปลอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดหลายบท: ปลอมเอกสารเพื่อออกนอกประเทศ
การที่จำเลยกับพวกร่วมกันไปเอาเสียซึ่งหนังสือเดินทางประเทศออสเตรเลียและปลอมหนังสือเดินทางเล่มดังกล่าว โดยนำรูปถ่ายของจำเลยมาติดแทนภาพของผู้มีชื่อในหนังสือเดินทาง จากนั้นจำเลยกับพวกได้ปลอมรอยตราประทับบันทึกการตรวจอนุญาตให้คนเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงโดยมีเจตนาเดียวกันคือเพื่อให้จำเลยออกนอกราชอาณาจักร ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นและความผิดฐานปลอมเอกสารกับปลอมเอกสารราชการจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ของผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
จ. และ ก. มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทร่วมกันจึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททุกตารางนิ้วร่วมกัน เมื่อผู้ร้องครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทส่วนของ จ. รวมทั้งที่ดินส่วนของ ก. ทั้งแปลงโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงเป็นการครอบครองปรปักษ์ต่อที่ดินพิพาททั้งของ จ. และ ก. ด้วยตนเองโดยตรง เมื่อผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทส่วนของ จ. โดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทส่วนของ ก. ด้วย มิใช่ว่าเมื่อได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทส่วนของ จ. แล้วจะเป็นการครอบครองที่ดินพิพาทส่วนของ ก. แทน ก. ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมเช่นเดียวกับ จ. ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมกันในโฉนดที่ดินด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินร่วมกัน การครอบครองปรปักษ์ครอบคลุมทั้งแปลง
ผู้ร้องครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทส่วนของ จ. และของ ก. ทั้งแปลงโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงเป็นการครอบครองปรปักษ์ต่อที่ดินพิพาททั้งของ จ. และ ก. ด้วยตนเองโดยตรง เมื่อผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทส่วนของ จ. โดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทส่วนของ ก. ด้วย หาใช่ว่าเมื่อได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทส่วน ของ จ. แล้วจะครอบครองที่ดินพิพาทส่วนของ ก. แทน ก. ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมเช่นเดียวกับ จ. ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมกันในโฉนดที่ดินด้วยไม่ ดังนั้น ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทส่วนของ ก. โดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับสัญญาเหมา: การลดจำนวนเบี้ยปรับให้เหมาะสมตามหลักกฎหมายแพ่ง
โจทก์เป็นหน่วยงานของรัฐ และสัญญาจ้างเหมาเป็นสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างทางลาดยางถนนบนคันกั้นน้ำเค็มเบอร์ 1 ในเขตโครงการก่อสร้างทางชลประทานที่ 5 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจหลักของโจทก์ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ แต่ข้อตกลงตามสัญญาจ้างเหมาะระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ก็เป็นความผูกพันตามหลักกฎหมายแพ่งว่าด้วยนิติกรรมสัญญาทั่วไป หาได้ก่อให้เกิดสิทธิพิเศษใดๆ แก่โจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเพิ่มเติมขึ้นแต่อย่างใดไม่ และต้องอยู่ภายใต้บังคับตามหลักเกณฑ์การพิจารณาปรับลดเบี้ยปรับลงเป็นจำนวนพอสมควรตาม ป.พ.พ. มาตรา 383 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย กรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษลดลงเล็กน้อย โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
ความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เฉพาะโทษโดยลดมาตราส่วนโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 76 แม้จะยกฟ้องความผิดฐานอื่นซึ่งเป็นบทเบากว่าและศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกันกับความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวด้วย ก็เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาให้ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งนั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมปลอม & ขอบเขตการนำสืบพยาน: ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยกฟ้อง เหตุโจทก์นำสืบพยานนอกประเด็น
เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยปัญหานี้ไว้ในคำพิพากษาว่า การขาดนัดพิจารณาของจำเลยเป็นไปโดยจงใจ ปัญหาเรื่องจงใจขาดนัดพิจารณาหรือไม่จึงถึงที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 เบญจ วรรคสี่ จำเลยจะฎีกาอีกว่าจำเลยไม่จงใจขาดนัดพิจารณาอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11181/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนของกลาง: เจ้าของรถไม่รู้เห็นการกระทำผิด และการสั่งริบซ้ำซ้อน
คดีร้องขอคืนของกลางมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามคำร้องของผู้ร้องเพียงว่า ศาลจะสั่งคืนรถยนต์บรรทุกของกลางให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นที่ว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดเพราะจำเลยไม่รู้ว่ารถยนต์บรรทุกของกลางบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นเรื่องที่จำเลยต้องยกขึ้นต่อสู้ในคดีหลัก ผู้ร้องจะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นร้องขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลางไม่ได้
ในคดีหลักศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางและคดีถึงที่สุดแล้ว แม้คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนรถยนต์บรรทุกของกลางแก่ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง ศาลชั้นต้นก็ไม่จำต้องสั่งให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางเพียงกึ่งหนึ่งอีกเพราะเป็นการสั่งซ้ำ
of 14