พบผลลัพธ์ทั้งหมด 541 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6921/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: เหตุผลพิเศษและเหตุสุดวิสัยที่ใช้ได้ตามกฎหมาย
คำร้องของจำเลยขอให้กำหนดเวลาให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นเรื่องการขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ย่อมเป็นผลสืบเนื่องมาจากการยกคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินของจำเลย หากศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินก็จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ การอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงิน จำเลยชอบที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 หากศาลอุทธรณ์ขยายระยะเวลาวางเงินให้แก่จำเลย คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นอันตกไปเนื่องจากจำเลยยังสามารถวางเงินได้อีกจึงไม่ใช่กรณีอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลอุทธรณ์จึงต้องวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยว่าสามารถขยายระยะเวลาวางเงินให้จำเลยหรือไม่ แล้วมีคำพิพากษาไปตามรูปคดี การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไปในกรณีอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบ
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินไปถึงวันที่ 17 มีนาคมการที่จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินอีกครั้งในวันที่ 21 เมษายนจึงเป็นการขอขยายระยะเวลาภายหลังจากระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้สิ้นไปแล้ว ในกรณีเช่นนี้จะขยายระยะเวลาให้จำเลยได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย แต่ตามคำร้องของจำเลยอ้างว่าทนายจำเลยคนเดิมมิได้แจ้งให้ทนายจำเลยคนใหม่ทราบถึงเรื่องที่ยังไม่ได้วางเงิน ซึ่งเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยเอง จึงไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลาวางเงินให้จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินไปถึงวันที่ 17 มีนาคมการที่จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินอีกครั้งในวันที่ 21 เมษายนจึงเป็นการขอขยายระยะเวลาภายหลังจากระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้สิ้นไปแล้ว ในกรณีเช่นนี้จะขยายระยะเวลาให้จำเลยได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย แต่ตามคำร้องของจำเลยอ้างว่าทนายจำเลยคนเดิมมิได้แจ้งให้ทนายจำเลยคนใหม่ทราบถึงเรื่องที่ยังไม่ได้วางเงิน ซึ่งเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยเอง จึงไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลาวางเงินให้จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6921/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับอุทธรณ์: การขยายเวลาวางค่าธรรมเนียม และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
คำร้องของจำเลยขอให้กำหนดเวลาให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ เป็นเรื่องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ย่อมเป็นผลสืบเนื่องมาจากการยกคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินของจำเลย หากศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินก็จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ การอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงิน จำเลยชอบที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6451/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้โทรศัพท์มือถือผิดกฎหมายและการพิจารณาเหตุรอการลงโทษ
การที่จำเลยมีเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบมือถือไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วนำเครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวมาปรับคลื่นความถี่ให้ตรงกับหมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้อื่นและใช้ส่งสัญญาณเสียงไปยังบุคคลภายนอก ก่อให้เกิดความเสียหายและเดือดร้อนต่อผู้อื่นโดยไม่เป็นธรรม แม้จะฟังได้ว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นต้องอุปการะครอบครัวก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย และเหตุบรรเทาโทษจากคำรับสารภาพที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา
การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีจนกะโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้น มิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตาม ป.อ. มาตรา 289 (5) แต่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนตาม ป.อ. มาตรา 289 (7)
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ได้นั้น ต้องเป็นกรณีให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ได้นั้น ต้องเป็นกรณีให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษประหารชีวิตในคดีอาญา ความสำคัญของคำรับสารภาพที่ให้ความรู้แก่ศาล และการรวมโทษ
ผู้ตายถูกไม้ตีที่ศีรษะจนกระโหลกแตกละเอียดและยุบ และที่เนินดินจอมปลวกเหนือศพผู้ตายมีรอยยุบลักษณะถูกศีรษะคนกระแทก แต่ไม่ได้ความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กระทำการทารุณโหดร้ายผู้ตายอย่างไรบ้าง เพราะโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีศีรษะผู้ตายจนกระโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้น มิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่ลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานพฤติเหตุแวดล้อมแน่นหนามั่นคง โดยเฉพาะเลือดที่ติดอยู่ที่กางเกงชั้นในของจำเลยมี DNAHLADQoc ชนิด 1.2,1.2 ตรงกับผู้ตาย แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ศาลก็ได้อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน หาใช่รับสารภาพเพราะสำนึกในความผิดไม่ คำรับสารภาพของจำเลยทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาในกรณีเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมอีกได้ จึงจะนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) มาใช้กับกรณีที่ศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดกระทงที่หนักที่สุดหาได้ไม่
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่ลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานพฤติเหตุแวดล้อมแน่นหนามั่นคง โดยเฉพาะเลือดที่ติดอยู่ที่กางเกงชั้นในของจำเลยมี DNAHLADQoc ชนิด 1.2,1.2 ตรงกับผู้ตาย แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ศาลก็ได้อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน หาใช่รับสารภาพเพราะสำนึกในความผิดไม่ คำรับสารภาพของจำเลยทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาในกรณีเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมอีกได้ จึงจะนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) มาใช้กับกรณีที่ศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดกระทงที่หนักที่สุดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5456/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หลังพ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และการเลือกนายกฯ
บทเฉพาะกาลแห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯกำหนดให้สภาจังหวัดเป็นสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยมิได้บัญญัติให้มีการเลือกประธานสภาและรองประธานสภาขึ้นใหม่ คงให้เลือกเฉพาะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่านั้นแม้จะมีระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ กำหนดให้มีการเลือกประธานสภาและรองประธานสภาขึ้นใหม่ก็ตามแต่เป็นกรณีมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแล้วเท่านั้น การที่จำเลยที่ 1เรียกประชุมสภาเพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและการที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นประธานสภาจังหวัดมิได้ทำหน้าที่ดำเนินการประชุมทั้งที่อยู่ในที่ประชุมจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยังผลให้ผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในการประชุมครั้งนั้นมิชอบไปด้วย ดังนั้น จำเลยที่ 2จึงยังคงดำรงตำแหน่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอยู่ และสามารถเรียกประชุมให้มีการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตามกฎหมายได้ การประชุมในครั้งหลังจึงชอบด้วยกฎหมายและหาเป็นโมฆะไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4843/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการอนุญาตถอนฟ้อง และหลักการใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงความสุจริตและความเสียหายของจำเลย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 ให้โจทก์ใช้สิทธิถอนฟ้องได้เมื่อไม่ต้องการดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไป แต่เมื่อจำเลยยื่นคำให้การแล้วศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องโดยไม่ฟังจำเลยก่อนไม่ได้และไม่ว่าจำเลยจะคัดค้านการขอถอนฟ้องหรือไม่ ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องก็ได้ โดยคำนึงถึงความสุจริตของโจทก์ในการดำเนินคดี ตลอดจนความเป็นธรรมและความเสียหายที่จะเกิดแก่จำเลยประกอบด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องถึงตัวบุคคลผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาผิดซึ่งจำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าไม่ถูกต้อง ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเรื่องดังกล่าวแล้ว ข้อบกพร่องในคำฟ้องของโจทก์ย่อมหมดไปไม่ว่าโจทก์จะดำเนินคดีต่อไปหรือยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีเพื่อแก้ไขปรับปรุงคำฟ้องให้บริบูรณ์ยิ่งขึ้นแล้วยื่นฟ้องเข้ามาเป็นคดีใหม่ ก็ไม่ทำให้จำเลยทั้งสองเสียเปรียบในเชิงคดี เพราะจำเลยทั้งสองยังคงมีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการต่อสู้คดีกับโจทก์ได้อย่างเต็มที่ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า หากศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นต้องพิพากษายกฟ้อง เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองคาดหมายเอาเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ดำเนินคดีโดยไม่สุจริตจนเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหาย การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคำคัดค้านของจำเลยทั้งสองแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงชอบแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องถึงตัวบุคคลผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาผิดซึ่งจำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าไม่ถูกต้อง ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเรื่องดังกล่าวแล้ว ข้อบกพร่องในคำฟ้องของโจทก์ย่อมหมดไปไม่ว่าโจทก์จะดำเนินคดีต่อไปหรือยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีเพื่อแก้ไขปรับปรุงคำฟ้องให้บริบูรณ์ยิ่งขึ้นแล้วยื่นฟ้องเข้ามาเป็นคดีใหม่ ก็ไม่ทำให้จำเลยทั้งสองเสียเปรียบในเชิงคดี เพราะจำเลยทั้งสองยังคงมีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการต่อสู้คดีกับโจทก์ได้อย่างเต็มที่ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า หากศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นต้องพิพากษายกฟ้อง เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองคาดหมายเอาเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ดำเนินคดีโดยไม่สุจริตจนเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหาย การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคำคัดค้านของจำเลยทั้งสองแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4577/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิทธิฟ้องอาญาจากสัญญาประนีประนอมยอมความและการจำหน่ายคดี
ขณะที่โจทก์ฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ยังไม่ระงับ โจทก์ยังมีอำนาจฟ้องและการกระทำของจำเลยตามฟ้องก็เป็นความผิด เมื่อสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปภายหลังและความปรากฏขึ้นในอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเท่านั้นซึ่งจะมีผลให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นระงับไปโดยไม่ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4577/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาและการจำหน่ายคดีออกจากสารบบ
ขณะที่โจทก์ฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ยังไม่ระงับโจทก์ยังมีอำนาจฟ้องและการกระทำของจำเลยตามฟ้องก็เป็นความผิด เมื่อสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปภายหลังและความปรากฏขึ้นในอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเท่านั้น ซึ่งจะมีผลให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นระงับไปโดยไม่ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4577/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งต่อการดำเนินคดีอาญาฐานเช็ค
ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ยังไม่ระงับโจทก์ยังมีอำนาจฟ้องและการกระทำของจำเลยตามฟ้องก็เป็นความผิดเมื่อสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปภายหลังและความปรากฏขึ้นในอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเท่านั้น ซึ่งจะมีผลให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นระงับไปโดยไม่ต้องพิพากษายกฟ้อง