คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 386

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 888 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายเนื่องจากคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามสัญญา และการคืนเงินค่าที่ดิน
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาท ส่วนที่ค้างตกลงกันให้จำเลยหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์เป็นการชำระค่าที่ดินเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเลิกสัญญาเช่าให้โจทก์ผ่อนราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จำเลยหักค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นค่าที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาท โจทก์เอารถแทรกเตอร์คืนไม่ชำระค่าที่ดินอีกเลย กลับเรียกเอาเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลย ถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลย นับแต่วันทำสัญญาถึงวันที่ฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องขอบังคับเอาส่วนที่เหลือจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดิน จำเลยก็มิได้โต้แย้งอันแสดงความประสงค์ว่าจะให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีจำเลยก็บอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่มีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างและมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึงเป็นการที่จำเลยได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีก เท่ากับสนองรับโดยปริยายในการที่โจทก์บอกเลิกสัญญา คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย: การกระทำที่แสดงเจตนาเลิกสัญญาของทั้งสองฝ่ายและผลกระทบทางกฎหมาย
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาท ส่วนที่ค้างตกลงกันให้จำเลยหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์เป็นการชำระค่าที่ดินเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเลิกสัญญาเช่าให้โจทก์ผ่อนราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาทเมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์จำเลยหักค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นค่าที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาทโจทก์ก็เอารถแทรกเตอร์คืนไม่ชำระค่าที่ดินอีกเลย กลับเรียกเอาเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลยถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลย นับแต่วันทำสัญญาถึงวันที่ฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องขอบังคับเอาส่วนที่เหลือจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดินจำเลยก็มิได้โต้แย้งอันแสดงความประสงค์ว่าจะให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีจำเลยก็บอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่มีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างและมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึง เป็น การที่จำเลยได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีก เท่า กับสนองรับโดยปริยายในการที่โจทก์บอกเลิกสัญญา คู่สัญญา ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจ้างและการลดเบี้ยปรับ: ดุลพินิจของเจ้าของสัญญาและผลกระทบจากสถานการณ์วัสดุก่อสร้างขาดแคลน
มติคณะรัฐมนตรีที่ให้ส่วนราชการเจ้าของสัญญาใช้ดุลพินิจต่ออายุสัญญาให้ผู้รับจ้างตามความเหมาะสมโดยไม่ต้องปรับเป็นเพียงนโยบายหรือแนวทางปฏิบัติเท่านั้นหามีผลแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาไม่การที่โจทก์เห็นว่าไม่สมควรต่ออายุสัญญาให้จำเลยที่ 1 ยังถือไม่ได้ว่าการบอกเลิกสัญญาของโจทก์เป็นไปโดยมิชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2037/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและการมีอำนาจฟ้องร้องเรียกคืนทรัพย์สิน
แม้จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ 2 คราวติด ๆ กัน เป็นการผิดสัญญาเช่าซื้อข้อ 5 ซึ่งผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาและผู้เช่าซื้อต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืนทันทีก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อหาได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาไม่ จำเลยจึงยังไม่มีหน้าที่ที่จะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืนโจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบคืนบ้านและที่ดินพิพาทและเรียกค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์จากการให้เช่าบ้าน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างแรงงาน: สิทธิบอกเลิกสัญญาช่วงทดลองงาน, การผิดสัญญา, และค่าเสียหาย
ในข้อสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์จำเลยที่ว่าจำเลยมีสิทธิจะบอกเลิกสัญญาได้ทันที โดยไม่ต้องให้เหตุผลในการบอกเลิกนั้น ต้องปรากฏว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสมในระหว่างการทดลองงานหกเดือนแรกของการว่าจ้างเมื่อโจทก์ยังไม่ได้เริ่มทดลองงาน จำเลยหามีสิทธิบอกเลิกสัญญาโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3186/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิรุธการชำระเงินค่างวดเช่าซื้อ และการใช้รถยนต์นอกเขตสัญญา ไม่ถือเป็นเหตุบอกเลิกสัญญา
สัญญาเช่าซื้อกำหนดว่า ถ้านำรถยนต์ออกนอกเขตที่ระบุต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ ผิดสัญญาข้อนี้เลิกสัญญาได้แต่ข้อนี้ไม่ใช่ข้อสำคัญตามที่ มาตรา 574 บัญญัติไว้เป็นพิเศษและผู้ให้เช่าซื้อทราบเหตุนี้แล้วก็ไม่ทักท้วง จึงไม่ถือว่าผู้เช่าซื้อผิดสัญญา
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ระบุว่า ชำระเงินแล้ว 45,000 บาทผู้ให้เช่าซื้อนำสืบพยานบุคคลอธิบายได้ว่า ความจริงชำระ 25,000 บาท วันหลังจึงชำระอีก 20,000 บาท แต่ศาลไม่เชื่อว่าเป็นความจริงตามที่นำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2865/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเลิกสัญญาซื้อขายเรือยนต์: จำเลยยึดเรือคืน และต้องคืนเงินค่าเรือหักค่าใช้เรือแล้ว
จำเลยขายเรือยนต์แก่โจทก์ โจทก์ชำระราคาเป็นงวด ๆ จำเลยยึดเรือคืนจากโจทก์ โจทก์ปฏิเสธว่าไม่มีหน้าที่ชำระราคาและไม่เรียกเรือกลับคืน เป็นเจตนาเลิกสัญญากันแล้ว จำเลยต้องคืนราคาที่รับไปแก่โจทก์โดยหักเงินเป็นค่าที่โจทก์ได้ใช้เรือของจำเลยมาแล้วออก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2821/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจ้างก่อสร้างและการชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ก่อสร้างอาคาร เมื่อโจทก์ลงมือก่อสร้างไปบ้างแล้ว โจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา กรณีเช่นนี้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ส่วนการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว จำเลยต้องชดใช้คืนด้วยการใช้เงินตามควรค่าแห่งการนั้น ๆ โดยไม่ต้องคำนึงว่าคู่สัญญาฝ่ายที่บอกเลิกสัญญาจะเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ เว้นแต่ค่าเสียหายจะเรียกได้เฉพาะฝ่ายที่ไม่ได้ผิดสัญญา เพราะผลงานที่โจทก์ทำให้จำเลยไปแล้วในขณะที่บอกเลิกสัญญาย่อมเป็นประโยชน์แก่จำเลยโดยตรง เมื่อผู้อื่นรับจ้างก่อสร้างอาคารต่อไป ผู้รับจ้างรายใหม่ก็ใช้ผลงานที่โจทก์ทำไว้แล้วต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2732/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาจ้างทำของ และการนับอายุความเรียกร้องค่าจ้าง เมื่อเงื่อนไขการชำระหนี้ไม่เป็นไปตามตกลง
จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำแม่พิมพ์ เมื่อค่าจ้างครบหนึ่งแสนบาทจึงคิดบัญชีกันครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยจ้างโจทก์แล้วค้างชำระหนี้ยังไม่ถึงหนึ่งแสนบาท จำเลยไม่ว่าจ้างอีก กลับไปสั่งทำจากที่อื่นแทน ครั้นโจทก์ทวงถามให้ชำระ จำเลยก็ผัดผ่อน ถือได้ว่าได้มีการเลิกสัญญาดังกล่าวแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างทำของ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) บัญญัติให้มีอายุความ 2 ปี ได้ความว่า เดิมมีข้อตกลงว่า เมื่อค่าจ้างครบจำนวนหนึ่งแสน จึงจะมีการคิดบัญชีและชำระหนี้กัน เมื่อเดือนมีนาคม 2517 โจทก์ติดต่อจำเลยขอเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินเป็นว่าครบ 50,000 บาท ให้คิดบัญชีกันครั้งหนึ่งแต่จำเลยยังไม่ได้ตกลงด้วย จำเลยได้สั่งทำแม่พิมพ์เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายน 2517 รวมราคาทั้งสิ้น 68,395 บาท แล้วจำเลยงดสั่งทำ กลับไปสั่งทำจากที่อื่น เดือนพฤษภาคม 2517 โจทก์ทราบ จึงได้ทวงให้จำเลยชำระหนี้ เช่นนี้เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยเลิกจ้างและโจทก์ทวงถามเมื่อเดือน-พฤษภาคม 2517 จึงมีผลให้สัญญาจ้างเลิกกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเกิดและเริ่มนับอายุความตอนนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2519 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2732/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าจ้างทำของเริ่มนับเมื่อสัญญาเลิกกัน แม้มีข้อตกลงคิดบัญชีเมื่อยอดถึง 100,000 บาท
จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำแม่พิมพ์ เมื่อค่าจ้างครบหนึ่งแสนบาทจึงคิดบัญชีกันครั้งหนึ่งหลังจากจำเลยจ้างโจทก์แล้วค้างชำระหนี้ยังไม่ถึงหนึ่งแสนบาท จำเลยไม่ว่าจ้างอีกกลับไปสั่งทำจากที่อื่นแทน ครั้นโจทก์ทวงถามให้ชำระจำเลยก็ผัดผ่อนถือได้ว่าได้มีการเลิกสัญญาดังกล่าวแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างทำของ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) บัญญัติให้มีอายุความ 2 ปี ได้ความว่า เดิมมีข้อตกลงว่า เมื่อค่าจ้างครบจำนวนหนึ่งแสนจึงจะมีการคิดบัญชีและชำระหนี้กัน เมื่อเดือน มีนาคม 2517 โจทก์ติดต่อจำเลยขอเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินเป็นว่าครบ 50,000 บาท ให้คิดบัญชีกันครั้งหนึ่งแต่จำเลยยังไม่ได้ตกลงด้วยจำเลยได้สั่งทำแม่พิมพ์เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายน 2517 รวมราคาทั้งสิ้น 68,395 บาท แล้วจำเลยงดสั่งทำ กลับไปสั่งทำจากที่อื่น เดือน พฤษภาคม 2517 โจทก์ทราบ จึงได้ทวงให้จำเลยชำระหนี้ เช่นนี้เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยเลิกจ้างและโจทก์ทวงถามเมื่อเดือนพฤษภาคม 2517 จึงมีผลให้สัญญาจ้างเลิกกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเกิดและเริ่มนับอายุความตอนนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2519 คดีโจทก์ จึงไม่ขาดอายุความ
of 89