พบผลลัพธ์ทั้งหมด 888 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างรับราชการและการค้ำประกันสัญญา: ความรับผิดเมื่อถูกปลดออกเนื่องจากผิดวินัย
นักเรียนจ่าในสถานศึกษาของกองทัพเรือซึ่งทำสัญญาไว้ว่าเมื่อเรียนสำเร็จ จะต้องรับราชการในสังกัดกองทัพเรือไม่น้อยกว่า 5 ปี มิฉะนั้นต้องเสียค่าตอบแทน แม้การที่รับราชการไม่ครบ เป็นเพราะทางราชการสั่งปลด เนื่องจากกระทำผิดวินัยย่อมถือว่าผู้นั้นกระทำตนเองให้ไม่อาจรับราชการต่อไปได้ จึงต้องใช้ค่าตอบแทนตามสัญญา กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่ากองทัพเรือบอกเลิกสัญญาหรือบอกปัดการชำระหนี้ของลูกหนี้
เมื่อไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ไปอยู่แห่งใดในพระราชอาณาเขตเจ้าหนี้ย่อมทวงให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้
คดีฟ้องเรียกเงินค่าตอบแทนในการที่นักเรียนจ่ามิได้รับราชการให้ครบกำหนดตามสัญญา ไม่อยู่ในอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(11),(12),(13)
กองทัพเรือมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพเรือและป้องกันราชอาณาจักร การจัดตั้งสถานศึกษาฝึกคนเตรียมกำลังไว้ย่อมเป็นหน้าที่ การที่กองทัพเรือทำสัญญาผูกมัดบุคคลที่เข้าศึกษาอบรมให้รับราชการในสังกัดตามระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นต้องเสียค่าตอบแทน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายย่อมอยู่ในอำนาจของกองทัพเรือ หาเป็นการนอกขอบเขตแห่งวัตถุที่ประสงค์ไม่
เมื่อไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ไปอยู่แห่งใดในพระราชอาณาเขตเจ้าหนี้ย่อมทวงให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้
คดีฟ้องเรียกเงินค่าตอบแทนในการที่นักเรียนจ่ามิได้รับราชการให้ครบกำหนดตามสัญญา ไม่อยู่ในอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(11),(12),(13)
กองทัพเรือมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพเรือและป้องกันราชอาณาจักร การจัดตั้งสถานศึกษาฝึกคนเตรียมกำลังไว้ย่อมเป็นหน้าที่ การที่กองทัพเรือทำสัญญาผูกมัดบุคคลที่เข้าศึกษาอบรมให้รับราชการในสังกัดตามระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นต้องเสียค่าตอบแทน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายย่อมอยู่ในอำนาจของกองทัพเรือ หาเป็นการนอกขอบเขตแห่งวัตถุที่ประสงค์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า, สัญญาต่างตอบแทน, การบอกเลิกสัญญา, ค่าเสียหาย, สิทธิการเช่า
คดีฟ้องขับไล่ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น เมื่อผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยช่วยออกเงินค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่ามีกำหนด 6 ปีนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนเมื่อหมดอายุสัญญาเช่านั้นแล้ว จำเลยได้เช่าต่อมาสัญญาเช่าใหม่นี้เป็นสัญญาเช่าธรรมดาหาใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือจากสัญญาเช่าไม่
จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระภายหลังโจทก์บอกเลิกไปแล้วหาทำให้สัญญาที่โจทก์บอกเลิกไปแล้วมีผลให้ต้องผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่
จำเลยช่วยออกเงินค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่ามีกำหนด 6 ปีนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนเมื่อหมดอายุสัญญาเช่านั้นแล้ว จำเลยได้เช่าต่อมาสัญญาเช่าใหม่นี้เป็นสัญญาเช่าธรรมดาหาใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือจากสัญญาเช่าไม่
จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระภายหลังโจทก์บอกเลิกไปแล้วหาทำให้สัญญาที่โจทก์บอกเลิกไปแล้วมีผลให้ต้องผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและการสิ้นสุดของสัญญาต่างตอบแทน: การเช่าต่อหลังสัญญาต่างตอบแทนหมดอายุ
คดีฟ้องขับไล่ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น เมื่อผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยช่วยออกเงินค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่ามีกำหนด 6 ปีนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนเมื่อหมดอายุสัญญาเช่านั้นแล้ว จำเลยได้เช่าต่อมาสัญญาเช่าใหม่นี้เป็นสัญญาเช่าธรรมดา หาใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือจากสัญญาเช่าไม่
จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระภายหลังโจทก์บอกเลิกไปแล้วหาทำให้สัญญาที่โจทก์บอกเลิกไปแล้วมีผลให้ต้องผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่
จำเลยช่วยออกเงินค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่ามีกำหนด 6 ปีนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนเมื่อหมดอายุสัญญาเช่านั้นแล้ว จำเลยได้เช่าต่อมาสัญญาเช่าใหม่นี้เป็นสัญญาเช่าธรรมดา หาใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือจากสัญญาเช่าไม่
จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระภายหลังโจทก์บอกเลิกไปแล้วหาทำให้สัญญาที่โจทก์บอกเลิกไปแล้วมีผลให้ต้องผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและการสิ้นสุดของสัญญาต่างตอบแทน กรณีช่วยเหลือค่าก่อสร้าง
คดีฟ้องขับไล่ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น. เมื่อผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง. และศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้. จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้.
จำเลยช่วยออกเงินค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่ามีกำหนด 6 ปีนั้น. เป็นสัญญาต่างตอบแทน.เมื่อหมดอายุสัญญาเช่านั้นแล้ว. จำเลยได้เช่าต่อมาสัญญาเช่าใหม่นี้เป็นสัญญาเช่าธรรมดา. หาใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือจากสัญญาเช่าไม่.
จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระภายหลังโจทก์บอกเลิกไปแล้ว.หาทำให้สัญญาที่โจทก์บอกเลิกไปแล้วมีผลให้ต้องผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่.
จำเลยช่วยออกเงินค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่ามีกำหนด 6 ปีนั้น. เป็นสัญญาต่างตอบแทน.เมื่อหมดอายุสัญญาเช่านั้นแล้ว. จำเลยได้เช่าต่อมาสัญญาเช่าใหม่นี้เป็นสัญญาเช่าธรรมดา. หาใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษนอกเหนือจากสัญญาเช่าไม่.
จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระภายหลังโจทก์บอกเลิกไปแล้ว.หาทำให้สัญญาที่โจทก์บอกเลิกไปแล้วมีผลให้ต้องผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในสัญญาเช่า: การไม่จัดการบรรเทาความเสียหายหลังศาลพิพากษาถึงที่สุด ทำให้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายสิ้นสุดลง
จำเลยทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์จากโจทก์มีกำหนด 10 ปี โดยจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก่อนครบกำหนดตามสัญญาเช่า จำเลยไม่ประสงค์จเช่าต่อไป แต่จำเลยไม่ได้ติดต่อเลิกการเช่ากับโจทก์ ทำให้โจทก์เข้าใจว่าสัญญาเช่ายังผูกพันอยู่ จำเลยย่อมจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระค่าเช่าที่ค้าง ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดสัญญา คดีถึงที่สุด โจทก์ก็มีทางดำเนินการเพื่อเลิกการเช่าเพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่โจทก์ ถ้าโจทก์ไม่จัดการดังกล่าวถือว่าโจทก์มีส่วนผิดในความเสียหายอันเกิดแก่ตน ฉะนั้น นับแต่นั้นมาโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนด ความรับผิดในค่าเสียหาย และการบรรเทาความเสียหายของผู้ให้เช่า
จำเลยทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์จากโจทก์มีกำหนด 10 ปีโดยจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก่อนครบกำหนดตามสัญญาเช่า
จำเลยไม่ประสงค์จะเช่าต่อไป แต่จำเลยไม่ได้ติดต่อเลิกการเช่ากับโจทก์ ทำให้โจทก์เข้าใจว่าสัญญาเช่ายังผูกพันอยู่ จำเลยย่อมจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระค่าเช่าที่ค้าง ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดสัญญา คดีถึงที่สุด โจทก์ก็มีทางดำเนินการเพื่อเลิกการเช่าเพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่โจทก์ ถ้าโจทก์ไม่จัดการดังกล่าวถือว่าโจทก์มีส่วนผิดในความเสียหายอันเกิดแก่ตน ฉะนั้น นับแต่นั้นมาโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
จำเลยไม่ประสงค์จะเช่าต่อไป แต่จำเลยไม่ได้ติดต่อเลิกการเช่ากับโจทก์ ทำให้โจทก์เข้าใจว่าสัญญาเช่ายังผูกพันอยู่ จำเลยย่อมจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระค่าเช่าที่ค้าง ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดสัญญา คดีถึงที่สุด โจทก์ก็มีทางดำเนินการเพื่อเลิกการเช่าเพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่โจทก์ ถ้าโจทก์ไม่จัดการดังกล่าวถือว่าโจทก์มีส่วนผิดในความเสียหายอันเกิดแก่ตน ฉะนั้น นับแต่นั้นมาโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมให้รุกล้ำที่ดิน แม้ไม่จดทะเบียน ก็มีผลผูกพันระหว่างคู่สัญญาในลักษณะบุคคลสิทธิ์
สัญญาซึ่งเจ้าของที่ดินทำไว้กับเจ้าของที่ดินข้างเคียง โดยยอมให้อาคารของเจ้าของที่ดินข้างเคียงรุกล้ำเข้ามาได้ จนกว่าอาคารนั้นจะถูกรื้อไป แม้สัญญานี้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่ก่อให้เกิดทรัพย์สิทธิ์ แต่สัญญานี้ก็ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิ์ซึ่งบังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาอาคารรุกล้ำที่ดิน แม้ไม่จดทะเบียนก็ผูกพันคู่สัญญาได้
สัญญาซึ่งเจ้าของที่ดินทำไว้กับเจ้าของที่ดินข้างเคียงโดยยอมให้อาคารของเจ้าของที่ดินข้างเคียงรุกล้ำเข้ามาได้จนกว่าอาคารนั้นจะถูกรื้อไปแม้สัญญานี้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่ก่อให้เกิดทรัพย์สิทธิ แต่สัญญานี้ก็ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิซึ่งบังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609-1610/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิริบมัดจำหลังบอกเลิกสัญญา ถือเป็นการผ่อนผันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้โจทก์ริบมัดจำไม่ได้
โจทก์จ้างจำเลยร่วมขนดินซึ่งถ้าผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิเลิกสัญญา และริบมัดจำได้ จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันการชำระมัดจำของจำเลยร่วม ต่อมาโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยร่วม แต่หลังจากนั้นโจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยร่วมเกลี่ยดินที่กองไว้ให้ได้ระดับที่กำหนดให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด โดยจะพิจารณาจ่ายเงินที่ค้างให้จำเลยร่วมต่อไป และให้จำเลยร่วมจัดการต่ออายุสัญญาค้ำประกันเดิมไปจนกว่าจะเกลี่ยดินเสร็จ ดังนี้ แสดงว่าโจทก์กลับมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยร่วมอีกโดยยอมพิจารณาจ่ายเงินที่ค้างแก่จำเลยร่วมและยอมผ่อนผันไม่ริบมัดจำ ฉะนั้น บันทึกของจำเลยร่วมกับเจ้าหน้าที่ของโจทก์ตามคำขอของโจทก์ที่ว่าจำเลยร่วมจะเกลี่ยดินให้แล้วเสร็จอย่างช้าไม่เกิน 25 วัน ถ้าทำไม่เสร็จตามกำหนด โจทก์จึงจะริบเงินมัดจำ จึงแสดงว่าโจทก์สละสิทธิริบมัดจำตามสัญญาเดิม เป็นการผ่อนผันให้แก่กันตามลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609-1610/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิริบมัดจำหลังบอกเลิกสัญญา ถือเป็นการประนีประนอมยอมความ ทำให้โจทก์ไม่สามารถริบมัดจำได้
โจทก์จ้างจำเลยร่วมขนดินซึ่งถ้าผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิเลิกสัญญา และริบมัดจำได้จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันการชำระมัดจำของจำเลยร่วม ต่อมาโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยร่วม แต่หลังจากนั้นโจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยร่วมเกลี่ยดินที่กองไว้ให้ได้ระดับที่กำหนดให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดโดยจะพิจารณาจ่ายเงินที่ค้างให้จำเลยร่วมต่อไป และให้จำเลยร่วมจัดการต่ออายุสัญญาค้ำประกันเดิมไปจนกว่าจะเกลี่ยดินเสร็จดังนี้ แสดงว่าโจทก์กลับมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยร่วมอีก โดยยอมพิจารณาจ่ายเงินที่ค้างแก่จำเลยร่วมและยอมผ่อนผันไม่ริบมัดจำ ฉะนั้น บันทึกของจำเลยร่วมกับเจ้าหน้าที่ของโจทก์ตามคำขอของโจทก์ที่ว่าจำเลยร่วมจะเกลี่ยดินให้แล้วเสร็จอย่างช้าไม่เกิน 25 วัน ถ้าทำไม่เสร็จตามกำหนด โจทก์จะริบเงินมัดจำ จึงแสดงว่าโจทก์สละสิทธิริบมัดจำตามสัญญาเดิม เป็นการผ่อนผันให้แก่กันตามลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความ