พบผลลัพธ์ทั้งหมด 888 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยสิ้นสุดเมื่อชำระเบี้ยเกินกำหนด แม้มีโอกาสต่อสัญญา แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข
สัญญาประกันชีวิต ถือการชำระเบี้ยประกันภัยตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้เป็นสาระสำคัญแห่งสัญญา และเป็นเรื่องต่างตอบแทนกัน โดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้เอาประกันภัย
การที่ผู้เอาประกันภัยส่งเบี้ยประกันภัยเกินกำหนดเวลาและล่วงพ้นวันผ่อนผันตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้ว ถือว่าสัญญานั้นเป็นอันสิ้นสุดอายุ มีผลให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นอันสิ้นสุดบังคับไม่ได้ตามกฎหมายทันที หากจะให้มีผลบังคับต่อไปอีก ผู้เอาประกันภัยจะต้องปฏิบัติตามที่บริษัทผ่อนผันไว้ เช่น ทำใบรับรองสุขภาพในการขอต่อสัญญาที่ขาดอายุไปตามที่กำหนดในสัญญานั้น.
การที่ผู้เอาประกันภัยส่งเบี้ยประกันภัยเกินกำหนดเวลาและล่วงพ้นวันผ่อนผันตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้ว ถือว่าสัญญานั้นเป็นอันสิ้นสุดอายุ มีผลให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นอันสิ้นสุดบังคับไม่ได้ตามกฎหมายทันที หากจะให้มีผลบังคับต่อไปอีก ผู้เอาประกันภัยจะต้องปฏิบัติตามที่บริษัทผ่อนผันไว้ เช่น ทำใบรับรองสุขภาพในการขอต่อสัญญาที่ขาดอายุไปตามที่กำหนดในสัญญานั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยสิ้นสุดเมื่อชำระเบี้ยประกันภัยเกินกำหนด และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการต่อสัญญา
สัญญาประกันชีวิต ถือการชำระเบี้ยประกันภัยตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้เป็นสาระสำคัญแห่งสัญญา และเป็นเรื่องต่างตอบแทนกันโดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้เอาประกันภัย
การที่ผู้เอาประกันภัยส่งเบี้ยประกันภัยเกินกำหนดเวลาล่วงพ้นวันผ่อนผันตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้วถือว่าสัญญานั้นเป็นอันสิ้นสุดอายุ มีผลให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นอันสิ้นสุดบังคับไม่ได้ตามกฎหมายทันที หากจะให้มีผลบังคับต่อไปอีก ผู้เอาประกันภัยจะต้องปฏิบัติตามที่บริษัทผ่อนผันไว้เช่น ทำใบรับรองสุขภาพในการขอต่อสัญญาที่ขาดอายุไปตามที่กำหนดในสัญญานั้น
การที่ผู้เอาประกันภัยส่งเบี้ยประกันภัยเกินกำหนดเวลาล่วงพ้นวันผ่อนผันตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้วถือว่าสัญญานั้นเป็นอันสิ้นสุดอายุ มีผลให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นอันสิ้นสุดบังคับไม่ได้ตามกฎหมายทันที หากจะให้มีผลบังคับต่อไปอีก ผู้เอาประกันภัยจะต้องปฏิบัติตามที่บริษัทผ่อนผันไว้เช่น ทำใบรับรองสุขภาพในการขอต่อสัญญาที่ขาดอายุไปตามที่กำหนดในสัญญานั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่, การบอกเลิกสัญญาเช่า, ค่าเสียหายจากการเช่าพื้นที่พาณิชย์
จำเลยรับว่าเช่าที่จากโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่เช่าโดยไม่จำเป็นต้องเรียกคนอื่นที่ร่วมเช่าที่กับโจทก์มาเข้าชื่อฟ้องด้วย
จำเลยปลูกห้องแถว 5 ห้อง 2 ชั้น กั้นอยู่เฉพาะชั้นบน ติดป้ายว่าเป็นบริษัทรับก่อสร้าง อยู่ในที่ทำเลการค้าถือว่าห้องนั้นไม่ใช่เคหะ
ผู้แทนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาและโจทก์ก็ยังเก็บค่าเช่า ถือว่าโจทก์ผ่อนผันให้จำเลย มิใช่เจตนาต่อสัญญาเช่ากับจำเลย
โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้ค่าเช่าจากจำเลยเดือนละ 56 บาท จำเลยไม่สืบคัดค้าน ศาลย่อมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามอัตรานี้ได้.
จำเลยปลูกห้องแถว 5 ห้อง 2 ชั้น กั้นอยู่เฉพาะชั้นบน ติดป้ายว่าเป็นบริษัทรับก่อสร้าง อยู่ในที่ทำเลการค้าถือว่าห้องนั้นไม่ใช่เคหะ
ผู้แทนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาและโจทก์ก็ยังเก็บค่าเช่า ถือว่าโจทก์ผ่อนผันให้จำเลย มิใช่เจตนาต่อสัญญาเช่ากับจำเลย
โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้ค่าเช่าจากจำเลยเดือนละ 56 บาท จำเลยไม่สืบคัดค้าน ศาลย่อมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามอัตรานี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่, การบอกเลิกสัญญาเช่า, ค่าเสียหายจากการเช่าพื้นที่ค้า
จำเลยรับว่าเช่าที่จากโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่เช่าโดยไม่จำเป็นต้องเรียกคนอื่นที่ร่วมเช่าที่กับโจทก์มาเข้าชื่อฟ้องด้วย
จำเลยปลูกห้องแถว 5 ห้อง 2 ชั้น กั้นอยู่เฉพาะชั้นบน ติดป้ายว่าเป็นบริษัทรับก่อสร้าง อยู่ในที่ทำเลการค้าถือว่าห้องนั้นไม่ใช่เคหะ
ผู้แทนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาและโจทก์ก็ยังเก็บค่าเช่า ถือว่าโจทก์ผ่อนผันให้จำเลย มิใช่เจตนาต่อสัญญาเช่ากับจำเลย
โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้ค่าเช่าจากจำเลยเดือนละ 56 บาท จำเลยไม่สืบคัดค้าน ศาลย่อมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามอัตรานี้ได้
จำเลยปลูกห้องแถว 5 ห้อง 2 ชั้น กั้นอยู่เฉพาะชั้นบน ติดป้ายว่าเป็นบริษัทรับก่อสร้าง อยู่ในที่ทำเลการค้าถือว่าห้องนั้นไม่ใช่เคหะ
ผู้แทนโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาและโจทก์ก็ยังเก็บค่าเช่า ถือว่าโจทก์ผ่อนผันให้จำเลย มิใช่เจตนาต่อสัญญาเช่ากับจำเลย
โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้ค่าเช่าจากจำเลยเดือนละ 56 บาท จำเลยไม่สืบคัดค้าน ศาลย่อมให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามอัตรานี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับเหมาผิดสัญญาเนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ แม้จำเลยจะจัดหาสิ่งก่อสร้างและจ่ายค่าแรงแทน
เมื่อผู้รับเหมาก่อสร้างมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาต้องจัดหาสิ่งก่อสร้างและให้คนงานทำ ครั้นตอนหลังไม่สามารถชำระค่าแรงแก่ผู้ก่อสร้างก็แปลว่าหยุดงานได้ กับทั้งไม่มีเงินซื้อสิ่งของที่จะก่อสร้างต่อไป ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้รับเหมาไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิดสัญญาที่ไม่ทำการให้เสร็จตามสัญญา
ในกรณีที่ผู้รับเหมาผิดสัญญาแล้วจนผู้ว่าจ้างจัดหาสิ่งก่อสร้างและจ่ายค่าจ้างแก่ผู้ก่อสร้างที่เขาเคยจ้างไว้ต่อไปเช่นนี้ผู้รับเหมานั้นหาอาจถือเอาประโยชน์มาเป็นการกระทำของตนได้ไม่
ในกรณีที่ผู้รับเหมาผิดสัญญาแล้วจนผู้ว่าจ้างจัดหาสิ่งก่อสร้างและจ่ายค่าจ้างแก่ผู้ก่อสร้างที่เขาเคยจ้างไว้ต่อไปเช่นนี้ผู้รับเหมานั้นหาอาจถือเอาประโยชน์มาเป็นการกระทำของตนได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับเหมาผิดสัญญาเนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ และมิอาจถือประโยชน์จากการที่ผู้ว่าจ้างดำเนินการเอง
เมื่อผู้รับเหมาก่อสร้างมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาต้องจัดหาสิ่งก่อสร้างและให้คนงานทำ ครั้นตอนหลังไม่สามารถชำระค่าแรงแก่ผู้ก่อสร้างก็แปลว่าหยุดงานได้ กับทั้งไม่มีเงินซื้อสิ่งของที่จะก่อสร้างต่อไป ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้รับเหมาไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิดสัญญาที่ไม่ทำการให้เสร็จตามสัญญา
ในกรณีที่ผู้รับเหมาผิดสัญญาแล้วจนผู้ว่าจ้างจัดหาสิ่งก่อสร้างและจ่ายค่าจ้างแก่ผู้ก่อสร้างที่เขาเคยจ้างไว้ต่อไปเช่นนี้ ผู้รับเหมานั้นหาอาจถือเอาประโยชน์มาเป็นการกระทำของตนได้ไม่
ในกรณีที่ผู้รับเหมาผิดสัญญาแล้วจนผู้ว่าจ้างจัดหาสิ่งก่อสร้างและจ่ายค่าจ้างแก่ผู้ก่อสร้างที่เขาเคยจ้างไว้ต่อไปเช่นนี้ ผู้รับเหมานั้นหาอาจถือเอาประโยชน์มาเป็นการกระทำของตนได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบริการไฟฟ้า: การผูกพันตามสัมปทานและการเรียกเก็บเงินประกันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ได่รับสัมปทานตั้งโรงทำการจำหน่ายไฟฟ้านั้นถือได้ว่าได้ทำคำเสนอแสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าจะรับจำหน่างไฟฟ้าให้แก่ประชาชาชนในเขตสัมปทาน เมื่อมีผู้ขอให้ไฟฟ้าโดยยอมรับปฏิบัติตามสัมปทานแล้วก็ถือได้ว่าได้มีการสนองรับคำเสนอก่อให้เกิดสัญญาผูกพันกันขึ้นตามข้อที่กำหนดไว้ในสัมปทาน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะเรียกร้องตั้งข้อกำหนดนอกเหนือไปจากสัมปทานอีกไม่ได้และบอกเลิกสัญญาโดยลำพังตาม ป.พ.พ.ม. 386 ก็ไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2498)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาไฟฟ้าและสัมปทาน: สิทธิของผู้ใช้ไฟฟ้าและขอบเขตของเงื่อนไขสัญญา
ผู้ได้รับสัมปทานตั้งโรงทำการจำหน่ายไฟฟ้านั้นถือได้ว่าได้ทำคำเสนอแสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าจะรับจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ประชาชนในเขตสัมปทาน เมื่อมีผู้ขอใช้ไฟฟ้าโดยยอมรับปฏิบัติตามสัมปทานแล้ว ก็ถือได้ว่าได้มีการสนองรับคำเสนอก่อให้เกิดสัญญาผูกพันกันขึ้นตามข้อที่กำหนดไว้ในสัมปทาน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องตั้งข้อกำหนดนอกเหนือไปจากสัมปทานอีกไม่ได้ และบอกเลิกสัญญาโดยลำพังตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 ก็ไม่ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่14/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัมปทานไฟฟ้า: การเสนอขายต่อสาธารณะ ก่อให้เกิดสัญญาผูกพัน สิทธิในการเรียกเก็บเงินนอกเหนือสัมปทานเป็นโมฆะ
ผู้ได้รับสัมปทานตั้งโรงทำการจำหน่ายไฟฟ้านั้นถือได้ว่าได้ทำคำเสนอแสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าจะรับจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ประชาชนในเขตสัมปทาน เมื่อมีผู้ขอใช้ไฟฟ้าโดยยอมรับปฏิบัติตามสัมปทานแล้ว ก็ถือได้ว่าได้มีการสนองรับคำเสนอก่อให้เกิดสัญญาผูกพันกันขึ้นตามข้อที่กำหนดไว้ในสัมปทาน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องตั้งข้อกำหนดนอกเหนือไปจากสัมปทานอีกไม่ได้ และบอกเลิกสัญญาโดยลำพังตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 ก็ไม่ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่14/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าปรับในสัญญาซื้อขายถือเป็นค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การผ่อนผันเวลาชำระหนี้ไม่ทำให้สิทธิเรียกค่าปรับหมดไป
ข้อตกลงที่เรียกกันว่า "ค่าปรับ" เมื่อผิดสัญญานั้น ก็คือค่าสินไหมทดแทนที่กำหนดกันไว้ล่วงหน้านั่นเอง
ข้อความในสัญญามีความว่า "ฯลฯ หากปรากฎว่าผู้ขายไม่ส่งมอบไม้ให้กับผู้ซื้อให้ครบภายในเวลาดังกล่าวข้างต้น ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที ฯลฯ" นั้นหมายความว่าเป็นความตกลงให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเท่านั้น หาใช่เป็นบทบังคับว่าผู้ซื้อจะต้องใช้สิทธิ ทันที่จึงจะได้ค่าปรับไม่ การที่ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาแต่ยังไม่ใช้สิทธินั้น ผ่อนผันให้ผู้ขายได้แก้ตัวโดยเห็นใจผู้ขายต่อมาโดยความขอร้องของผู้ขายนั้นหาทำให้ผู้ซื้อหมดสิทธิเรียกค่าปรับในที่สุดอย่างใดไม่
การที่บริษัทอันเป็นนิติบุคคลจะทำนิติกรรมใดนั้นอาจกระทำได้โดยผู้แทนของบริษัท คือกรรมการลงชื่อตามจำนวน และประทับตราตามข้อบังคับของบริษัทนิติบุคคล แต่บริษัทนิติบุคคลก็ย่อมมีตัวแทน หรือเชิดให้ผู้อื่นเป็นตัวแทนไปกระทำนิติกรรมอันผูกพันบริษัทได้เหมือนกัน
ฉะนั้นแม้ข้อบังคับของบริษัทจะมีว่ากรรมการต้องลงนาม 2 คน จึงจะทำการแทนบริษัทได้ แต่เมื่อกรรมการผู้จัดการ เพียงคนเดียวไปลงลายมือชื่อลงในสัญญาและประทับตราของบริษัทกำกับไว้ อันจะเถียงไม่ได้ว่าได้ทำในฐานะตัว แทนของบริษัท และบริษัทก็ได้รับเอาผลของนิติกรรมนั้นตลอดมาด้วยดังนี้ บริษัทจะปฏิเสธความรับผิด เมื่อถึง คราวจะต้องรับผิดหาได้ไม่
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 381 วรรค 3 ที่มีข้อความว่า "ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้ บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้น " นี้หมายความว่า ลุกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว ถ้าลูกหนี้ยังชำระหนี้ให้ เจ้าหนี้ไม่ครบจำนวน กรณีก็ยังไม่เข้ามาตรา 381 วรรค 3.
ข้อความในสัญญามีความว่า "ฯลฯ หากปรากฎว่าผู้ขายไม่ส่งมอบไม้ให้กับผู้ซื้อให้ครบภายในเวลาดังกล่าวข้างต้น ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที ฯลฯ" นั้นหมายความว่าเป็นความตกลงให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเท่านั้น หาใช่เป็นบทบังคับว่าผู้ซื้อจะต้องใช้สิทธิ ทันที่จึงจะได้ค่าปรับไม่ การที่ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาแต่ยังไม่ใช้สิทธินั้น ผ่อนผันให้ผู้ขายได้แก้ตัวโดยเห็นใจผู้ขายต่อมาโดยความขอร้องของผู้ขายนั้นหาทำให้ผู้ซื้อหมดสิทธิเรียกค่าปรับในที่สุดอย่างใดไม่
การที่บริษัทอันเป็นนิติบุคคลจะทำนิติกรรมใดนั้นอาจกระทำได้โดยผู้แทนของบริษัท คือกรรมการลงชื่อตามจำนวน และประทับตราตามข้อบังคับของบริษัทนิติบุคคล แต่บริษัทนิติบุคคลก็ย่อมมีตัวแทน หรือเชิดให้ผู้อื่นเป็นตัวแทนไปกระทำนิติกรรมอันผูกพันบริษัทได้เหมือนกัน
ฉะนั้นแม้ข้อบังคับของบริษัทจะมีว่ากรรมการต้องลงนาม 2 คน จึงจะทำการแทนบริษัทได้ แต่เมื่อกรรมการผู้จัดการ เพียงคนเดียวไปลงลายมือชื่อลงในสัญญาและประทับตราของบริษัทกำกับไว้ อันจะเถียงไม่ได้ว่าได้ทำในฐานะตัว แทนของบริษัท และบริษัทก็ได้รับเอาผลของนิติกรรมนั้นตลอดมาด้วยดังนี้ บริษัทจะปฏิเสธความรับผิด เมื่อถึง คราวจะต้องรับผิดหาได้ไม่
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 381 วรรค 3 ที่มีข้อความว่า "ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้ บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้น " นี้หมายความว่า ลุกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว ถ้าลูกหนี้ยังชำระหนี้ให้ เจ้าหนี้ไม่ครบจำนวน กรณีก็ยังไม่เข้ามาตรา 381 วรรค 3.