คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุพัฒน์ บุญยุบล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 245 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2924/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาเช่า – การตัดกระแสไฟฟ้า – พยานหลักฐาน – ความรับผิดทางละเมิด
ตามคำฟ้องโจทก์มิได้อ้างว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าเพราะไม่ขับไล่แม่ค้าหาบเร่แผงลอยออกไปจากหน้าอาคารที่โจทก์เช่าจากจำเลยแต่อย่างใด โจทก์บรรยายแต่เพียงว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนทำสัญญาว่าจำเลยจะต้องขับไล่แม่ค้าหาบเร่แผงลอยที่ตั้งปิดหน้าอาคารที่เช่า ทำให้เกิดความไม่สวยงามและกีดขวางทางเข้าออก โจทก์ขอให้จำเลยปฏิบัติตามข้อตกลง ซึ่งจำเลยไม่ปฏิบัติเท่านั้นโดยโจทก์หาได้บรรยายว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่า หากจำเลยปฏิบัติผิดข้อตกลงดังกล่าวถือว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าและต้องรับผิดต่อโจทก์อย่างไรแต่โจทก์กลับบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยตัดกระแสไฟฟ้าในอาคารที่โจทก์เช่าจากจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างไรบ้าง เป็นเงินเท่าไรและคำขอท้ายฟ้องโจทก์ก็ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายอันเกิดจากการทำละเมิดดังกล่าว มิได้เรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยผิดสัญญาเช่าแต่อย่างใดทั้งคำให้การจำเลยก็ปฏิเสธว่ามิได้มีข้อตกลงดังโจทก์อ้าง ดังนั้น ตามคำฟ้องและคำให้การจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวจึงเป็นการกำหนดประเด็นข้อพิพาทนอกเหนือไปจากคำฟ้องและคำให้การ คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ไม่อาจถือว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อที่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น และเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวให้จึงไม่ชอบเช่นกัน ฉะนั้นการที่โจทก์ยกปัญหาว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าขึ้นฎีกาอีก จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษและรอการลงโทษในคดีอาญา: การพิจารณาโทษซ้ำซ้อนและการไม่รอการลงโทษ
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในระหว่างที่คดีอาญาอีกคดีหนึ่งของจำเลยยังไม่ถึงที่สุด จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 92 ที่จะเพิ่มโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษและรอการลงโทษในคดีอาญา: ผลของคดีที่ยังไม่ถึงที่สุดและการพิจารณาพฤติการณ์จำเลย
คดีอาญาเรื่องก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2542 ให้จำคุกจำเลย 1 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2543 ได้อ่านคำพิพากษาดังกล่าวให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2543 จึงครบกำหนดยื่นฎีกาวันที่ 11 สิงหาคม 2543 ในระหว่างยื่นฎีกา จำเลยยื่นคำร้องขยายระยะเวลาฎีกา แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต จำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์คำสั่งและส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2543 ในขณะนั้นยังไม่แน่นอนว่าศาลอุทธรณ์จะขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้จำเลยหรือไม่และหากศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกา และรับฎีกาจำเลยไว้พิจารณาแล้วคดีก็อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกายังไม่ถึงที่สุด เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2543 ในระหว่างที่คดีอาญายังไม่ถึงที่สุด จึงไม่เข้าเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ซึ่งจะเพิ่มโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมียาเสพติดและอาวุธปืน การลงโทษกระทงความผิด และเหตุรอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิด 2 กระทง เมื่อศาลลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายไปแล้วก็ควรจะลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นอย่างเดียวกันไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลยเพราะจะเป็นการลักลั่นไม่เหมาะสมที่กระทงหนึ่งลงโทษจำคุก แต่อีกกระทงหนึ่งรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมโทษโดยศาลอุทธรณ์เกินกว่าที่โจทก์อุทธรณ์ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนลงโทษจำคุกและปรับ รอการลงโทษและคุมความประพฤติของจำเลยทั้งสอง ยกฟ้องโจทก์ข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองแต่เฉพาะข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มิได้อุทธรณ์ในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนด้วย ต้องถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนแล้ว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนเป็นไม่รอการลงโทษและไม่ปรับจำเลยทั้งสอง จึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสอง อันเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อ มาตรา 212 แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ยกความข้อนี้ขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกความขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษคดีเสพยาโดยเพิ่มโทษจากเดิมที่ศาลชั้นต้นให้รอการลงโทษได้ เป็นการเพิ่มเติมโทษเกินกว่าที่โจทก์อุทธรณ์ จึงไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57,91 ลดโทษ ให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสี่และลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือน และปรับ 15,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 10,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปียกฟ้องโจทก์ข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองเฉพาะข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยมิได้อุทธรณ์ในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนจึงต้องถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนแล้ว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวเป็นไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลยทั้งสอง จึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสอง อันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์-เบื่อสุนัข: พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลย, การรับสารภาพ & การคืนของกลาง
แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นขณะจำเลยทั้งสองลักทรัพย์ของผู้เสียหายก็ตาม แต่หลังเกิดเหตุไม่นานเจ้าพนักงานตามไปจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมของกลางซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งของผู้เสียหาย ทั้งยังยึดเศษปลาที่อยู่ในกระทะ ซึ่งเมื่อตรวจพิสูจน์แล้วพบว่ามีสารพิษชนิดเม็ทโธมิลติดอยู่และเป็นสารพิษชนิดเดียวกับที่ติดอยู่ที่เศษปลาทอดในปากสุนัขของผู้เสียหายที่ตาย อันเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการนำอาหารผสมสารพิษดังกล่าวเบื่อสุนัขในบ้านของผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกแก่การเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ทั้งในชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองก็ให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์ทันที พยานหลักฐานของโจทก์มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงสอดคล้องและใกล้ชิดกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองมาตลอดจึงบ่งชี้ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายที่ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการรับประกัน: โจทก์ขอสิ่งนอกเหนือจากที่จำเลยรับประกัน ศาลไม่อาจบังคับได้
ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่ารถยนต์ที่จำเลยขายให้โจทก์มีความชำรุดบกพร่องของระบบเกียร์อันเป็นวัสดุที่จำเลยรับประกันไว้ว่าจะซ่อมหรือเปลี่ยนให้ โจทก์จึงบังคับให้จำเลยซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์ให้โจทก์ใหม่เพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ แต่ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์กลับขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนเท่ากับราคารถยนต์พิพาทที่โจทก์ซื้อไปจากจำเลยหรือให้จำเลยนำรถยนต์คันใหม่ที่มีลักษณะเหมือนรถยนต์พิพาทและมีสภาพใช้งานได้ดีมาเปลี่ยนให้โจทก์ ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือจากที่จำเลยได้รับประกันไว้ โจทก์ย่อมไม่อาจบังคับจำเลยโดยอาศัยข้อตกลงรับประกันดังกล่าวได้จึงเป็นคำขอที่ศาลไม่อาจบังคับให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับตามสัญญาประกันภัย: โจทก์ขอสิ่งนอกเหนือการซ่อม/เปลี่ยนชิ้นส่วนที่รับประกัน
ตามคำฟ้องของโจทก์อ้างว่ามีความชำรุดบกพร่องของระบบเกียร์อันเป็นวัสดุที่จำเลยรับประกันไว้ว่าจะซ่อมหรือเปลี่ยนให้ตามสัญญาซื้อขายรถยนต์ โจทก์จึงบังคับให้จำเลยซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์ให้โจทก์ใหม่เพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติเท่านั้น แต่ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์กลับขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 438,000 บาท เท่ากับราคารถยนต์พิพาท หรือให้จำเลยนำรถยนต์คันใหม่ที่มีลักษณะเหมือนรถยนต์พิพาทและมีสภาพใช้งานได้ดีมาเปลี่ยนให้โจทก์ ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือจากที่จำเลยได้รับประกันไว้โจทก์ไม่อาจบังคับจำเลยโดยอาศัยข้อตกลงรับประกันดังกล่าวได้ จึงเป็นคำขอที่ศาลไม่อาจบังคับให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน: การชำระตามสัดส่วนในคำพิพากษา และการทดรองจ่ายแทนกัน
โจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินสองแปลง แต่ไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินแก่กัน ตามกำหนดนัดที่ตกลงกันไว้ได้ เพราะยังโต้เถียงกันไม่เป็นที่ยุติว่าผู้ใดจะเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากร ซื้อขายและค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ในคดีก่อน ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ จดทะเบียนโอนที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่จำเลย โดยให้โจทก์เป็นฝ่ายชำระค่าธรรมเนียมการโอนค่าอากรและค่าภาษี ในส่วนที่เกี่ยวกับราคาซื้อขายตามบัญชีกำหนดจำนวนทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่กำหนดไว้สำหรับที่ดินทั้งสองแปลง และกำหนดให้โจทก์และจำเลยชำระค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรและค่าภาษีในส่วนที่เกินจากราคาประเมินดังกล่าวฝ่ายละครึ่ง เมื่อปรากฎว่า ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรและค่าภาษีในการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทเกินกว่าราคาประเมิน แม้โจทก์จะได้ออกเงินค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากร และค่าภาษีในการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทในส่วนที่เกินราคาประเมินไปแต่ผู้เดียว จำเลยก็มีความผูกพันตามคำพิพากษาที่จะต้องชำระคืนให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ก่อนจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาท โจทก์ได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม ในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าโจทก์สมัครใจชำระค่าธรรมเนียมการโอนค่าอากร และค่าภาษีทั้งหมดแต่ผู้เดียว และไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระครึ่งหนึ่ง เพราะจำเลยไม่สมัครใจได้การที่โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบก็เพื่อให้จำเลยเตรียมเงินมาชำระในส่วนของจำเลยในวันโอน เมื่อจำเลยไม่ได้เตรียมเงินมาและจำเลยยืนยันไม่ยอมออกค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากร ค่าภาษีของจำเลยครึ่งหนึ่ง โจทก์ก็มีสิทธิที่จะไม่โอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้แก่จำเลยได้ เพราะตามคำพิพากษาเป็นเรื่องต้องปฏิบัติตอบแทนกัน เมื่อฝ่ายใดไม่ปฏิบัติ อีกฝ่ายก็ย่อมไม่ปฏิบัติได้ กรณีแสดงให้เห็นว่าจำเลยยอมให้โจทก์ออกเงินส่วนที่จำเลยจะต้องชำระแทนจำเลยไปก่อน
of 25