พบผลลัพธ์ทั้งหมด 110 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ถือเป็นที่สุดแล้ว ไม่อาจฎีกาได้
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์จำเลยโดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกอุทธรณ์ คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดจำเลยฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลและการถือเป็นคนอนาถา หากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ถือเป็นคำสั่งสุดท้าย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาให้ ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นคนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 7 วัน และเมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์คำสั่งโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้าย นั้น ต้องหมายความว่าศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนอนาถา และจำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับคำร้องอนาถา: กำหนดเวลา 7 วัน และคำสั่งสุดท้ายของศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาให้ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นคนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 7 วัน และเมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลขั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์คำสั่งโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย นั้น ต้องหมายความว่าศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนอนาถา และจำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาควมแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาควมแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่รับอุทธรณ์เนื่องจากทนายความไม่ได้รับอนุญาต และผลของการไม่แก้ไขอุทธรณ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยโดยเหตุที่ว่าผู้ลงชื่อในอุทธรณ์ศาลมิได้อนุญาตให้เป็นทนายความของจำเลยนั้น เป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 เมื่อจำเลยมิได้ทำอุทธรณ์ให้ถูกต้องและมายื่นใหม่ภายในอายุอุทธรณ์แต่กลับร้องขอแก้ไขความบกพร่องในอุทธรณ์ที่ศาลไม่รับเสียแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตจำเลยจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ตามมาตรา 234 และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้ว ดังนี้ คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามมาตรา 236 แม้ฎีกาของจำเลยจะมีข้อความคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยแก้ไขความบกพร่องก็ดี แต่ผลที่สุดก็ขอให้สั่งอนุญาตให้จำเลยลงชื่อในอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นไม่รับแล้วเท่ากับฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นนั้นเองจำเลยจะฎีกาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม – คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด – ค่าธรรมเนียมศาล
เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้วเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 โจทก์ไม่มีสิทธิ์ที่จะฎีกาต่อไปได้อีก การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ จึงไม่เป็นการถูกต้อง ศาลฎีการับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยไม่ได้
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดในชั้นอุทธรณ์และคู่ความประสงค์ที่จะโต้แย้งคำพิพากษา หรือคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา ก็ชอบที่จะต้องยื่นฎีกามาในรูปของคำฟ้องฎีกา และต้องเสียค่าธรรมเนียมค่ารับคำฟ้อง ค่าขึ้นศาล และค่าตัดสินมาด้วย สำหรับคดีนี้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเป็นค่าคำร้องเพียง 20 บาท ยังขาดอยู่และเมื่อศาลฎีการับฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่ได้แล้ว ก็ชอบที่จะต้องสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์ นอกจากค่ารับคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 แต่โดยเหตุที่ค่าธรรมเนียม ค่ารับฟ้องฎีกามีจำนวนเงินเท่ากับค่าคำร้องที่โจทก์เสียมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคืนค่าธรรมเนียมหรือเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มจากโจทก์อีก
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดในชั้นอุทธรณ์และคู่ความประสงค์ที่จะโต้แย้งคำพิพากษา หรือคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา ก็ชอบที่จะต้องยื่นฎีกามาในรูปของคำฟ้องฎีกา และต้องเสียค่าธรรมเนียมค่ารับคำฟ้อง ค่าขึ้นศาล และค่าตัดสินมาด้วย สำหรับคดีนี้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเป็นค่าคำร้องเพียง 20 บาท ยังขาดอยู่และเมื่อศาลฎีการับฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่ได้แล้ว ก็ชอบที่จะต้องสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์ นอกจากค่ารับคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 แต่โดยเหตุที่ค่าธรรมเนียม ค่ารับฟ้องฎีกามีจำนวนเงินเท่ากับค่าคำร้องที่โจทก์เสียมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคืนค่าธรรมเนียมหรือเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มจากโจทก์อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามมาตรา 236 และการยื่นฎีกาไม่ถูกต้องตามรูปแบบ
เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้วเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฎีกาต่อไปได้อีกการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ จึงไม่เป็นการถูกต้อง ศาลฎีการับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยไม่ได้
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดในชั้นอุทธรณ์และคู่ความประสงค์ที่จะโต้แย้งคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา ก็ชอบที่จะต้องยื่นฎีกามาในรูปของคำฟ้องฎีกา และต้องเสียค่าธรรมเนียมค่ารับคำฟ้องค่าขึ้นศาล และค่าตัดสินมาด้วย สำหรับคดีนี้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเป็นค่าคำร้องเพียง 20 บาท ยังขาดอยู่และเมื่อศาลฎีการับฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่ได้แล้ว ก็ชอบที่จะต้องสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์นอกจากคำรับคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 แต่โดยเหตุที่ค่าธรรมเนียม คำรับฟ้องฎีกามีจำนวนเงินเท่ากับค่าคำร้องที่โจทก์เสียมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคืนค่าธรรมเนียมหรือเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มจากโจทก์อีก
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดในชั้นอุทธรณ์และคู่ความประสงค์ที่จะโต้แย้งคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา ก็ชอบที่จะต้องยื่นฎีกามาในรูปของคำฟ้องฎีกา และต้องเสียค่าธรรมเนียมค่ารับคำฟ้องค่าขึ้นศาล และค่าตัดสินมาด้วย สำหรับคดีนี้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเป็นค่าคำร้องเพียง 20 บาท ยังขาดอยู่และเมื่อศาลฎีการับฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่ได้แล้ว ก็ชอบที่จะต้องสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์นอกจากคำรับคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 แต่โดยเหตุที่ค่าธรรมเนียม คำรับฟ้องฎีกามีจำนวนเงินเท่ากับค่าคำร้องที่โจทก์เสียมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคืนค่าธรรมเนียมหรือเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มจากโจทก์อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและสิทธิอุทธรณ์: คำสั่งระหว่างพิจารณาที่มิได้โต้แย้งย่อมถึงที่สุด
ศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลไต่สวนแล้วสั่งไม่อนุญาต จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งนี้ ทั้ง ๆ ที่จำเลยมีโอกาสจะโต้แย้งได้ จำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์ขอยื่นคำให้การอีก เพราะคำสั่งนี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นแล้วคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด
เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นแล้วคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการหมดสิทธิอุทธรณ์ กรณีจำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลระหว่างพิจารณา
ศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลไต่สวนแล้วสั่งไม่อนุญาต จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งนี้ ทั้ง ๆ ที่จำเลยมีโอกาสจะโต้แย้งได้ จำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์ขอยื่นคำให้การอีก เพราะคำสั่งนี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นแล้วคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด
เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นแล้วคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657-660/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธการส่งอุทธรณ์เนื่องจากค่าขึ้นศาลไม่ครบ และคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ให้เป็นที่สุด
ในการตรวจอุทธรณ์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นอาจตรวจทั้งในข้อที่คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224, 230 รวมตลอดทั้งตรวจอุทธรณ์เพื่อปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นในเหตุอื่นตามมาตรา 230 วรรค 2 และมาตรา 232 ด้วย
ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ของโจทก์ตามมาตรา 232 และมีคำสั่งให้คืนฟ้องอุทธรณ์ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมให้ครบถ้วน คำสั่งศาลชั้นต้นนี้เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์โดยเหตุผลดังที่ปรากฏในคำสั่งนั้น โจทก์จึงอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์นี้ โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นตามมาตรา 234 ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ครบนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์ดังนี้เป็นคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์นั่นเอง ซึ่งมาตรา 236 บัญญัติว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ให้เป็นที่สุด โจทก์จึงฎีกาคำสั่งนี้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1223/2498, 1404/2498)
ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ของโจทก์ตามมาตรา 232 และมีคำสั่งให้คืนฟ้องอุทธรณ์ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมให้ครบถ้วน คำสั่งศาลชั้นต้นนี้เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์โดยเหตุผลดังที่ปรากฏในคำสั่งนั้น โจทก์จึงอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์นี้ โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นตามมาตรา 234 ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ครบนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์ดังนี้เป็นคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์นั่นเอง ซึ่งมาตรา 236 บัญญัติว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ให้เป็นที่สุด โจทก์จึงฎีกาคำสั่งนี้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1223/2498, 1404/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657-660/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธการรับอุทธรณ์เนื่องจากค่าขึ้นศาลไม่ครบถ้วน และคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ถือเป็นที่สุด
ในการตรวจอุทธรณ์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นอาจตรวจทั้งในข้อที่คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224,230 รวมตลอดทั้งตรวจอุทธรณ์เพื่อปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นในเหตุอื่นตามมาตรา 230 วรรค 2 และ มาตรา 232 ด้วย
ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ของโจทก์ตามมาตรา 232 และมีคำสั่งให้คืนฟ้องอุทธรณ์ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมให้ครบถ้วนคำสั่งศาลชั้นต้นนี้เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์โดยเหตุผลดังที่ปรากฏในคำสั่งนั้น โจทก์จึงอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ได้รับอุทธรณ์ของโจทก์นี้ โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นตามมาตรา 234 ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ครบนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์ดังนี้เป็นคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์นั่นเอง ซึ่งมาตรา 236 บัญญัติว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ให้เป็นที่สุด โจทก์จึงฎีกาคำสั่งนี้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1223/2498,1404/2498)
ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ของโจทก์ตามมาตรา 232 และมีคำสั่งให้คืนฟ้องอุทธรณ์ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมให้ครบถ้วนคำสั่งศาลชั้นต้นนี้เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์โดยเหตุผลดังที่ปรากฏในคำสั่งนั้น โจทก์จึงอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ได้รับอุทธรณ์ของโจทก์นี้ โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นตามมาตรา 234 ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ครบนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์ดังนี้เป็นคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์นั่นเอง ซึ่งมาตรา 236 บัญญัติว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ให้เป็นที่สุด โจทก์จึงฎีกาคำสั่งนี้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1223/2498,1404/2498)