คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 156

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 287 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมคดี ทำให้คดีจำหน่ายและสิ้นสุดกระบวนการ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนและให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและคำร้องขัดทรัพย์ผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์เรื่องขอดำเนินคดีอนาถาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงไม่รับวินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ในเรื่องคำร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่าหากผู้ร้องประสงค์ดำเนินคดีเรื่องร้องขัดทรัพย์ให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายใน 15 วันหลังจากสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วันอีกศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลกำหนดและกรณีไม่ใช่เหตุสุดวิสัยไม่อนุญาตผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 7 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีดังนี้เมื่อผู้ร้องมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดในครั้งหลังนี้ คดีของผู้ร้องจึงไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไปผู้ร้องจะมาขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ตนนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอดำเนินคดีอนาถาต้องแสดงเหตุผลมีมูลคดี หากไม่มีมูล ศาลชอบที่จะยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน และต้องอุทธรณ์ภายใน 7 วัน
คำร้องให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมคดีอนาถาซึ่งไม่มีเหตุที่จะชนะคดีศาลไม่ต้องไต่สวนก็ได้ การอุทธรณ์คำสั่งที่ยกคำขอต้องร้องต่อศาลอุทธรณ์ใน 7 วัน ถ้ายื่นคำร้องเกิน 7 วัน ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ฎีกาได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์ค่าธรรมเนียม - การปฏิเสธคำร้องฟ้องอุทธรณ์อย่างอนาถา - กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียม
การที่ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยว่า "โดยเหตุที่ศาลสั่งไม่อนุญาตให้ผัดการนำตัวจำเลยมาสาบานตามคำร้องของจำเลยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสั่งคำร้องนี้" โดยมิได้กำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์มาชำระภายในระยะเวลาอันสมควร จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องอุทธรณ์คำสั่งขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งกำหนดเวลาให้ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบภายในเวลาอันสมควรได้ส่วนศาลอุทธรณ์จะเห็นสมควรกำหนดเวลาให้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นอำนาจทั่ว ๆ ไปในกรณีที่ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะตามความยุติธรรมและความเหมาะสม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งศาล กรณีไม่กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ และอำนาจศาลในการกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียม
การที่ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยว่า "โดยเหตุที่ศาลสั่งไม่อนุญาตให้ผัดการนำตัวจำเลยมาสาบานตามคำร้องของจำเลยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสั่งคำร้องนี้" โดยมิได้กำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์มาชำระภายในระยะเวลาอันสมควร จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องอุทธรณ์คำสั่งจขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งกำหนดเวลาให้ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบภายในเวลาอันสมควรได้ ส่วนศาลอุทธรณ์จะเห็นสมควรกำหนดเวลาให้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นอำนาจทั่ว ๆ ไป ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะตามความยุติธรรมและความเหมาะสม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบ ศาลชั้นต้นรับฎีกาเกินสิทธิ แม้คำร้องขออนาถาถูกยก
ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ร้อง และให้ผู้ร้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนดนับแต่วันฟังคำพิพากษาหากผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้ว การสั่งรับฎีกาของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้าย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ร้อง และให้ผู้ร้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนดนับแต่วันฟังคำพิพากษาหากผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถา: การเพิกถอนคำสั่งเดิมและการอุทธรณ์คำสั่งศาล
ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2518 อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลลงวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงหาใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยอทุธรณ์อย่างคนอนาถาอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา156 วรรคสามไม่ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่วนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอนุญาตไต่สวนอนาถาใหม่ และรับอุทธรณ์อนาถาไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2518 อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลลงวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงหาใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถาอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสามไม่จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบ แล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลภายในกำหนด และคดีไม่มีมูลฟ้อง ทำให้ไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แม้ยากจน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยให้เหตุผลว่าโจทก์ที่ 2 ไม่ใช่คนอนาถาประการหนึ่ง และคดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องอีกประการหนึ่ง โจทก์ที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตอีกให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โจทก์ที่ 2 ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสุดท้าย ประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลฟ้องร้องย่อมยุติ ดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานสืบเพิ่มเติมตามคำร้องของโจทก์ที่ 2 และฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคนยากจนก็ตาม แต่คดีต้องฟังยุติว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง ศาลก็จะอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ที่ 2 ใหม่ เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าโจทก์ที่ 2 ยากจนจริง โดยไม่ทำการไต่สวนนั้น จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขออนาถาหลังพ้นกรอบเวลา และคดีไม่มีมูลฟ้องร้อง ศาลไม่อนุญาตให้ดำเนินคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยให้เหตุผลว่าโจทก์ที่ 2 ไม่ใช่คนอนาถาประการหนึ่ง และคดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องอีกประการหนึ่ง โจทก์ที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโจทก์ที่ 2 ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสุดท้ายประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลฟ้องร้องย่อมยุติดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานมาสืบเพิ่มเติมตามคำร้องของโจทก์ที่ 2 และฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคนยากจนก็ตาม แต่คดีต้องฟังยุติว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง ศาลก็จะอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ที่ 2 ใหม่ เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าโจทก์ที่ 2 ยากจนจริง โดยไม่ทำการไต่สวนนั้น จึงชอบแล้ว
of 29