คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 156

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 287 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2524/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการกำหนดเวลาส่งเอกสารฎีกา และขอบเขตการใช้มาตรา 174(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ส่งสำเนาคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาของโจทก์ให้จำเลยและนัดพร้อม เป็นคำสั่งก่อนรับฎีกาของโจทก์ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(1) เมื่อปรากฏว่าโจทก์ยังมิได้นำส่ง ศาลชั้นต้นมีอำนาจกำหนดเวลา ให้นำส่งได้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1)หมายความเฉพาะการที่โจทก์เพิกเฉยไม่ร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ส่งหมายเรียกให้แก้คดีแก่จำเลยในการดำเนินกระบวนพิจารณา ในศาลชั้นต้นเท่านั้น จะนำมาใช้ในชั้นฎีกาไม่ได้ เพราะในชั้นฎีกา ไม่มีการออกหมายเรียกให้จำเลยแก้คดี ดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2524/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาฎีกาและการดำเนินการตามฐานะคนอนาถาในชั้นฎีกา ศาลมีอำนาจสั่งกำหนดเวลาให้โจทก์ดำเนินการได้
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ส่งสำเนาคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาของโจทก์ให้จำเลยและนัดพร้อม เป็นคำสั่งก่อนรับฎีกาของโจทก์ ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(1) เมื่อปรากฏว่าโจทก์ยังมิได้นำส่งศาลชั้นต้นมีอำนาจกำหนดเวลา ให้นำส่งได้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1)หมายความเฉพาะการที่โจทก์เพิกเฉยไม่ร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ส่งหมายเรียกให้แก้คดีแก่จำเลยในการดำเนินกระบวนพิจารณา ในศาลชั้นต้นเท่านั้น จะนำมาใช้ในชั้นฎีกาไม่ได้ เพราะในชั้นฎีกา ไม่มีการออกหมายเรียกให้จำเลยแก้คดี ดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์อย่างคนอนาถาต้องทำภายใน 7 วัน หากศาลชั้นต้นไม่เห็นด้วยกับเหตุผลในการอุทธรณ์ ไม่ต้องไต่สวน
การที่ศาลจะอนุญาตให้คู่ความคนใดอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้นั้นต้องประกอบด้วยเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมและผู้ขอต้องแสดงให้เป็นที่พอใจศาลด้วยว่า คดีมีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์ หากศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์ ก็ย่อมมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาเสียได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนเรื่องอนาถาต่อไป
กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาด้วยเหตุดังกล่าวแล้ว ผู้ขอต้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเจ็ดวัน นับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้าจะอุทธรณ์ภายในกำหนดหนึ่งเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตอุทธรณ์แบบอนาถาต้องยื่นภายใน 7 วัน มิฉะนั้นสิทธิระงับ
การที่ศาลจะอนุญาตให้คู่ความคนใดอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้นั้นต้องประกอบด้วยเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมและผู้ขอต้องแสดงให้เป็นที่พอใจศาลด้วยว่าคดีมีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์ หากศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์ ก็ย่อมมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาเสียได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนเรื่องอนาถาต่อไป
กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาด้วยเหตุดังกล่าวแล้ว ผู้ขอต้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเจ็ดวัน นับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้าจะอุทธรณ์ภายในกำหนดหนึ่งเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอนาถาและการจำหน่ายคดีเฉพาะส่วน หากไม่ชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ศาลต้องประทับฟ้องเฉพาะส่วนที่อนุญาต
โจทก์ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาได้ในทุนทรัพย์ซึ่งน้อยกว่าที่โจทก์ขอมาในท้ายฟ้อง ก็เท่ากับศาลรับฟ้องของโจทก์ในจำนวนทุนทรัพย์ที่อนุญาต ส่วนทุนทรัพย์ที่เกินกว่านั้น เมื่อศาลกำหนดให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระใน 15 วัน หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ก็น่าที่ศาลจะไม่รับฟ้องของโจทก์เฉพาะในทุนทรัพย์ที่เกินนั้นไว้พิจารณา หาใช่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียทั้งหมดไม่ ต่อมาเมื่อปรากฏว่า โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอลดทุนทรัพย์ลงเท่ากับจำนวนที่ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา จึงไม่ใช่เรื่องโจทก์ทิ้งฟ้อง ศาลจึงต้องประทับฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินการพิจารณาเพียงเท่าทุนทรัพย์ที่ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟ้องคดีอนาถาและการลดทุนทรัพย์ - ศาลรับเฉพาะส่วนที่อนุญาต ไม่ถือเป็นการทิ้งฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาได้ในทุนทรัพย์ซึ่งน้อยกว่าที่โจทก์ขอมาในท้ายฟ้อง ก็เท่ากับศาลรับฟ้องของโจทก์ในจำนวนทุนทรัพย์ที่อนุญาต ส่วนทุนทรัพย์ที่เกินกว่านั้น. เมื่อศาลกำหนดให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระใน 15 วัน หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ก็น่าที่ศาลจะไม่รับฟ้องของโจทก์เฉพาะในทุนทรัพย์ที่เกินนั้นไว้พิจารณา หาใช่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียทั้งหมดไม่ ต่อมาเมื่อปรากฏว่าโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอลดทุนทรัพย์ลงเท่ากับจำนวนที่ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา จึงไม่ใช่เรื่องโจทก์ทิ้งฟ้อง ศาลจึงต้องประทับฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินการพิจารณาเพียงเท่าทุนทรัพย์ที่ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาของโจทก์เมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งที่ไม่รับคำร้องอนาถาของจำเลย และหลักการพิจารณาคำขออนาถาใหม่
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้อง ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค 5 และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กลับคำสั่งไม่รับคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา และการพิจารณาคำร้องใหม่
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้อง ดังนี้โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคห้า และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กลับคำสั่งไม่รับคำร้องขอเป็นคนอนาถา และการพิจารณาคำร้องใหม่
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่. และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้อง. ดังนี้โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247.
ตามคำร้องของจำเลยที่ขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่. กล่าวว่าจำเลยมีหลักฐานอีกเป็นอันมากที่จะแสดงว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงซึ่งเป็นข้ออ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล. ขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่จึงมีประเด็นชัดแจ้งพอที่ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณา และมีคำสั่งในข้อนี้ได้แล้ว. ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนมีอย่างไร. ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพึงต้องไต่สวนให้ได้ความต่อไป.
คำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่.มิใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์. จึงไม่ต้องยื่นภายใน 7 วัน. นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขออนุญาตอุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค5 และเป็นคำร้องที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม. เพราะเป็นคำร้องขอดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวด้วยการดำเนินคดีอนาถา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1503/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเป็นโจทก์/จำเลยอนาถา: สิทธิในการยื่นคำขอใหม่หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้วเป็นที่สุด
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่โดยไม่อนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมนั้น ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา และไม่ใช่คำสั่งยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย จึงไม่ต้องห้ามฎีกา
ในกรณีที่มีการยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ว่าในชั้นใด หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วนหรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ถ้าผู้ยื่นคำขอประสงค์จะดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคำขอนั้นต่อไป ก็มีสิทธิเลือกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง คืออาจยื่นคำขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน หรือใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ถ้าผู้ยื่นคำขอเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งคำขอนั้นประการใดแล้วคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ผู้ยื่นคำขอจะย้อนกลับมาขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าตนเป็นคนยากจนอีกไม่ได้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2511)
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว หากมีเหตุเกิดขึ้นใหม่ทำให้ผู้ยื่นคำขอตกเป็นคนยากจนลงในภายหลัง ก็มีสิทธิยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคแรก จะมาขอให้พิจารณาคำขอเดิมนั้นใหม่ตามมาตรา 156 วรรคสี่ หาได้ไม่
of 29