พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2293/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: ยึดรถคืนได้เมื่อผิดนัดแม้เพียงงวดเดียว หากมีข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา
สัญญาเช่าซื้อมีว่าให้ยึดรถคืนได้เมื่อไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดใดงวดหนึ่ง ผู้ให้เช่าซื้อยึดรถคืนได้ ไม่ต้องรอให้ผิดนัด 2 คราว ไม่ขัดต่อ มาตรา 574 วรรคแรก และไม่ใช่กรณีเงินชำระงวดสุดท้ายตาม มาตรา 574 วรรค 2 ผู้ให้เช่าซื้อยึดรถคืนก่อนแล้วบอกเลิกสัญญาภายหลังก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271-2272/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อความประกาศพ้นจากตำแหน่ง ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท หากไม่สื่อความหมายถูกไล่ออก
ลงข้อความประกาศหนังสือพิมพ์ว่า "โจทก์ได้พ้นจากตำแหน่งรองประธานชมรมแล้ว จึงเรียกมาเพื่อทราบ ถ้าหากบุคคลผู้นี้มีการแอบอ้างชื่อชมรมหรือกระทำการสิ่งอื่นใดทางชมรมร้านขายยา กทม. จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น" ดังนี้คำว่าพ้นจากตำแหน่งๆ หมายความโจทก์ออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว มิได้หมายความว่า โจทก์ถูกไล่ออกส่วนคำว่า "แอบอ้าง" อาจจะเป็นถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ หรือทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือดูหมิ่นเกลียดชังแต่อย่างใด ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271-2272/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อความประกาศพ้นจากตำแหน่ง ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท หากไม่ทำให้เสียชื่อเสียง
ลงข้อความประกาศหนังสือพิมพ์ว่า "โจทก์ได้พ้นจากตำแหน่งรองประธานชมรมแล้ว จึงเรียนมาเพื่อทราบ ถ้าหากบุคคลผู้นี้มีการแอบอ้างชื่อชมรมหรือกระทำการสิ่งอื่นใดทางชมรมร้านขายยา กทม. จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น" ดังนี้คำว่าพ้นจากตำแหน่งฯ หมายความว่าโจทก์ออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้วมิได้หมายความว่า โจทก์ถูกไล่ออกส่วนคำว่า "แอบอ้าง" อาจจะเป็นถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ หรือทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังแต่อย่างใด ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2226-2238/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางสิ่งของกีดขวางทางสาธารณะทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ถือเป็นความผิดตาม พรบ.รักษาความสะอาดฯ
การติดตั้ง ตาก วางของ ของจำเลยจะเป็นที่เรียบร้อยไม่น่ารังเกียจหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริง
จำเลยวางขายของริมถนนในที่ของเอกชน มีลักษณะไม่เรียบร้อยไม่สะอาด ไม่เป็นระเบียบมองเห็นจากที่สาธารณะแล้วอยู่ในลักษณะไม่เรียบร้อยน่ารังเกียจจึงเป็นการตั้ง วางหรือแขวนสิ่งใด ๆ ณ ที่ที่เห็นได้จากที่สาธารณะด้วยวิธีอันไม่บังควร ทำให้เห็นเป็นที่ไม่เรียบร้อยน่ารังเกียจ ตามความในพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2503 มาตรา 9
จำเลยวางขายของริมถนนในที่ของเอกชน มีลักษณะไม่เรียบร้อยไม่สะอาด ไม่เป็นระเบียบมองเห็นจากที่สาธารณะแล้วอยู่ในลักษณะไม่เรียบร้อยน่ารังเกียจจึงเป็นการตั้ง วางหรือแขวนสิ่งใด ๆ ณ ที่ที่เห็นได้จากที่สาธารณะด้วยวิธีอันไม่บังควร ทำให้เห็นเป็นที่ไม่เรียบร้อยน่ารังเกียจ ตามความในพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2503 มาตรา 9
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2226-2238/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางสิ่งของกีดขวางทางสาธารณะทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ
การติดตั้ง ตาก วางของ ของจำเลยจะเป็นที่เรียบร้อยไม่น่ารังเกียจหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริง
จำเลยวางขายของริมถนนในที่ของเอกชน มีลักษณะไม่เรียบร้อย ไม่สะอาด ไม่เป็นระเบียบ มองเห็นจากที่สาธารณะแล้วอยู่ในลักษณะไม่เรียบร้อย น่ารังเกียจ จึงเป็นการตั้ง วาง หรือแขวนสิ่งใดๆ ณ ที่ที่เห็นได้จากที่สาธารณะด้วยวิธีอันไม่บังควร ทำให้เห็นเป็นที่ไม่เรียบร้อย น่ารังเกียจ ตามความในพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2503 มาตรา 9
จำเลยวางขายของริมถนนในที่ของเอกชน มีลักษณะไม่เรียบร้อย ไม่สะอาด ไม่เป็นระเบียบ มองเห็นจากที่สาธารณะแล้วอยู่ในลักษณะไม่เรียบร้อย น่ารังเกียจ จึงเป็นการตั้ง วาง หรือแขวนสิ่งใดๆ ณ ที่ที่เห็นได้จากที่สาธารณะด้วยวิธีอันไม่บังควร ทำให้เห็นเป็นที่ไม่เรียบร้อย น่ารังเกียจ ตามความในพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2503 มาตรา 9
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความไล่เบี้ยประกันภัย: ผู้รับประกันภัยไม่ต้องติดอายุความละเมิด หากถูกเรียกเข้ามาตามวิธีพิจารณาความแพ่ง
ผู้ประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุซึ่งถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (3) เมื่อเกินกำหนดหนึ่งปีไปแล้วนับแต่วันละเมิด จะยกอายุความละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ขึ้นต่อสู้ไม่ได้ เพราะผู้รับประกันต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย มิใช่ร่วมรับผิดในมูลละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความไล่เบี้ยประกันภัย: ผู้รับประกันภัยไม่ต้องใช้บทบัญญัติอายุความละเมิด
ผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุซึ่งถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) เมื่อเกินกำหนดหนึ่งปีไปแล้วนับแต่วันละเมิด จะยกอายุความละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ขึ้นต่อสู้ไม่ได้ เพราะผู้รับประกันภัยต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย มิใช่ร่วมรับผิดในมูลละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้เสียหายที่แท้จริงต้องเป็นผู้ร้องทุกข์หรือมอบอำนาจ
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ซึ่งมีโจทก์ร่วมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างฯ บ. จึงเป็นผู้ทรงเช็คนั้น โจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่ใช่ผู้ทรง โจทก์ร่วมนำเช็คดังกล่าวไปเบิกเงินในนามของห้างฯ บ. เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ร่วมไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในนามของตนเอง ไม่ใช่ในนามของห้างฯ บ. ผู้ทรงเช็คซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง โจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธิร้องทุกข์ดำเนินคดีกับจำเลย ถือว่าห้างฯ บ.ผู้เสียหายที่แท้จริงไม่ได้ร้องทุกข์พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวน และพนักงานอัยการไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้เสียหายที่แท้จริงต้องเป็นผู้ร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ซึ่งมีโจทก์ร่วมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างฯ บ. จึงเป็นผู้ทรงเช็คนั้น โจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่ใช่ผู้ทรง โจทก์ร่วมนำเช็คดังกล่าวไปเบิกเงินในนามของห้างฯ บ. เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ร่วมไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในนามของตนเอง ไม่ใช่ในนามของห้างฯ บ. ผู้ทรงเช็คซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง โจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ดำเนินคดีกับจำเลย ถือว่าห้างฯ บ. ผู้เสียหายที่แท้จริงไม่ได้ร้องทุกข์พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวน และพนักงานอัยการไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิ่วข่มขู่ในการปล้นทรัพย์ ศาลตัดสินความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว
จำเลยชักสิ่วออกมาขู่จะทำร้ายในการปล้น เป็นการปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2