พบผลลัพธ์ทั้งหมด 352 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: เจตนา, การวางแผน, และการกระทำโดยพลการ
การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หมายความว่า ก่อนทำการฆ่าผู้กระทำผิดได้คิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจกระทำความผิด ไม่ใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วนเพราะเมาสุราหรือบันดาลโทสะ การไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุเกี่ยวกับเจตนาส่วนตัวของผู้กระทำผิด ผู้ร่วมกระทำผิดที่มิได้ไตร่ตรองไว้ก่อนไม่มีความผิดด้วยเพราะกฎหมายมุ่งถึงการไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นสภาพจิตใจของแต่ละคน การจะเป็นตัวการร่วมกันฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจึงต้องมีลักษณะเป็นการวางแผนการคบคิดกันมาแต่ต้นที่จะไปฆ่าผู้อื่น หรือด้วยการใช้จ้างวาน หรือไปดักฆ่าผู้อื่นโดยมีพฤติการณ์ร่วมกันมาแต่ต้น แต่การที่จำเลยที่ 1 ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน และเป็นญาติพี่น้องกับผู้ตาย ทั้งก่อนเกิดเหตุได้มีการดื่มสุรากันโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมวางแผนกับจำเลยที่ 2มาก่อน การที่จำเลยที่ 1 ร่วมไปฆ่าผู้ตายจึงเป็นการตัดสินใจในทันทีทันใดลักษณะตกกระไดพลอยโจนมากกว่า ดังนี้ จำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เท่านั้นไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ค่าเวนคืน: ผลของหนังสือแจ้งการนำเงินฝากและการตัดสิทธิการอ้างเหตุระยะเวลาอุทธรณ์
แม้นับแต่วันที่โจทก์ได้รับหนังสือแจ้งให้ไปรับเงินค่าทดแทน ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง ถึงวันที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีฯ จะพ้นกำหนดเวลา 60 วัน แต่ในระหว่างเวลา 60 วัน ดังกล่าว ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่เวนคืนมีหนังสืออีกฉบับแจ้งการนำเงินค่าทดแทนไปฝากไว้กับธนาคารออมสินให้โจทก์ทราบ โดยระบุตอนท้ายของหนังสือว่า หากท่านไม่พอใจในจำนวนเงินค่าทดแทน ท่านมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีฯ ได้ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ มิฉะนั้นท่านจะหมดสิทธิอุทธรณ์ เมื่อโจทก์ยึดถือตามหนังสือฉบับหลังนี้ และยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีฯ ภายในกำหนดเวลาตามหนังสือฉบับหลังนี้ จำเลยย่อม ถูกตัดบทมิให้ยกระยะเวลาที่ต้องอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีฯ ตามหนังสือแจ้งให้ไปรับเงินค่าทดแทนฉบับแรกขึ้นมาต่อสู้เพื่อให้ยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7141/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในคดีแพ่ง
พ. มิได้เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงให้ดำเนินคดีแทนโจทก์ แต่ พ. ได้แต่งทนายความให้ดำเนินคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นเรื่องโจทก์ดำเนินคดีผิดพลาดในเรื่องผู้มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ โดยความบกพร่องของโจทก์เอง โจทก์จะมาฎีกาโต้แย้งว่าการกระทำผิดกระบวนพิจารณาของตนเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แก้ไขข้อผิดพลาดของตนเอง ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6392/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายกรณีปลาแฟนตาซีคาร์พตาย: พิจารณาจากราคา ความพิเศษ และความผูกพันทางจิตใจ
จำเลยที่ 1 รับเหมาก่อสร้างอาคารซึ่งติดกับแนวเขตที่ดินของบิดามารดาโจทก์ซึ่งโจทก์พักอาศัยอยู่ด้วย ทำให้มีเศษวัสดุก่อสร้างตกหล่นเข้าไปในบริเวณบ้านดังกล่าวและบ่อปลา เป็นเหตุให้ปลาแฟนตาซีคาร์พที่โจทก์เลี้ยงในบ่อตายจำเลยที่ 1 ผู้รับเหมาก่อสร้าง จำเลยที่ 2 ผู้ควบคุมงาน และจำเลยร่วมผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
ปลาแฟนซีคาร์พ 7 ตัวของโจทก์ เป็นปลาพันธุ์ดีที่โจทก์ซื้อซึ่งนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น โจทก์เลี้ยงดูปลาอย่างดี มีบ่อเลี้ยงปลาที่ดีทั้งระบบนิเวศน์ระบบพักน้ำและระบายน้ำ เมื่อคำนึงถึงราคาที่ซื้อมา ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าบำรุงดูแลรักษาตลอดจนระยะเวลาที่โจทก์ใช้ในการเลี้ยงดูปลาจนถึงวันที่ปลาตายเป็นเวลาเกินกว่า6 ปี ประกอบกับปลาทั้งเจ็ดตัวนี้เคยส่งเข้าประกวดและได้รับรางวัลทุกตัวจนมีผู้เสนอขอซื้อในราคาตัวละ 150,000 บาท จึงย่อมเป็นปลาที่โจทก์ภาคภูมิใจและมีค่าอย่างสูงในด้านจิตใจของโจทก์ ไม่อาจนำราคาปกติของปลาแฟนตาซีคาร์พทั่วไปในท้องตลาดมาเป็นเกณฑ์ในการกำหนดค่าเสียหายได้ เมื่อพิจารณาประกอบพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้ว เห็นควรกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 700,000 บาท
ปลาแฟนซีคาร์พ 7 ตัวของโจทก์ เป็นปลาพันธุ์ดีที่โจทก์ซื้อซึ่งนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น โจทก์เลี้ยงดูปลาอย่างดี มีบ่อเลี้ยงปลาที่ดีทั้งระบบนิเวศน์ระบบพักน้ำและระบายน้ำ เมื่อคำนึงถึงราคาที่ซื้อมา ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าบำรุงดูแลรักษาตลอดจนระยะเวลาที่โจทก์ใช้ในการเลี้ยงดูปลาจนถึงวันที่ปลาตายเป็นเวลาเกินกว่า6 ปี ประกอบกับปลาทั้งเจ็ดตัวนี้เคยส่งเข้าประกวดและได้รับรางวัลทุกตัวจนมีผู้เสนอขอซื้อในราคาตัวละ 150,000 บาท จึงย่อมเป็นปลาที่โจทก์ภาคภูมิใจและมีค่าอย่างสูงในด้านจิตใจของโจทก์ ไม่อาจนำราคาปกติของปลาแฟนตาซีคาร์พทั่วไปในท้องตลาดมาเป็นเกณฑ์ในการกำหนดค่าเสียหายได้ เมื่อพิจารณาประกอบพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้ว เห็นควรกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 700,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5730/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการริบเงินประกันตามสัญญาเช่าเมื่อผู้เช่าผิดสัญญา และห้ามนำเงินประกันมาหักชำระค่าเสียหาย
สัญญาเช่าสิทธิขายอาหารและสิ่งพิมพ์ประจำสถานีรถไฟมีข้อความว่าถ้าผู้เช่าประพฤติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ผู้ให้เช่ามีสิทธิที่จะเลิกสัญญาเสียได้ทันที ส่วนเงินประกันและเงินค่าเช่าที่เก็บล่วงหน้าไว้ ผู้ให้เช่าก็อาจริบเสียได้ เมื่อจำเลยผู้เช่าประพฤติผิดสัญญาเช่า โจทก์ผู้ให้เช่าจึงมีสิทธิริบเงินประกันตามสัญญาได้และไม่มีหน้าที่ต้องคืนเงินประกันแก่จำเลย กรณีไม่อาจนำเงินประกันดังกล่าวมาหักชำระค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5576/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสร้างสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของตนเอง ไม่ถือเป็นการละเมิดต่อข้างเคียง หากไม่เกินความเดือดร้อนตามปกติ
การที่โจทก์จะได้รับความเดือดร้อนถึงกับต้องใช้สิทธิเพื่อยังความเดือดร้อนให้สิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 นั้น จะต้องได้ความว่าเป็นความเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรจำเลยปลูกสร้างอาคารและกำแพงล้อมรั้วในที่ดินของจำเลยเอง ไม่ปรากฏว่าได้กลั่นแกล้งเพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหาย อันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 แต่อย่างใด เมื่อที่ดินของโจทก์ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยังเป็นที่ว่างเปล่าไม่มีรั้วล้อมรอบ โจทก์ก็ย่อมสามารถเดินผ่านออกไปสู่ทางสาธารณะด้านวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม (ถนนสุขุมวิท 93) และถนนอ่อนนุชได้ ส่วนด้านทิศตะวันตกโจทก์แถลงต่อศาลเองว่าหากมีการปิดกั้นโจทก์ไม่สามารถเดินออกไปสู่ทางสาธารณะได้ แสดงว่าหากโจทก์จะเดินออกไปก็ย่อมเดินได้ทั้งเป็นเรื่องในอนาคตที่โจทก์คาดหมายไปเอง นอกจากนี้ปรากฏว่าโจทก์มิได้มีบ้านปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ บ้านที่โจทก์อยู่อาศัยคงเป็นบ้านที่ บ. ปลูก และโจทก์มีฐานะเป็นเพียงผู้อาศัย การที่จำเลยสร้างอาคารคอนกรีตสูง 3 ชั้น และกำแพงรั้วปิดกั้นตามแนวเขตที่ดินของจำเลย จึงมิได้เป็นเหตุให้โจทก์เจ้าของที่ดินข้างเคียงได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจรับรองฎีกาในข้อเท็จจริงต้องเป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีเท่านั้น แม้มีคำสั่งอื่นก็มิอาจใช้สิทธิได้
ส. เป็นผู้พิพากษาที่เพียงแต่มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตามคำร้องของจำเลยเท่านั้น อันเป็นคำสั่งภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีเสร็จแล้ว และก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งการมีคำสั่งดังกล่าว ส. ไม่ได้นั่งพิจารณาคดีนั้นเลย ส. จึงไม่มีอำนาจรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ การที่ ส. รับรองให้ฎีกาจึงไม่ชอบ ถือว่าคดีนี้ยังคงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงที่โจทก์ฎีกาว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่เป็นที่หนองน้ำสาธารณประโยชน์ เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ซึ่งวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นที่หนองน้ำสาธารณประโยชน์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจรับรองฎีกาต้องเป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดี และคดีต้องไม่เกินราคาทรัพย์สินที่กฎหมายกำหนด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ให้อำนาจผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้นั้น มีเจตนารมณ์ให้ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีนั้นเองเป็นผู้รับรองให้ฎีกาเพราะเป็นผู้ทราบดีว่ามีเหตุสมควรที่จะรับรองให้ฎีกาหรือไม่ ดังนั้น ผู้พิพากษา ส. ที่เพียงแต่มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยทั้งสามขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ อันเป็นคำสั่งภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีเสร็จแล้ว จึงไม่มีอำนาจรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ การที่ ส. รับรองให้ฎีกาจึงไม่ชอบ ถือว่าคดียังคงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง การที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามมาตราดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจรับรองฎีกาต้องเป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีเท่านั้น การรับรองโดยผู้ไม่มีอำนาจทำให้ฎีกาไม่ชอบ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่บัญญัติให้อำนาจแก่ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงนั้น มีเจตนารมณ์ให้อำนาจแก่ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีนั้นเองเป็นผู้รับรองให้ฎีกา เพราะเป็นผู้ทราบดีว่ามีเหตุสมควรที่จะรับรองให้ฎีกาหรือไม่ แต่ ส. เป็นผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่เพียงแต่มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยเท่านั้น อันเป็นคำสั่งภายในจากที่ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีเสร็จแล้ว และก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งการมีคำสั่งดังกล่าว ส.ไม่ได้เข้าไปนั่งพิจารณาคดีนั้นเลย ส.จึงไม่มีอำนาจรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ การที่ ส.รับรองให้ฎีกาจึงไม่ชอบ ถือว่าคดีนี้ยังคงห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5374/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา: ศาลชั้นต้นต้องสั่งการบังคับคดี ไม่ใช่แค่สั่งให้จำเลยปฏิบัติตาม
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยรื้อรั้วตามรูปกากบาทเส้นสีแดงในแผนที่เอกสารท้ายฟ้อง เฉพาะบางส่วนที่เริ่มตั้งแต่ด้านทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกจนถึงแนวยุ้งข้าวของโจทก์ตามระยะทางที่โจทก์สามารถนำรถยนต์เข้าไปขนข้าวในยุ้งข้าวของโจทก์ได้ ฉะนั้น การที่จำเลยแถลงต่อศาลว่าไม่ได้รื้อรั้วตั้งแต่ด้านทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกจนถึงแนวยุ้งข้าวของโจทก์แต่อย่างใดแสดงว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว จึงมีอำนาจโดยชอบโดยตรงที่จะดำเนินการแก่จำเลยเพื่อให้คำพิพากษาของศาลฎีกามีผลบังคับใช้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 ส่วนวิธีดำเนินการกับจำเลยเกี่ยวกับการรื้อรั้วนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 เบญจ ได้บัญญัติไว้แล้ว แต่ศาลชั้นต้นหาได้กระทำไม่ กลับออกคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ เพราะจำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาอยู่แล้วโดยไม่จำต้องให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีบังคับคดีต่อไป