คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 208

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 222 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเฉพาะตัวจำเลยที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ แม้จำเลยอื่นไม่ได้รับ
ในคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ปล่อยตัวจำเลยไป โจทก์อุทธรณ์แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้คนเดียว จำเลยอีกคนหนึ่งส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ไม่ได้นั้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิจารณาคดีฉะเพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไป ไม่ควรจะสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวเสียทั้งหมด ถ้าศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีเสียทั้งสองคน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาคดีฉะเพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเฉพาะจำเลยที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ กรณีจำเลยบางส่วนไม่ได้รับ
ในคดีอาญา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ปล่อยตัวจำเลยไปโจทก์อุทธรณ์ แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้คนเดียว จำเลยอีกคนหนึ่งส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ไม่ได้นั้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิจารณาคดีเฉพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไป ไม่ควรจะสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว เสียทั้งหมด ถ้าศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีเสียทั้งสองคน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาคดีเฉพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ ต้องพิจารณาพฤติการณ์ครบถ้วนตามกระบวนการ
คดีได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า จำเลยบอกว่าจะจับตัวไปส่งสถานีตำรวจ แล้วจำเลยก็คุมตัวผู้เสียหายไป และเตะผู้เสียหายในระหว่างทาง แล้วหาส่งตัวผู้เสียหายต่อกำนันหรืออำเภอไม่ เพียงเท่านี้ ศาลจะด่วนยกข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 270 เสียโดยไม่พิจารณาให้สิ้นกระแสร์ความตามกระบวนพิจารณาหาชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำร้ายร่างกาย และเสื่อมเสียอิสรภาพ ศาลต้องพิจารณาข้อหาอย่างครบถ้วน
คดีได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า จำเลยบอกว่าจะจับตัวไปส่งสถานีตำรวจ แล้วจำเลยก็คุมตัวผู้เสียหายไป และเตะผู้เสียหายในระหว่างทาง แล้วหาส่งตัวผู้เสียหายต่อกำนันหรืออำเภอไม่ เพียงเท่านี้ ศาลจะด่วนยกข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 270 เสียโดยไม่พิจารณาให้สิ้นกระแสความตามกระบวนพิจารณาหาชอบได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นลดหย่อนผ่อนโทษ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 249,335(13) กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยให้การต่อสู้ว่าทำโดยป้องกันตัวศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 251 จำเลยอุทธรณ์ว่าทำโดยป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ ดังนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาชี้ขาดว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัวตามกฎหมาย แต่จำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะให้ลงโทษจำเลยเพียงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 55 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกันในคดีอาญา: ศาลอุทธรณ์ต้องให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเพิ่มเติมก่อนพิพากษา
พยานโจทก์เบิกความถึงวันเกิดเหตุตรงตามฟ้องแต่ว่าต่างกับวันที่ฟ้องไว้ในคดีก่อนไปวันหนึ่งนั้นเพียงเท่านี้จะถือว่าวันเกิดเหตุจริงคือวันที่กล่าวในฟ้องคดีก่อนยังไม่ได้ ถ้าคดีนี้เป็นจริงและคดีมีหลักฐานพอแล้วจำเลยก็ต้องมีผิด
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันไม่น่าเชื่อนั้น ถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงแห่งคดีแล้วศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ไม่ได้
ถ้าศาลอุทธรณ์ประสงค์จะฟังพยานต่อไปจนสิ้นกระแสความเสียก่อนก็ควรให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอร่วมว่าความของผู้เสียหาย: ศาลไม่ต้องพิจารณาใหม่หากไม่กระทบผลการพิพากษา
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอว่าความร่วมกับอัยการ ศาลอนุญาตแล้วดำเนินการพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จจนพิพากษาคดี โดยโจทก์มิได้คัดค้านหรือทักท้วงว่าไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา เพิ่งจะมาคัดค้านขึ้นในชั้นฎีกา และกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นดำเนินไปนั้นศาลอุทธรณ์มิได้ถือเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยคดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงพิจารณาคดีลักทรัพย์พร้อมเรียกค่าเสียหาย แม้ราคาทรัพย์สูง
ในคดีเรื่องลักทรัพย์ซึ่งอัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงนั้นแม้โจทก์จะขอให้ใช้ราคาทรัพย์มากมายเพียงไรศาลแขวงก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
ศาลแขวงลงโทษฐานลักทรัพย์แต่ไม่รับพิจารณาในเรื่องที่ขอให้ใช้ทรัพย์เมื่อศาลสูงเห็นว่าการไม่รับพิจารณานั้นไม่ถูกต้อง ก็ย้อนสำนวนให้ศาลแขวงพิจารณาพิพากษาในเรื่องใช้ทรัพย์ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษปรับในฐานมีอาวุธปืนโดยมิชอบ แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ และการพิจารณาความรับผิดทางอาญาในคดีทำให้คนตายโดยประมาท
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทและฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และแยกกะทงลงโทษ จำเลยอุทธรณ์ฉะเพาะฐานทำให้คนตายโดยประมาท ศาลอุทธรณ์จะไปแก้ไขกำหนดโทษฐานมีอาวุธปืนไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการแก้ไขโทษของศาลอุทธรณ์ในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทและฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และแยกกระทงลงโทษ จำเลยอุทธรณ์เฉพาะฐานทำให้คนตายโดยประมาท ศาลอุทธรณ์จะไปแก้ไขกำหนดโทษฐานมีอาวุธปืนไม่ได้
of 23