คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 86

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีและการยื่นบัญชีรายชื่อพยาน ศาลต้องพิจารณาตามขั้นตอน และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่เกินคำขอ
ในวันนัดสืบพยานซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าป่วย ทนายจำเลยแถลงว่าไม่ค้าน แต่ค้านว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานก่อนสืบพยานโจทก์ 3 วัน ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อน ส่วนการยื่นบัญชีระบุพยานเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 อีกชั้นหนึ่งหลังจากที่ศาลมีคำสั่งเรื่องการขอเลื่อนคดีแล้วจะถือว่าโจทก์หมดสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเสียในชั้นนี้ยังไม่ได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนสืบพยาน 3 วัน ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไปครั้นสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ดังนี้การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าขอให้มีการสืบพยานโจทก์ด้วย และการที่จะมีการสืบพยานโจทก์ได้ก็จะต้องให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียก่อนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหาเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีและการยื่นบัญชีพยาน: ศาลมีอำนาจพิจารณาการขอเลื่อนก่อน และโจทก์ยังคงสิทธิยื่นบัญชีพยานได้หลังการเลื่อน
ในวันนับสือพยานซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าป่วย ทนายจำเลยแถลงว่าไม่ค้าน แต่ค้านว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานก่อนสืบพยานโจทก์ 3 วัน ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องขอเลื่อนเสียก่อน ส่วนการยื่นบัญชีระบุพยานเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 อีกชั้นหนึ่ง หลังจากที่ศาลมีคำสั่งเรื่องการขอเลื่อนคดีแล้วจะถือว่าโจทก์หมดสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเสียในชั้นนี้ยังไม่ได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนสืบพยาน 3 วัน ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไป ครั้นสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์และดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าขอให้มีการสืบพยานโจทก์ด้วย และการที่จะมีการสืบพยานโจทก์ได้ก็จะต้องให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหาเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องเช็ค: การพิสูจน์การชำระหนี้ค่าแชร์ และอำนาจฟ้องของผู้ทรงเช็ค
แม้เช็คพิพาทเป็นเช็คของจำเลยสั่งจ่ายเงินสดให้แก่ผู้ถือ เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คและเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ใช้เงินตามเช็คพิพาทนั้นได้ก็ตาม แต่จำเลยให้การว่าจำเลยออกเช็คให้นายวงแชร์เพื่อยึดถือไว้เป็นประกันซึ่งไม่ตรงกับที่โจทก์บรรยายในฟ้อง เพราะโจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินให้โจทก์เป็นค่าเล่นแชร์เปียหวย ซึ่งโจทก์ได้จ่ายเงินให้จำเลยไปแล้ว นอกจากนั้นจำเลยยังให้การยืนยันด้วยว่า จำเลยมิได้รับชำระเงินค่าแชร์ที่เปียได้จากโจทก์ ซึ่งถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่จำเลยต่อสู้ จำเลยก็ไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องชำระเงินให้โจทก์ตามเช็คพิพาท รูปคดีจำต้องฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท: ประเด็นการชำระค่าแชร์และความขัดแย้งในคำให้การ
แม้เช็คพิพาทเป็นเช็คของจำเลยสั่งจ่ายเงินสดให้แก่ผู้ถือเมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คและเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ใช้เงินตามเช็คพิพาทนั้นได้ก็ตามแต่จำเลยให้การว่าจำเลยออกเช็คให้นายวงแชร์เพื่อยึดถือไว้เป็นประกันซึ่งไม่ตรงกับที่โจทก์บรรยายในฟ้องเพราะโจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินให้โจทก์เป็นค่าเล่นแชร์เปียหวยซึ่งโจทก์ได้จ่ายเงินให้จำเลยไปแล้ว นอกจากนั้นจำเลยยังให้การยืนยันด้วยว่าจำเลยมิได้รับชำระเงินค่าแชร์ที่เปียได้จากโจทก์ซึ่งถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่จำเลยต่อสู้จำเลยก็ไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องชำระเงินให้โจทก์ตามเช็คพิพาท รูปคดีจำต้องฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์ & การคุ้มครองสิทธิของผู้นำยึดทรัพย์
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยซึ่งรวมทั้งที่พิพาทด้วยผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องได้เข้าครอบครองที่พิพาทตั้งแต่วันซื้อขาย โดยสงบเปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว หากเป็นความจริงดังที่ผู้ร้องอ้างผู้ร้องก็ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 การที่จำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแต่ผู้เดียวเป็นแต่เพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และโจทก์ผู้นำยึดทรัพย์ไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299วรรค 2 ศาลชั้นต้นควรที่จะฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความเสียก่อนไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานผู้ร้องและโจทก์แล้วพิพากษายกคำร้อง (อ้างฎีกาที่ 456-458/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์และการบังคับคดี ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความก่อน
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยซึ่งรวมทั้งที่พิพาทด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้เข้าครอบครองที่พิพาทตั้งแต่วันซื้อขาย โดยสงบเปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว หากเป็นความจริงดังที่ผู้ร้องอ้าง ผู้ร้องก็ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 การที่จำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของกรมสิทธิ์ที่พิพาทแต่ผู้เดียว เป็นแต่เพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และโจทก์ผู้นำยึดทรัพย์ไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรค 2 ศาลชั้นต้นควรที่จะฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความเสียก่อน ไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานผู้ร้องและโจทก์แล้วพิพากษายกคำร้อง (อ้างฎีกาที่ 456-458/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การที่ไม่ชัดเจนว่ารับหรือปฏิเสธข้ออ้างในฟ้อง ถือเป็นคำให้การไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง
คำให้การของจำเลยในตอนแรกว่าหนังสือรับสภาพหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องทำขึ้นด้วยเจตนาเพื่อใช้ลวงเจ้าหนี้ของโจทก์ ไม่มีผลบังคับต่อกัน แล้วให้การอีกว่าถ้าหนังสือรับสภาพหนี้ใช้บังคับได้ จำเลยก็ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ให้เจ้าหนี้โจทก์แทนโจทก์แล้ว คำให้การดังนี้มีทั้งปฏิเสธว่าหนังสือรับสภาพหนี้ไม่มีผลบังคับและมีผลบังคับ ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างในฟ้องของโจทก์ เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ แม้จำเลยให้การไม่ชัดแจ้งว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างในฟ้องของโจทก์ แต่เมื่อตามคำให้การนั้นจำเลยรับแล้วว่าได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้อง โจทก์ก็ไม่ต้องสืบพยานอีก การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์พยาน แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ จึงเป็นการชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจกรรมการบริษัทในการลงนามสัญญาเช่าซื้อ, ความถูกต้องของสัญญา, และการคิดดอกเบี้ยค่าเสียหาย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 และมาตรา 1144 กรรมการบริษัทจำกัดเป็นผู้แทนของบริษัท มีอำนาจดำเนินกิจการทุกอย่างภายในขอบข่ายแห่งวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัทได้ หาได้มีอำนาจจำกัดเพียงเท่าที่ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจทั่วไปมีอยู่ไม่ มาตรา 1167 เป็นเรื่องความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอก เป็นต้นว่า กรรมการบริษัทจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเป็นส่วนตัวหรือไม่ ดังนี้ จึงจะบังคับตามกฎหมายว่าด้วยตัวแทน หาได้หมายความว่ากรรมการบริษัทเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปของบริษัทไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ที่บัญญัติให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าก่อนบอกเลิกสัญญาก็ดี มาตรา 574 ที่บัญญัติว่าเมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองคราวติดๆ กัน ผู้ให้เช่าซื้อจึงจะบอกเลิกสัญญาได้ก็ดี ไม่ใช่บทบัญญัติเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
จำเลยฎีกาว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาโดยไม่สุจริต นั้น เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย
สัญญาเช่าซื้อ ข้อ 8 ที่ว่า ถ้าผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินใดๆ แก่เจ้าของตามข้อสัญญาประการหนึ่งประการใด ผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ค้างชำระในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นั้น สำหรับค่าติดตามเอาทรัพย์คืนก็ดี ค่าซ่อมแซมรถก็ดี เป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญา ข้อ 9 อยู่ในความหมายของคำว่าเงินใดๆ ตามสัญญา ข้อ 8 จึงต้องเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แต่เงินค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถนั้น เป็นค่าเสียหายที่ไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อ ไม่อยู่ในความหมายของคำว่าเงินใดๆ ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 8 จึงคิดดอกเบี้ยได้เพียงร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
การที่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานที่เป็นลูกจ้างของโจทก์นั้น เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความโดยถูกต้องเท่าที่จำเป็น หาเป็นการฟุ่มเฟือยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ การผิดสัญญา การยึดทรัพย์ และดอกเบี้ย ค่าเสียหาย การมอบอำนาจกรรมการบริษัท
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 และมาตรา 1144กรรมการบริษัทจำกัดเป็นผู้แทนของบริษัท มีอำนาจดำเนินกิจการทุกอย่างภายในขอบข่ายแห่งวัตถุประสงค์และข้อบังคับของบริษัทได้ หาได้มีอำนาจจำกัดเพียงเท่าที่ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจทั่วไปมีอยู่ไม่ มาตรา 1167 เป็นเรื่องความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอก เป็นต้นมา กรรมการบริษัทจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเป็นส่วนตัวหรือไม่ ดังนี้ จึงจะบังคับตามกฎหมายว่าด้วยตัวแทน หาได้หมายความว่ากรรมการบริษัทเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปของบริษัทไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ที่บัญญัติให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าก่อนบอกเลิกสัญญาก็ดี มาตรา 574ที่บัญญัติว่าเมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองคราวติด ๆ กัน ผู้ให้เช่าซื้อจึงจะบอกเลิกสัญญาได้ก็ดี ไม่ใช่บทบัญญัติเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
จำเลยฎีกาว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยไม่สุจริต นั้น เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย
สัญญาเช่าซื้อ ข้อ 8 ที่ว่า ถ้าผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินใด ๆ แก่เจ้าของตามข้อสัญญาประการหนึ่งประการใด ผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับเงินที่ค้างชำระในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นั้น สำหรับค่าติดตามเอาทรัพย์คืนก็ดี ค่าซ่อมแซมรถก็ดี เป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญา ข้อ 9 อยู่ในความหมายของคำว่าเงินใด ๆ ตามสัญญาข้อ 8 จึงต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15ต่อปี แต่เงินค่าขาดประโยชน์จากใช้รถนั้น เป็นค่าเสียหายที่ไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อ ไม่อยู่ในความหมายของคำว่าเงินใด ๆ ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 8จึงคิดดอกเบี้ยได้เพียงร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
การที่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานที่เป็นลูกจ้างของโจทก์นั้น เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความโดยถูกต้องเท่าที่จำเป็น หาเป็นการฟุ่มเฟือยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนผู้จัดการมรดกจากความไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย แม้ศาลขยายเวลาให้แล้ว
ผู้จัดการมรดกแถลงรับว่าไม่ได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1728,1729แต่อ้างว่าเป็นคนจีนต้องให้ทนายความทำแทนซึ่งไม่เป็นเหตุผลอันสมควรเพราะล่วงเลยเวลามาถึง 8 เดือนแล้วและเมื่อศาลขยายเวลาให้อีก 1 เดือน ผู้จัดการมรดกก็ยังละเลยไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเช่นเดิมโดยอ้างว่าผู้คัดค้านไปร้องคัดค้านในการที่ผู้จัดการมรดกจะขายที่ดินมรดก ซึ่งก็ไม่เป็นเหตุที่ทำให้ผู้จัดการมรดกไม่สามารถยื่นบัญชีทรัพย์ได้พฤติการณ์ที่ปรากฏจากคำแถลงรับของผู้จัดการมรดกดังกล่าวข้างต้นเป็นการแสดงออกถึงความไม่สามารถอันเห็นประจักษ์ศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวนสืบพยานอื่นอีกต่อไป
บัญชีทรัพย์มรดกที่ได้ยื่นไว้แล้วในวันยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกไม่ใช่บัญชีทรัพย์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1731 เพราะบัญชีทรัพย์มรดกตามมาตราดังกล่าว หมายถึงบัญชีทรัพย์มรดกซึ่งได้จัดทำขึ้นโดยผู้จัดการมรดกภายหลังที่ได้รับแต่งตั้งจากศาลแล้ว
การที่ผู้จัดการมรดกดำเนินการโอนขายที่ดินมรดกโดยยังไม่ได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1730, 1563 เพราะมิใช่เป็นการเร่งร้อนและจำเป็น
of 79