คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 86

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุนทรัพย์คดีแพ่งแต่ละโจทก์, ข้อจำกัดการฎีกา, การนำสืบพยานจำเลย
คดีที่โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์แต่ละคนชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลโดยลำพัง ฉะนั้น แม้โจทก์จะฟ้องมาในคดีเดียวกัน ก็ต้องพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีสำหรับโจทก์แต่ละคนแยกกัน เมื่อปรากฏว่าราคาทรัพย์สินที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องมีจำนวนไม่เกิน 5,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์แต่ละคนจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2511)
การที่จำเลยที่ 2 ไม่เข้าเบิกความเป็นพยาน ไม่มีกฎหมายตัดสิทธิมิให้จำเลยที่ 2 นำพยานเข้าสืบหรือบัญญัติว่าจะเอาคำเบิกความของพยานนั้นหรือคำเบิกความของจำเลยด้วยกันมาฟังเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีแต่ละโจทก์แยกกัน และการไม่มีผลเสียจากการไม่เบิกความของจำเลย
คดีที่โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55. โจทก์แต่ละคนชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลโดยลำพัง. ฉะนั้น แม้โจทก์จะฟ้องมาในคดีเดียวกัน ก็ต้องพิจารณาทุนทรัพย์ของคดีสำหรับโจทก์แต่ละคนแยกกัน. เมื่อปรากฏว่าราคาทรัพย์สินที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องมีจำนวนไม่เกิน 5,000 บาท.และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น. โจทก์แต่ละคนจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2511).
การที่จำเลยที่ 2 ไม่เข้าเบิกความเป็นพยาน. ไม่มีกฎหมายตัดสิทธิ.มิให้จำเลยที่ 2 นำพยานเข้าสืบ.หรือบัญญัติว่าจะเอาคำเบิกความของพยานนั้นหรือคำเบิกความของจำเลยด้วยกันมาฟังเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วย: ศาลต้องพิจารณาเหตุจำเป็นและไม่ถือว่าประวิงคดีหากมีเหตุผล
วันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนมายื่นคำร้องขอเลื่อนการนั่งพิจารณา โดยไม่มีพยานมาศาล. จำเลยคัดค้านว่า โจทก์ขอเลื่อนเพื่อประวิงคดี. แต่ไม่ได้คัดค้านว่าทนายโจทก์ไม่ป่วยเจ็บจริง. แม้ทนายโจทก์จะส่งใบรับรองแพทย์ภายหลัง ก็ถือไม่ได้ว่าทนายโจทก์ไม่ป่วยเจ็บจริง. ความเจ็บป่วยของทนายความถือเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้. ศาลต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 โดยสั่งเลื่อนคดีต่อไปได้อีกครั้งเดียวเท่านั้น มีกำหนดไม่เกินหนึ่งเดือน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วย: ศาลต้องพิจารณาเหตุจำเป็นและไม่ถือว่าประวิงคดีหากมีเหตุผล
วันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนมายื่นคำร้องขอเลื่อนการนั่งพิจารณา โดยไม่มีพยานมาศาล จำเลยคัดค้านว่า โจทก์ขอเลื่อนเพื่อประวิงคดี แต่ไม่ได้คัดค้านว่าทนายโจทก์ไม่ป่วยเจ็บจริง แม้ทนายโจทก์จะส่งใบรับรองแพทย์ภายหลัง ก็ถือไม่ได้ว่าทนายโจทก์ไม่ป่วยเจ็บจริง ความเจ็บป่วยของทนายความถือเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ศาลต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 โดยสั่งเลื่อนคดีต่อไปได้อีกครั้งเดียวเท่านั้น มีกำหนดไม่เกินหนึ่งเดือน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วย: ศาลต้องพิจารณาเหตุจำเป็นและไม่ถือว่าประวิงคดีทันที
วันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนมายื่นคำร้องขอเลื่อนการนั่งพิจารณา โดยไม่มีพยานมาศาลจำเลยคัดค้านว่า โจทก์ขอเลื่อนเพื่อประวิงคดี แต่ไม่ได้คัดค้านว่าทนายโจทก์ไม่ป่วยเจ็บจริง แม้ทนายโจทก์จะส่งใบรับรองแพทย์ภายหลัง ก็ถือไม่ได้ว่าทนายโจทก์ไม่ป่วยเจ็บจริง ความเจ็บป่วยของทนายความถือเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ศาลต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 โดยสั่งเลื่อนคดีต่อไปได้อีกครั้งเดียวเท่านั้น มีกำหนดไม่เกินหนึ่งเดือน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงที่รับกันต่อหน้าศาลมีผลผูกพัน ไม่ต้องสืบพยานเพิ่มเติม หากข้อเท็จจริงเพียงพอชี้ขาดคดี
ข้อเท็จจริงใดซึ่งคู่ความรับกันและศาลจดไว้แล้ว คู่ความไม่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้นอีก
เมื่อข้อเท็จจริงที่รับกันเพียงพอแก่การวินิจฉัยชี้ขาดคดีแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจงดสืบพยาน และพิพากษาคดีไปโดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานอื่นใดอีก
คู่ความท้ากันสืบพยานเพียงประเด็นข้อเดียว ส่วนประเด็นข้ออื่นไม่ติดใจว่ากล่าวย่อมถือว่าสละข้อต่อสู้อื่น และไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยนอกเหนือไปจากที่ท้ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงที่รับกันต่อหน้าศาลมีผลผูกพัน ไม่ต้องพิสูจน์ซ้ำ ศาลงดสืบพยานได้หากรับกันเพียงพอ
ข้อเท็จจริงใดซึ่งคู่ความรับกันและศาลจดไว้แล้ว คู่ความไม่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้นอีก
เมื่อข้อเท็จจริงที่รับกันเพียงพอแก่การวินิจฉัยชี้ขาดคดีแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจงดสืบพยาน และพิพากษาคดีไปโดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานอื่นใดอีก
คู่ความท้ากันสืบพยานเพียงประเด็นข้อเดียว ส่วนประเด็นข้ออื่นไม่ติดใจว่ากล่าวย่อมถือว่าสละข้อต่อสู้อื่น และไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยนอกเหนือไปจากที่ท้ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงรับกันต่อหน้าศาลมีผลผูกพัน ไม่ต้องสืบพยานเพิ่มเติม หากข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัย
ข้อเท็จจริงใดซึ่งคู่ความรับกันและศาลจดไว้แล้ว. คู่ความไม่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้นอีก.
เมื่อข้อเท็จจริงที่รับกันเพียงพอแก่การวินิจฉัยชี้ขาดคดีแล้ว. ศาลย่อมมีอำนาจงดสืบพยาน และพิพากษาคดีไปโดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานอื่นใดอีก.
คู่ความท้ากันสืบพยานเพียงประเด็นข้อเดียว ส่วนประเด็นข้ออื่นไม่ติดใจว่ากล่าวย่อมถือว่าสละข้อต่อสู้อื่น. และไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่ศาลจะต้องวินิจฉัยนอกเหนือไปจากที่ท้ากัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีด้วยการขอเลื่อนนัดสืบพยานซ้ำๆ ถือเป็นการจงใจทำให้คดีล่าช้า ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อน
จำเลยพยายามที่จะให้คดีดำเนินไปอย่างล่าช้า กล่าวคือในเบื้องต้นจำเลยทำเป็นฟ้องแย้งแล้วปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่นำเจ้าพนักงานไปส่งหมายเรียกและฟ้องแย้งให้โจทก์ ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีฟ้องแย้งวันชี้สองสถานฝ่ายจำเลยไม่มาศาลวันสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยแถลงว่าปวดฟันขอเลื่อน ศาลอนุญาตและได้กำชับว่าหากมีกรณีขอเลื่อนไปอีกศาลจะไม่อนุญาตถ้าไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นสมควร นัดที่ 2 โจทก์ขอเลื่อน นัดที่ 3 จำเลยขอเลื่อนโดยอ้างเหตุป่วยปวดฟัน ศาลอนุญาตให้เลื่อน และสั่งว่าจะอนุญาตให้จำเลยขอเลื่อนไปครั้งนี้ครั้งเดียว ในนัดหน้าจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนไปอีกไม่ว่ากรณีใด นัดที่ 4 ทนายจำเลยขอเลื่อนอีก อ้างเหตุปวดฟันโจทก์คัดค้าน ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนตามพฤติการณ์ที่ฝ่ายจำเลยดำเนินคดีตลอดมาดังกล่าวนี้ เป็นการประวิงคดี ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีโดยจำเลย ศาลชอบที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยพยายามที่จะให้คดีดำเนินไปอย่างล่าช้า กล่าวคือในเบื้องต้นจำเลยทำเป็นฟ้องแย้งแล้วปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่นำเจ้าพนักงานไปส่งหมายเรียกและฟ้องแย้งให้โจทก์. ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีฟ้องแย้ง. วันชี้สองสถานฝ่ายจำเลยไม่มาศาล.วันสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยแถลงว่าปวดฟันขอเลื่อน ศาลอนุญาตและได้กำชับว่าหากมีกรณีขอเลื่อนไปอีกศาลจะไม่อนุญาตถ้าไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นสมควร. นัดที่ 2 โจทก์ขอเลื่อน นัดที่ 3 จำเลยขอเลื่อนโดยอ้างเหตุป่วยปวดฟัน. ศาลอนุญาตให้เลื่อน และสั่งว่าจะอนุญาตให้จำเลยขอเลื่อนไปครั้งนี้ครั้งเดียว ในนัดหน้าจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนไปอีกไม่ว่ากรณีใด. นัดที่ 4 ทนายจำเลยขอเลื่อนอีก อ้างเหตุปวดฟัน. โจทก์คัดค้าน ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อน. ตามพฤติการณ์ที่ฝ่ายจำเลยดำเนินคดีตลอดมาดังกล่าวนี้ เป็นการประวิงคดี. ศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อน.
of 79