พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องละเมิดและการพิสูจน์สิทธิเช่า: ศาลไม่รับฟังประเด็นนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องกล่าวเป็นใจความว่า จำเลยไม่มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมายที่จะเก็บสิ่งของในตึก ซึ่งโจทก์ได้ให้ผู้อื่นเช่าเป็นการรบกวนผู้เช่าจะใช้ประโยชน์ในที่เช่า ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายไป จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเป็นผู้เช่าอยู่อาศัยในตึกนี้มาราว 20 ปีเศษแล้ว ดังนี้เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องอ้างเหตุเพียงว่าจำเลยเอาของไว้ในตึกเป็นการละเมิดเท่านั้น มิได้แสดงถึงการเช่าของจำเลยฉะนั้นโจทก์จะสืบถึงว่าแม้จะมีการเช่า จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ย่อมเป็นเรื่องห่างไกลประเด็นที่กล่าวในฟ้อง ศาลย่อมไม่รับฟัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานร่วมและการวินิจฉัยข้อพิพาทเมื่อพยานเบิกความไม่ตรงตามข้อตกลง
โจทก์จำเลยตกลงสืบพยานร่วมปากเดียว ถ้าพยานมีความว่าในการกู้ยืมได้ระบุที่พิพาทเป็นประกันเงินกู้ โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่ได้ระบุที่รายพิพาทเป็นประกันเงินกู้แล้ว จำเลยยอมแพ้ พยานเบิกความว่าในการกู้เงินได้ระบุที่สวนของจำเลยประกันเงินกู้ ดังนี้ จำเลยจะมีที่ดินแปลงเดียวหรืออย่างไรไม่ทราบชัด เห็นได้ว่าพยานไม่ได้เบิกความว่า ได้ระบุที่พิพาทเป็นประกัน ฉะนั้นจะชี้ขาดให้ฝ่ายใดชนะคดีเพราะคำพยานร่วมไม่ได้ศาลต้องวินิจฉัยตามท้องสำนวนเท่าที่มีอยู่ว่า คู่กรณีฝ่ายใดควรชนะคดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย จำเลยยอมเป็นฝ่ายนำสืบพยานก่อน เมื่อพยานร่วมเบิกความไม่สมจำเลย จำเลยก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย จำเลยยอมเป็นฝ่ายนำสืบพยานก่อน เมื่อพยานร่วมเบิกความไม่สมจำเลย จำเลยก็ต้องแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสืบพยานร่วมไม่ชัดเจน ศาลต้องวินิจฉัยตามสำนวนที่มีอยู่ การครอบครองที่ดิน
โจทก์จำเลยตกลงสืบพยานร่วมปากเดียว ถ้าพยานเบิกความว่าในการกู้ยืมได้ระบุที่พิพาทเป็นประกันเงินกู้ โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่ได้ระบุที่รายพิพาทเป็นประกันเงินกู้แล้ว จำเลยยอมแพ้ พยานเบิกความว่าในการกู้เงินได้ระบุที่สวนของจำเลยประกันเงินกู้ ดังนี้จำเลยจะมีที่ดินแปลงเดียวหรืออย่างไรไม่ทราบชัด เห็นได้ว่าพยานไม่ได้เบิกความว่า ได้ระบุที่พิพาทเป็นประกัน ฉะนั้นจะชี้ขาดให้ฝ่ายใดชนะคดีเพราะคำพยานร่วมไม่ได้ ศาลต้องวินิจฉัยตามท้องสำนวนเท่าที่มีอยู่ว่า คู่กรณีฝ่ายใดควรชนะคดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย จำเลยย่อมเป็นฝ่ายนำสืบก่อนเมื่อพยานร่วมเบิกความไม่สมจำเลย จำเลยก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย จำเลยย่อมเป็นฝ่ายนำสืบก่อนเมื่อพยานร่วมเบิกความไม่สมจำเลย จำเลยก็ต้องแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยและการรวบรัดตัดสินคดี ศาลอุทธรณ์ต้องรอการสืบพยานจำเลยให้สิ้นสุดก่อน
ในคดีอาญา เมื่อศาลชั้นต้นเชื่อข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว จึงให้งดสืบพยานจำเลยต่อไปแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์เสียดังนี้ เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อข้อต่อสู้ของจำเลย ก็จะรวบรัดตัดสินลงโทษจำเลยไปยังไม่ชอบ เพราะจำเลยยังสืบพยานไม่หมด ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเสียให้สิ้นกระแสความก่อนแล้วศาลอุทธรณ์จึงจะวินิจฉัยตัดสินคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานจำเลย: ศาลอุทธรณ์ต้องรอการสืบพยานจำเลยให้ครบถ้วนก่อนตัดสินคดี
ในคดีอาญา เมื่อศาลชั้นต้นเชื่อข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว จึงให้งดสืบพยานจำเลยต่อไปแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์เสียดังนี้ เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ ๆ ไม่เชื่อข้อต่อสู้ของจำเลย ก็จะรวบรัดตัดสินลงโทษจำเลยไปยังไม่ชอบ เพราะจำเลยยังสืบพยานไม่หมด ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเสียให้สิ้นกระแสร์ความก่อน แล้วศาลอุทธรณ์จึงจะวินิจฉัยตัดสินคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนการสืบพยานเนื่องจากพยานไม่มาศาลและเหตุสุดวิสัย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บสาหัสถึงวันนัดพิจารณามีพยานมาไม่ครบถ้วน จึงเลื่อนคดีไป 2 ครั้งแล้วในครั้งที่ 3 พยานไม่มาศาลอีก แต่ปรากฏว่าพยาน 2 คนไปเสียจากภูมิลำเนาทำให้ส่งหมายไม่ได้ส่วนอีก 2 คนเซ็นทราบวันนัดของศาลไว้แล้ว แต่ไม่มาศาลเอง ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องจัดการกับพยานไม่ใช่เป็นเรื่องของโจทก์ ฉะนั้นจึงมีเหตุสมควรให้เลื่อนการสืบพยานต่อไปอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุผลสมควรเลื่อนการสืบพยาน: พยานเดินทางไมได้และไม่มาศาล
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บสาหัส ถึงวันนัดพิจารณามีพยายมาไม่ครบถ้วน จึงเลื่อนคดีไป 2 ครั้งแล้วในครั้งที่ 3 พยานไม่มาศาลอีก แต่ปรากฎว่าพยาน 2 คนไปเสียจากภูมิลำเนาทำให้ส่งหมายไม่ได้ ส่วนอีก 2 คนเซ็นทราบวันนัดของศาลไว้แล้ว แต่ไม่มาศาลเอง ดังนี้เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องจัดการกับพยาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของโจทก์ ฉะนั้นจึงมีเหตุสมควรให้เลื่อนการสืบพยานต่อไปอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลตรวจสถานที่เกิดเหตุ แม้หลังสืบพยานเสร็จสิ้น
ศาลไปตรวจที่เกิดเหตุตามคำขอของจำเลย แม้จำเลยจะขอเมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จจนแถลงหมดพยานแล้ว ก็ดี ศาลก็มีอำนาจรับฟังการตรวจสถานที่เกิดเหตุมาวินิจฉัยคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลตรวจสถานที่เกิดเหตุหลังสืบพยานเสร็จ: ศาลมีอำนาจพิจารณาหลักฐานจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุได้ แม้ขอหลังสืบพยาน
ศาลไปตรวจที่เกิดเหตุตามคำขอของจำเลย แม้จำเลยจะขอเมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จจนแถลงหมดพยานแล้ว ก็ดี ศาลก็มีอำนาจรับฟังการตรวจสถานที่เกิดเหตุมาวินิจฉัยคดี ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้ - การนำสืบ - ที่มาของสัญญา
ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้ แม้หนังสือสัญญากู้นั้นจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรก็ดี แต่เมื่อผู้กู้ให้การรับอยู่ว่าได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริงเป็นแต่ต่อสู้ว่าเกิดจากเรื่องซื้อขายซึ่งไม่จำต้องอาศัยสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานในคดีอย่างไรแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ผู้กู้ชำระเงินแก่ผู้ให้กู้ตามสัญญานั้นได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่นำสืบว่าเป็นหนี้ค่าซื้อปลา อันเป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งสัญญากู้ ดังนี้ หาเป็นการสืบนอกประเด็นไปจากคำฟ้องไม่
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่นำสืบว่าเป็นหนี้ค่าซื้อปลา อันเป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งสัญญากู้ ดังนี้ หาเป็นการสืบนอกประเด็นไปจากคำฟ้องไม่