พบผลลัพธ์ทั้งหมด 141 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำแทนผู้อื่นไม่ผูกพันจำเลยโดยตรง แม้รับเงินตามเช็ค การรับสภาพหนี้ต้องทำในนามตนเอง
เช็คมิใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม จำเลยเขียนหนังสือรับสภาพหนี้ลงชื่อด้วยตนเอง แต่วงเล็บท้ายลายมือชื่อว่าแทน พ.จึงเป็นการกระทำแทนพ. มิใช่กระทำในนามของจำเลยเอง ตามพฤติการณ์โจทก์ทราบดีว่าจำเลยกระทำการแทน พ.จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6276/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบเกินคำให้การ: จำเลยต้องปฏิเสธข้อกล่าวหาในคำให้การก่อนจึงจะนำสืบได้
จำเลยที่ 4 มิได้ให้การปฏิเสธไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทแม้จำเลยที่ 4 ให้การว่าห้าง จำเลยที่ 1 ไม่เคยผูกนิติสัมพันธ์กับโจทก์ เช็คตามฟ้องไม่มีมูลหนี้อันโจทก์จะอ้างกับห้างจำเลยที่ 1ก็ไม่ชัดแจ้งว่าได้ให้การปฏิเสธเกี่ยวกับลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายย่อมเป็นคำให้การที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ทำให้ไม่มีประเด็นเรื่องนี้ การที่จำเลยที่ 4นำสืบปฏิเสธว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2จึงเป็นการนำสืบนอกคำให้การ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6276/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบขัดแย้งกับคำให้การเดิม ถือเป็นการนำสืบนอกคำให้การ
จำเลยที่ 4 มิได้ให้การปฏิเสธไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท แม้จำเลยที่ 4 ให้การว่าห้าง จำเลยที่ 1 ไม่เคยผูกนิติสัมพันธ์กับโจทก์ เช็คตามฟ้องไม่มีมูลหนี้อันโจทก์จะอ้างกับห้างจำเลยที่ 1 ก็ไม่ชัดแจ้งว่าได้ให้การปฏิเสธเกี่ยวกับลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายย่อมเป็นคำให้การที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ทำให้ไม่มีประเด็นเรื่องนี้ การที่จำเลยที่ 4นำสืบปฏิเสธว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2จึงเป็นการนำสืบนอกคำให้การ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3238/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การขัดแย้งและการคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้ร่วมกันรับผิดตามเช็คพิพาท จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เช็คพิพาทปราศจากมูลหนี้ จำเลยทั้งสามไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ หากจะเคยเป็นหนี้ก็ได้ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์เรียบร้อยแล้ว คำให้การดังกล่าวในตอนแรกเป็นการปฏิเสธว่าได้ออกเช็คไปโดยไม่มีมูลหนี้ ส่วนในตอนหลังกลับให้การรับว่าออกเช็คโดยมีมูลหนี้ ดังนี้จึงเป็นคำให้การที่ขัดกันเองไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ไม่เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์ จึงฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ได้โดยไม่ต้องสืบพยาน
การคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคสอง และเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้.
การคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคสอง และเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3238/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การขัดแย้งและดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย: ผลต่อการตัดสินคดี
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้ร่วมกันรับผิดตามเช็คพิพาท จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เช็คพิพาทปราศจากมูลหนี้ จำเลยทั้งสามไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ หากจะเคยเป็นหนี้ก็ได้ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์เรียบร้อยแล้ว คำให้การดังกล่าวในตอนแรกเป็นการปฏิเสธว่าได้ออกเช็คไปโดยไม่มีมูลหนี้ ส่วนในตอนหลังกลับให้การรับว่าออกเช็คโดยมีมูลหนี้ ดังนี้จึงเป็นคำให้การที่ขัดกันเองไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ไม่เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์ จึงฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ได้โดยไม่ต้องสืบพยาน การคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคสอง และเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3919/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดแม้ไม่มีมูลหนี้ต่อผู้ทรง หากเช็คโอนเปลี่ยนมือโดยชอบ
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แม้จำเลยจะนำสืบฟังได้ตามข้อต่อสู้ว่าสั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมที่ น. กู้ยืมไปจาก บ. มิได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ ก็ถือได้ว่าเป็นการสั่งจ่ายเช็คโดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เมื่อเช็คพิพาทได้มาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐานะผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมไม่มีเหตุหรือข้ออ้างอันใดที่จะยกขึ้นต่อสู้เพื่อมิให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้นได้ แม้เช็คพิพาทจะไม่มีมูลหนี้ต่อกันระหว่างจำเลยกับโจทก์หรือมีมูลหนี้เงินกู้ยืมที่ บ. คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจากจำเลยรวมอยู่ด้วยจำเลยก็จะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ บ. ขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลซึ่งจำเลยก็มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3919/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายผูกพันตามเช็คแม้ไม่มีมูลหนี้ต่อผู้ทรงโดยชอบธรรม
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แม้จำเลยจะนำสืบฟังได้ตามข้อต่อสู้ว่าสั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมที่ น. กู้ยืมไปจาก บ. มิได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ ก็ถือได้ว่าเป็นการสั่งจ่ายเช็คโดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เมื่อเช็คพิพาทได้มาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐานะผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมไม่มีเหตุหรือข้ออ้างอันใดที่จะยกขึ้นต่อสู้เพื่อมิให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้นได้ แม้เช็คพิพาทจะไม่มีมูลหนี้ต่อกันระหว่างจำเลยกับโจทก์หรือมีมูลหนี้เงินกู้ยืมที่ บ. คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจากจำเลยรวมอยู่ด้วยจำเลยก็จะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ บ. ขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลซึ่งจำเลยก็มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คใหม่แทนของเดิม และผลกระทบต่อความรับผิดของลูกหนี้ร่วมและผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3ทำสัญญาค้ำประกันและยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ต่อมาเช็คที่นำมาขายลดถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน การที่จำเลยนำเช็คฉบับใหม่มาชำระหนี้ตามมูลหนี้ที่มาจากสัญญาขายลดเช็ค โดยไม่ได้เป็นการขายลดเช็คกับโจทก์ตามสัญญาเดิม และโจทก์ยอมรับเอาเช็คดังกล่าวเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค เช่นนี้ จึงเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้เป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม เมื่อเช็คฉบับใหม่เรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คและสัญญาค้ำประกันอันเป็นมูลหนี้เดิม โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คและสัญญาค้ำประกัน จึงมีอายุความ 10 ปี แม้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา แต่เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามต้องร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์น้อยกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วยเพราะเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1),247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คใหม่แทนเช็คเดิม และผลกระทบต่อความรับผิดของลูกหนี้ร่วมและผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันและยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ต่อมาเช็คที่นำมาขายลดถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน การที่จำเลยนำเช็คฉบับใหม่มาชำระหนี้ตามมูลหนี้ที่มาจากสัญญาขายลดเช็ค โดยไม่ได้เป็นการขายลดเช็คกับโจทก์ตามสัญญาเดิม และโจทก์ยอมรับเอาเช็คดังกล่าวเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค เช่นนี้ จึงเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้เป็นเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 321 วรรคสาม เมื่อเช็คฉบับใหม่เรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คและสัญญาค้ำประกันอันเป็นมูลหนี้เดิม
โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คและสัญญาค้ำประกันจึงมีอายุความ 10 ปี
แม้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา แต่เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามต้องร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์น้อยกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาศาลฎีกาก็มี อำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย เพราะเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1), 247
โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คและสัญญาค้ำประกันจึงมีอายุความ 10 ปี
แม้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา แต่เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามต้องร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์น้อยกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาศาลฎีกาก็มี อำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย เพราะเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1), 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1965/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมการร่วมรับผิดชอบเช็ค: แม้พ้นตำแหน่งแล้ว ก็ยังมีความผิดฐานออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี
กรรมการผู้จัดการหรือกรรมการนิติบุคคลเป็นผู้แสดงออกซึ่งการกระทำของนิติบุคคลหากร่วมกับนิติบุคคลออกเช็คหรือสลักหลังเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คต้องถือว่าเป็นตัวการกระทำผิดร่วมกับนิติบุคคลนั้นด้วย ทั้งนี้ไม่ว่ากรรมการจะอยู่ในตำแหน่งในวันที่เช็คนั้นถึงกำหนดหรือไม่ก็ตาม.