พบผลลัพธ์ทั้งหมด 314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3288/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษา: จำเลยต้องปฏิบัติตาม แม้มีคดีใหม่โต้แย้งสิทธิ
ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านและที่ดินพิพาทพร้อมกับให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายแพ้คดีให้ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาคือออกจากบ้านและที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยขัดขืนไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายชนะคดีก็ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาได้ จำเลยจะอาศัยเหตุที่จำเลยฟ้องโจทก์ขอแสดงสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินราชพัสดุมิใช่ที่ดินของโจทก์เป็นคดีขึ้นมาใหม่เพื่อขอให้งดการบังคับคดีนี้ไว้ก่อนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7481/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ฎีกาในคดีขับไล่: ข้อจำกัดการโต้แย้งดุลพินิจ และอำนาจศาลในการงดบังคับคดี
แม้เป็นชั้นบังคับคดี แต่เป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์อันอาจให้ผู้อื่นเช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเพียงเดือนละ1,000 บาท ไม่มีการต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ อุทธรณ์ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่ามีเหตุให้งดการบังคับคดีไว้ได้หรือไม่เพียงใด จึงเป็นอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามตามป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคสอง จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จึงไม่ชอบ ถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยในคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอหรือให้งดการบังคับคดีตามป.วิ.พ. มาตรา 293 หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อน ดังนั้นแม้ ป.วิ.พ. มาตรา 21 (4) จะให้อำนาจศาลทำการไต่สวนตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ แต่กรณีตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 ได้ จึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน
การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอหรือให้งดการบังคับคดีตามป.วิ.พ. มาตรา 293 หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อน ดังนั้นแม้ ป.วิ.พ. มาตรา 21 (4) จะให้อำนาจศาลทำการไต่สวนตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ แต่กรณีตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 ได้ จึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7481/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีและการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในชั้นบังคับคดี จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว
แม้เป็นชั้นบังคับคดีแต่เป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์อันอาจให้ผู้อื่นเช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเพียงเดือนละ1,000บาทไม่มีการต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์อุทธรณ์ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่ามีเหตุให้งดการบังคับคดีไว้ได้หรือไม่เพียงใดจึงเป็นอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคสองจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จึงไม่ชอบถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยในคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอหรือให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา293หรือไม่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อนดังนั้นแม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา21(4)จะให้อำนาจศาลทำการไต่สวนตามเห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้แต่กรณีตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา293ได้จึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6611-6612/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องอุทธรณ์และงดการบังคับคดี ต้องเป็นไปตามขั้นตอนและเหตุตามกฎหมาย
การแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องอุทธรณ์ต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ประกอบมาตรา 246คือต้องเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องอุทธรณ์ไว้แล้วแต่จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมจึงจะกระทำได้ คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นมิได้รับคำฟ้องอุทธรณ์จึงไม่มีตัวคำฟ้องอุทธรณ์ที่จะต้องแก้ไขเพิ่มเติมได้
การที่จะสั่งงดการบังคับคดีได้จะต้องมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292,293,294 หรือ 296ตามคำร้องของจำเลยเพียงแต่ขอให้งดการบังคับคดีไว้จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องอุทธรณ์เสียก่อนนั้น จำเลยไม่ได้ระบุอ้างเหตุตามกฎหมายดังกล่าวไว้ จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งยกคำร้องของจำเลย
การที่จะสั่งงดการบังคับคดีได้จะต้องมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292,293,294 หรือ 296ตามคำร้องของจำเลยเพียงแต่ขอให้งดการบังคับคดีไว้จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องอุทธรณ์เสียก่อนนั้น จำเลยไม่ได้ระบุอ้างเหตุตามกฎหมายดังกล่าวไว้ จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งยกคำร้องของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีตามมาตรา 293 วรรคแรก ต้องเป็นการบังคับคดีโดยการยึดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาด หรือจำหน่ายทรัพย์สิน ไม่ใช่การส่งมอบโฉนด
ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ มิใช่เป็นการบังคับยึดทรัพย์สินของจำเลยมาขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยโดยวิธีอื่น แต่ในคำร้องของจำเลยปรากฎว่าคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นเรื่องขอให้โจทก์ชำระหนี้เงินวัตถุแห่งหนี้จึงเป็นคนละอย่างต่างกัน ไม่อาจที่จะหักกลบหนี้กันได้ กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคแรกจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีส่งมอบโฉนดที่ดิน ไม่ใช่การบังคับยึดทรัพย์ และไม่อาจหักกลบลบหนี้ได้
ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ มิใช่เป็นการบังคับยึดทรัพย์สินของจำเลยมาขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยโดยวิธีอื่นแต่ในคำร้องของจำเลยปรากฏว่าคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นเรื่องขอให้โจทก์ชำระหนี้เงินวัตถุแห่งหนี้จึงเป็นคนละอย่างต่างกัน ไม่อาจที่จะหักกลบลบหนี้กันได้ กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 293 วรรคแรก จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีต้องพิจารณาเหตุฟังได้และไม่ทำให้เจ้าหนี้เสียหาย
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 ได้ก็ต่อเมื่อได้พิจารณาเหตุผล 2 ประการประกอบกัน คือข้ออ้างของลูกหนี้ตามคำพิพากษามีเหตุฟังได้ประการหนึ่ง และถ้างดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอีกประการหนึ่ง เมื่อข้ออ้างในคำฟ้องที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นข้ออ้างที่ยังไม่แน่นอนว่าโจทก์กระทำดังจำเลยกล่าวอ้างหรือไม่ ความเสียหายมีจริงดังที่จำเลยเรียกร้องหรือไม่ จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3184/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีจากการฟ้องคดีอาญาเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้ และการใช้ดุลพินิจกำหนดค่าทนายความ
ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืมเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยผิดนัดชำระหนี้ โจทก์ขอให้บังคับคดีจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีอ้างว่าจำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาข้อหาปลอมสัญญากู้ยืมเงิน เนื่องจากโจทก์นำสัญญากู้ยืมเงินปลอมมาฟ้องจำเลยแล้วสมคบกับทนายจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความลับหลังจำเลยจนศาลพิพากษาตามยอม ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาเพื่อให้ตนหลุดพ้นจากความรับผิดในคดีนี้ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว หามีหนี้ที่จะหักกลบลบกันไม่ทั้งเป็นการฟ้องคดีในมูลกรณีเดียวกันกับคดีนี้ หาใช่ฟ้องเป็นคดีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 อันจะเป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีเพื่อหักกลบลบหนี้กันไม่ จำนวนเงินค่าทนายความที่ศาลกำหนดให้จำเลยใช้แทนโจทก์เป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียม ในเรื่องความรับผิดเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมนี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161บัญญัติให้ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี และเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้กำหนดค่าทนายความอยู่ระหว่างอัตราขั้นต่ำและขั้นสูงดังที่ระบุไว้ในตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยคำนึงถึงเหตุผลตามบทบัญญัติข้างต้นจึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6006/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีต้องมีหนี้ที่หักกลบลบกันได้ วัตถุแห่งหนี้ต้องเหมือนกัน
การที่จำเลยจะมีสิทธิขอให้ศาลมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีต้องเป็นกรณีที่ปรากฏว่าหนี้ที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอื่นในศาลเดียวกันนั้นเป็นหนี้ที่อาจหักกลบลบหนี้กันได้กับหนี้ตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยขอให้งดการบังคับคดีไว้นั้น เมื่อปรากฏว่าคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์นั้นเป็นการฟ้องเรียกให้โจทก์ชำระหนี้เป็นเงินแก่จำเลย ส่วนหนี้ที่ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระให้โจทก์ในคดีนี้เป็นหนี้ให้แบ่งทรัพย์สิน วัตถุแห่งหนี้ในคดีดังกล่าวจึงมิได้มีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันกับหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ หนี้ตามตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์จึงไม่อาจนำไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ของโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะขอให้งดการบังคับคดีในคดีนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 293
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5983/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งงดบังคับคดี: ดุลพินิจนอกเหนือจาก ป.วิ.พ. มาตรา 293 ได้ หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทั้งสองฝ่าย
อำนาจของศาลที่จะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีมิใช่มีแต่เฉพาะเมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอโดยอาศัยเหตุและเงื่อนไขตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 เท่านั้น หากคำร้องของลูกหนี้ ตามคำพิพากษาไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตราดังกล่าว แต่ปรากฏเหตุอื่น ที่เป็นการสมควรและไม่ก่อให้เกิดผลได้เสียแก่เจ้าหนี้และลูกหนี้ตามคำพิพากษายิ่งหย่อนกว่ากัน ศาลก็มีคำสั่งให้งดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292(2) ได้. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1452/2522)