พบผลลัพธ์ทั้งหมด 314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีหลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ: เหตุงดบังคับคดีต้องมีเหตุสมควร
การที่จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์และจำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดแล้วนั้น โจทก์ย่อมขอให้ศาลบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองได้ทันที เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์เพราะกลฉ้อฉลเจตนาลวง หรือจงใจนิ่งเสียไม่ไขข้อความจริงของจำเลยที่ 2 และโจทก์อันจะเป็นผลให้สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ตกเป็นโมฆะแล้วคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะให้งดการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้และการส่งมอบหลักประกัน: โจทก์ต้องส่งมอบหุ้นก่อนรับเงินชำระหนี้
ศาลฎีกาพิพากษาว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้วให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นจำนวน 2,000 หุ้นที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวโดยนำเงินมาวางไว้ต่อศาลแล้วโจทก์ต้องนำใบหุ้นจำนวนดังกล่าวมาวางต่อศาลเสียก่อนจึงจะมีสิทธิรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางไว้ไปจากศาลได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันหักกับหนี้ของจำเลยที่ 2ในคดีล้มละลายแล้วนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากโจทก์มีข้ออ้างที่จะไม่ต้องชำระหนี้แก่จำเลยทั้งสองอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันเป็นคดีใหม่ต่างหาก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้และส่งมอบหุ้นเป็นหลักประกัน: สิทธิในการรับเงินชำระหนี้ขึ้นอยู่กับการส่งมอบหุ้นตามคำพิพากษา
ศาลฎีกาพิพากษาว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้วให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นจำนวน 2,000 หุ้นที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวโดยนำเงินมาวางไว้ต่อศาลแล้ว โจทก์ต้องนำใบหุ้นจำนวนดังกล่าวมาวางต่อศาลเสียก่อนจึงจะมีสิทธิรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางไว้ไปจากศาลได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันหักกับหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีล้มละลายแล้วนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากโจทก์มีข้ออ้างที่จะไม่ต้องชำระหนี้แก่จำเลยทั้งสองอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันเป็นคดีใหม่ต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีรื้อถอนบ้าน กรณีเจ้าของบ้านไม่ใช่บริวารจำเลย และมีคดีขับไล่ค้างพิจารณา
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ในชั้นบังคับคดี ผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาทผู้ร้องไม่ใช่บริวารจำเลย ซึ่งหากเป็นความจริงโจทก์จะใช้คำพิพากษาคดีนี้บังคับแก่ผู้ร้องมิได้ ทั้งตามคำร้องผู้ร้องอ้างว่าโจทก์ได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องกับพวกเป็นจำเลยให้ออกจากบ้านพิพาท คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล หากให้โจทก์บังคับคดีไปและภายหลังผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องดังกล่าว ก็จะกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องอาจทำให้ผู้ร้องเสียหาย จึงต้องรับ คำร้อง ของ ผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดี: เจ้าของบ้านที่ถูกรื้อถอนจากการบังคับคดี และคดีขับไล่ที่ค้างพิจารณา
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ ในชั้นบังคับคดี ผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาทผู้ร้องไม่ใช่บริวารจำเลย ซึ่งหากเป็นความจริง โจทก์จะใช้คำพิพากษาคดีนี้บังคับแก่ผู้ร้องมิได้ ทั้งตามคำร้องผู้ร้องอ้างว่าโจทก์ได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องกับพวกเป็นจำเลยให้ออกจากบ้านพิพาทคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล ถ้าให้โจทก์บังคับคดีไปหากภายหลังผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องดังกล่าวก็จะกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องอาจทำให้ผู้ร้องเสียหาย จึงต้องรับคำร้อง ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดี: เจ้าของบ้านพิพาทไม่ใช่บริวารจำเลย และมีคดีขับไล่อยู่ระหว่างพิจารณา
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ในชั้นบังคับคดี ผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาทผู้ร้องไม่ใช่บริวารจำเลย ซึ่งหากเป็นความจริงโจทก์จะใช้คำพิพากษาคดีนี้บังคับแก่ผู้ร้องมิได้ ทั้งตามคำร้องผู้ร้องอ้างว่าโจทก์ได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องกับพวกเป็นจำเลยให้ออกจากบ้านพิพาท คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล หากให้โจทก์บังคับคดีไปและภายหลังผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องดังกล่าว ก็จะกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องอาจทำให้ผู้ร้องเสียหาย จึงต้องรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งงดบังคับคดีเมื่อมีเหตุผลสมควรและเพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 มิใช่เป็นบทบัญญัติที่ได้กำหนดหน้าที่ของเจ้าพนักงานงานบังคับคดีอย่างเดียว แต่ได้บัญญัติให้อำนาจศาลในอันที่จะมีคำสั่งงดการบังคับคดีได้เมื่อเห็นสมควรไว้ด้วย ส่วนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 นั้นเป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลสั่งงดการบังคับคดีได้ในเมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งลูกหนี้ตามคำพิพากษาอาจจะชนะคดีและนำคดีนั้นมาหักกลบลบหนี้กันกับหนี้ตามคำพิพากษาที่กำลังบังคับคดีกันอยู่ แต่หากมีกรณีอื่นที่กฎหมายบัญญัติให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีดังเช่นมาตรา 292(2)ศาลก็ย่อมมีอำนาจสั่งงดการบังคับคดีได้ และในการที่ศาลจะใช้ดุลพินิจสั่งให้งดการบังคับคดีหรือไม่นั้นศาลจะต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยความเป็นธรรมโดยใช้วิจารณญาณประกอบด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการหักกลบลบหนี้: สัญญาเช่าซื้อที่ดินกับคดีขับไล่ไม่สามารถหักกลบลบหนี้กันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินตามฟ้องและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และออกคำบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาด้วยการออกไปจากที่ดินและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ การที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง ขอให้โจทก์กับพวกขายที่ดินดังกล่าวแก่จำเลยตามข้อตกลงในสัญญาเช่านั้น หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็มีสิทธิเพียงบังคับให้โจทก์กับพวกขายที่ดินให้จำเลย คดีทั้งสองจึงมีวัตถุแห่งหนี้เป็นคนละอย่างต่างกัน โดยไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293.
การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอให้งดการบังคับคดีตามป.วิ.พ. มาตรา 293 หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องทำกาไต่สวนก่อน แต่ตามมาตรา 21(4) ศาลก็มีอำนาจทำการไต่สวนตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ เมื่อกรณีตามคำร้องของจำเลยไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน.
การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอให้งดการบังคับคดีตามป.วิ.พ. มาตรา 293 หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องทำกาไต่สวนก่อน แต่ตามมาตรา 21(4) ศาลก็มีอำนาจทำการไต่สวนตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ เมื่อกรณีตามคำร้องของจำเลยไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการงดการบังคับคดี: คดีต่างวัตถุประสงค์ ไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินตามฟ้องและให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ และออกคำบังคับให้ตาม คำขอของโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ปฏิบัติตาม คำพิพากษาด้วย การออกไปจากที่ดินและใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ การที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง ขอให้โจทก์กับพวกขายที่ดินดังกล่าวแก่จำเลยตามข้อตกลงในสัญญาเช่านั้น หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็มีสิทธิเพียงบังคับให้โจทก์กับพวกขายที่ดินให้จำเลย คดีทั้งสองจึงมีวัตถุแห่งหนี้เป็นคนละอย่างต่าง กัน โดยสภาพไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 การออกคำสั่งอนุญาตตาม คำขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้อง ทำการไต่สวนเสียก่อน แต่ ตาม มาตรา 21(4)ศาลก็มีอำนาจทำการไต่สวนตาม ที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ เมื่อกรณีตาม คำร้อง ของ จำเลย ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการหักกลบลบหนี้: คดีเช่าและคดีซื้อขายที่ดินไม่สามารถหักกลบลบหนี้กันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินตามฟ้องและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และออกคำบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาด้วยการออกไปจากที่ดินและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ การที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง ขอให้โจทก์กับพวกขายที่ดินดังกล่าวแก่จำเลยตามข้อตกลงในสัญญาเช่านั้น หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็มีสิทธิเพียงบังคับให้โจทก์กับพวกขายที่ดินให้จำเลย คดีทั้งสองจึงมีวัตถุแห่งหนี้เป็นคนละอย่างต่างกัน โดยสภาพไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 293 การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อน แต่ตามมาตรา 21(4)ศาลก็มีอำนาจทำการไต่สวนตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ เมื่อกรณีตามคำร้องของจำเลย ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน