คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 287

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 397 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้บุคคลภายนอกคดี – การอายัดเงิน – ไม่มีสิทธิบังคับจากหนี้ของผู้อื่น
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นคนขายกุ้งให้ผู้คัดค้านไม่ใช่จำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้อายัดเงินค่ากุ้งที่ขายให้แก่ผู้คัดค้านตามที่ศาลมีคำสั่งอายัดเงินดังกล่าวจากผู้คัดค้านไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณา ขอให้เพิกถอนการอายัดเงินดังกล่าว ดังนี้ สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ผู้คัดค้านที่ผู้ร้องอ้างมิใช่เป็นบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่นซึ่งผู้ร้องอาจร้องขอให้บังคับได้ตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 และไม่ใช่การขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ตามมาตรา 288 หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้คัดค้านจริงผู้ร้องก็มีเพียงสิทธิเรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ให้ตนเท่านั้นไม่มีสิทธิที่จะบังคับจากเงินที่ผู้คัดค้านรับว่าเป็นหนี้จำเลยและได้ส่งมาตามที่ศาลอายัดดังกล่าว ผู้ร้องชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่ผู้คัดค้านเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้กับคำสั่งอายัดเงิน: ผู้ขายกุ้งต่อบุคคลภายนอกไม่มีสิทธิคัดค้านการอายัดเงินจากลูกหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นคนขายกุ้งให้ผู้คัดค้านไม่ใช่จำเลยโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้อายัดเงินค่ากุ้งที่ขายให้แก่ผู้คัดค้านตามที่ศาลมีคำสั่งอายัดเงินดังกล่าวจากผู้คัดค้านไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาขอให้เพิกถอนการอายัดเงินดังกล่าวดังนี้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ผู้คัดค้านที่ผู้ร้องอ้างมิใช่เป็นบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่นซึ่งผู้ร้องอาจร้องขอให้บังคับได้ตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287และไม่ใช่การขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ตามมาตรา288หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้คัดค้านจริงผู้ร้องก็มีเพียงสิทธิเรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ให้ตนเท่านั้นไม่มีสิทธิที่จะบังคับจากเงินที่ผู้คัดค้านรับว่าเป็นหนี้จำเลยและได้ส่งมาตามที่ศาลอายัดดังกล่าวผู้ร้องชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่ผู้คัดค้านเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้บังคับคดีทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งปัน ทายาทมีส่วนเป็นเจ้าของรวม
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของจ. เมื่อจ.ถึงแก่กรรมไปโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใดที่ดินพิพาทจึงย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมายรวมทั้งจำเลยที่2ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของจ. จำเลยที่2จึงมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทแปลงนี้ด้วยเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดีตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของจำเลยที่2ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้อันเป็นการยึดทรัพย์สินโดยชอบแล้วแม้ที่ดินพิพาทยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างจำเลยที่2กับทายาทอื่นก็ไม่ทำให้การยึดทรัพย์ต้องเสียไปเพราะเป็นเรื่องที่ทายาทอื่นๆจะต้องขอส่วนแบ่งหรือร้องขอให้กันเงินส่วนของตนออกเมื่อขายทรัพย์แล้วต่อไปโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่2ย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่อนุญาตขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีกับทรัพย์มรดก: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์มรดกของลูกหนี้ที่ยังไม่ได้แบ่งปัน
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ จ. เมื่อ จ.ถึงแก่กรรมไปโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใด ที่ดินพิพาทจึงย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมายรวมทั้งจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของ จ. จำเลยที่ 2 จึงมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทแปลงนี้ด้วย เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดีตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้ อันเป็นการยึดทรัพย์สินโดยชอบแล้ว แม้ที่ดินพิพาทยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างจำเลยที่ 2 กับทายาทอื่นก็ไม่ทำให้การยึดทรัพย์ต้องเสียไปเพราะเป็นเรื่องที่ทายาทอื่น ๆ จะต้องขอส่วนแบ่งหรือร้องขอให้กันเงินส่วนของตนออกเมื่อขายทรัพย์แล้วต่อไป โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 2 ย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้ จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่อนุญาตขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์มรดก: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดที่ดินที่เป็นทรัพย์มรดกของลูกหนี้ แม้ยังมิได้แบ่งปัน
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ จ. เมื่อ จ.ถึงแก่กรรมไปโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใด ที่ดินพิพาทจึงย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมายรวมทั้งจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของ จ. จำเลยที่ 2 จึงมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทแปลงนี้ด้วย เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดีตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้ อันเป็นการยึดทรัพย์สินโดยชอบแล้ว แม้ที่ดินพิพาทยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างจำเลยที่ 2 กับทายาทอื่นก็ไม่ทำให้การยึดทรัพย์ต้องเสียไปเพราะเป็นเรื่องที่ทายาทอื่น ๆ จะร้องขอส่วนแบ่งหรือร้องขอให้กันเงินส่วนของตนออกเมื่อขายทรัพย์แล้วต่อไป โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 2ย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้ จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่อนุญาตขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6452/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมจากสินสมรส: บังคับชำระหนี้จากสินสมรสได้ทั้งหมด แม้มิฟ้องลูกหนี้ร่วม
หนี้คดีนี้เป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1490ซึ่งจำเลยและผู้ร้องจะต้องร่วมกันรับผิดในฐานะลูกหนี้ร่วมโจทก์จึงชอบที่จะบังคับชำระหนี้จากสินสมรสได้ทั้งหมดเมื่อจำเลยนำที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้องไปจำนองเป็นประกันโจทก์จึงมีสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้จากที่ดินและบ้านพิพาทอันเป็นสินสมรสได้ทั้งหมดโดยไม่จำต้องฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1489ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6452/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสินสมรส: บังคับชำระหนี้จากสินสมรสทั้งหมดได้ แม้ฟ้องเฉพาะลูกหนี้ร่วม
หนี้คดีนี้เป็นหนี้ร่วมตาม ป.พ.พ.มาตรา 1490 ซึ่งจำเลยและผู้ร้องจะต้องร่วมกันรับผิดในฐานะลูกหนี้ร่วม โจทก์จึงชอบที่จะบังคับชำระหนี้จากสินสมรสได้ทั้งหมด เมื่อจำเลยนำที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้องไปจำนองเป็นประกัน โจทก์จึงมีสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้จากที่ดินและบ้านพิพาทอันเป็นสินสมรสได้ทั้งหมดโดยไม่จำต้องฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย ตามป.พ.พ.มาตรา 1489 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5390/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเงินจากการบังคับคดีของสินสมรส: เจ้าของรวมมีสิทธิร้องขอกันส่วนได้
เมื่อที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นสินสมรสอันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่2และผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากันดังนั้นจำนวนเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดถือไว้แทนราคาที่ดินแปลงดังกล่าวผู้ร้องจึงมีส่วนอยู่ด้วยกึ่งหนึ่งฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะนำเงินดังกล่าวในส่วนที่เหลือจากการหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบังคับคดีแล้วชำระหนี้แก่โจทก์ย่อมไม่อาจกระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องที่จะร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินอันได้แก่เงินจำนวนดังกล่าวนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5390/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขอกันส่วนในเงินจากการบังคับคดีทรัพย์สินสมรสระหว่างเจ้าหนี้และเจ้าของรวม
ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน4,473,237.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยทั้งสามไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาด ป.เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 2 ซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 2 โอนกรรมสิทธิที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดให้แก่ ป.และรับเงินจำนวน 5,789.303.39 บาท ตามสัญญาจะซื้อขาย ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาวางต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อนำไปชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทนจำเลยที่ 2 และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าว เมื่อที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องผู้ร้องย่อมมีสิทธิขอกันส่วนในเงินที่ ป.นำมาวางแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กึ่งหนึ่งในฐานะเจ้าของรวม สิทธิขอกันส่วนของผู้ร้องมิใช่มีแต่กรณีบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5390/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเงินบังคับคดีของเจ้าของรวมสินสมรส: แม้ไม่มีการขายทอดตลาด ก็มีสิทธิเรียกร้องเงินคืนได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน4,473,237.18บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จำเลยทั้งสามไม่ชำระโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่2ออกขายทอดตลาดป. เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่2ซึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยที่2โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดให้แก่ป. และรับเงินจำนวน5,789,303.39บาทตามสัญญาจะซื้อขายได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาวางต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อนำไปชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทนจำเลยที่2และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าวเมื่อที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยที่2กับผู้ร้องผู้ร้องย่อมมีสิทธิขอกันส่วนในเงินที่ป. นำมาวางแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กึ่งหนึ่งในฐานะเจ้าของรวมสิทธิขอกันส่วนของผู้ร้องมิใช่มีแต่กรณีบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่2เท่านั้น
of 40