คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 287

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 397 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินตามคำพิพากษาตามยอม: การยึดทรัพย์หลังศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
คดีแพ่งแดงที่ 199/2507 ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขาย วันที่ 28 กรกฎาคม 2507 จำเลยกับผู้ร้องยอมความกันในคดีนั้นว่าจำเลยยอมขายที่ดินแปลงพิพาทให้ผู้ร้อง โดยจะไปทำโอนกันต่อเจ้าพนักงานภายใน 7 วัน.ถ้าไม่ไปทำโอน ให้ถือเอาสัญญานั้นเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และจำเลยยอมรับราคาที่ดินที่ค้างจากผู้ร้องในวันทำโอน ศาลพิพากษาตามยอม ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2507 โจทก์คดีนี้นำเจ้าหน้าที่ศาลยึดที่ดินรายพิพาท ดังนี้ การนำยึดทรัพย์ของโจทก์จึงเป็นการทำภายหลังวันที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องไปแล้ว ตลอดทั้งขณะที่นำยึดคำพิพากษานั้นก็ถึงที่สุดและครบกำหนดระยะเวลาที่บังคับให้โอนตามคำพิพากษานั้นด้วย แม้ว่าในขณะที่ศาลพิพากษาตามยอมให้โอนที่ดินนั้น ที่ดินรายพิพาทต้องถูกยึดไว้ชั่วคราวในคดีอื่นอยู่ก็ดี แต่ภายหลังก็ได้มีการถอนการยึดไปแล้ว โจทก์เพิ่งมาขอยึดภายหลังจากวันถอนการยึดอีกหลายวันสิทธิในที่ดินของผู้ร้องตามคำพิพากษานั้นก็ย่อมมีอยู่ก่อนวันที่โจทก์จะมาทำการยึดนั้นแล้ว ไม่ชอบที่โจทก์จะนำยึดมาบังคับชำระหนี้โจทก์ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์มรดกหลังบังคับคดี: บุคคลภายนอกไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาถึงที่สุดได้
ทรัพย์ซึ่งคู่ความในฐานะทายาทพิพาทกันอ้างว่าเป็นมรดกของผู้ตาย และคู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันในระหว่างคู่ความ ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว ในชั้นบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ บุคคลภายนอกจะร้องขอเข้ามาในคดีอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอยู่ครึ่งหนึ่ง และขอรับเงินส่วนแบ่งจากการขายทอดตลาดโดยคู่ความเดิมไม่ยินยอม หาได้ไม่ เพราะเป็นกรณีที่บุคคลภายนอกนั้นตั้งประเด็นขึ้นใหม่พิพาทกับคู่ความเดิมเกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
หากบุคคลภายนอกมีสิทธิในทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอย่างไรหรือถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายประการใด ก็ชอบที่จะฟ้องร้องเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์มรดกหลังขายทอดตลาด: ผู้อ้างสิทธิใหม่ต้องฟ้องคดีใหม่ ไม่สามารถแทรกแซงคดีเดิมได้
ทรัพย์ซึ่งคู่ความในฐานะทายาทพิพาทกันอ้างว่าเป็นมรดกของผู้ตาย. และคู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันในระหว่างคู่ความ. ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว. ในชั้นบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ. บุคคลภายนอกจะร้องขอเข้ามาในคดีอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอยู่ครึ่งหนึ่ง. และขอรับเงินส่วนแบ่งจากการขายทอดตลาดโดยคู่ความเดิม.ไม่.ยินยอม. หาได้ไม่. เพราะเป็นกรณีที่บุคคลภายนอกนั้นตั้งประเด็นขึ้นใหม่พิพาทกับคู่ความเดิมเกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว.
หากบุคคลภายนอกมีสิทธิในทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอย่างไร.หรือถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายประการใด ก็ชอบที่จะฟ้องร้องเป็นคดีใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์มรดกหลังขายทอดตลาด: บุคคลภายนอกต้องฟ้องคดีใหม่เพื่อเรียกร้องสิทธิ
ทรัพย์ซึ่งคู่ความในฐานะทายาทพิพาทกันอ้างว่าเป็นมรดกของผู้ตาย และคู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันในระหว่างคู่ความ ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว ในชั้นบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ บุคคลภายนอกจะร้องขอเข้ามาในคดีอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอยู่ครึ่งหนึ่ง และขอรับเงินส่วนแบ่งจากการขายทอดตลาดโดยคู่ความเดิม ไม่ ยินยอม หาได้ไม่ เพราะเป็นกรณีที่บุคคลภายนอกนั้นตั้งประเด็นขึ้นใหม่พิพาทกับคู่ความเดิมเกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
หากบุคคลภายนอกมีสิทธิในทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอย่างไรหรือถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายประการใด ก็ชอบที่จะฟ้องร้องเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังล้มละลาย: สิทธิเจ้าหนี้ที่ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ และการสิ้นสุดสัญญาประกัน
จำเลยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาให้ทุเลาการบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างฎีกา โดยนำโฉนดที่ดินมาวางเป็นประกัน เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว การทุเลาการบังคับคดีก็สิ้นสุดลง การที่จำเลยร้องขอรับโฉนดที่ดินคืน ย่ออยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาสั่ง
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แม้โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ก็ต้องยื่นคำรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด หากไม่ยื่นย่อมหมดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ ไม่เกี่ยวกับการที่ศาลจะสั่งปลดจากล้มละลายหรือไม่
การที่จำเลยนำโฉนดที่ดินมาวางเป็นประกันในการขอทุเลาการบังคับคดีนั้นไม่ก่อให้เกิดบุริมสิทธิ และถือไม่ได้ว่าโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: สิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้
จำเลยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาให้ทุเลาการบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างฎีกา โดยนำโฉนดที่ดินมาวางเป็นประกัน เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว การทุเลาการบังคับคดีก็สิ้นสุดลง การที่จำเลยร้องขอรับโฉนดที่ดินคืน ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาสั่ง
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แม้โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ก็ต้องยื่นคำรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด หากไม่ยื่นย่อมหมดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ ไม่เกี่ยวกับการที่ศาลจะสั่งปลดจากล้มละลายหรือไม่
การที่จำเลยนำโฉนดที่ดินมาวางเป็นประกันในการขอทุเลาการบังคับคดีนั้นไม่ก่อให้เกิดบุริมสิทธิ และถือไม่ได้ว่าโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทุเลาบังคับคดี, ล้มละลาย, และสิทธิเจ้าหนี้: การหมดสิทธิเรียกร้องหนี้เมื่อไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้
จำเลยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาให้ทุเลาการบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างฎีกา. โดยนำโฉนดที่ดินมาวางเป็นประกัน. เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว. การทุเลาการบังคับคดีก็สิ้นสุดลง. การที่จำเลยร้องขอรับโฉนดที่ดินคืน. ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาสั่ง.
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แม้โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา. ก็ต้องยื่นคำรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด. หากไม่ยื่นย่อมหมดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้. ไม่เกี่ยวกับการที่ศาลจะสั่งปลดจากล้มละลายหรือไม่.
การที่จำเลยนำโฉนดที่ดินมาวางเป็นประกันในการขอทุเลาการบังคับคดีนั้นไม่ก่อให้เกิดบุริมสิทธิ. และถือไม่ได้ว่าโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีจากการพิพากษาให้ขายทรัพย์สิน แม้คดีไม่ถึงที่สุด ย่อมมีสิทธิคุ้มครองก่อนการยึดทรัพย์
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยขายที่พิพาทให้ผู้ร้อง ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1300 แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม แต่ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะบังคับคดีได้แล้ว ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดที่พิพาท ผู้ร้องย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีก่อนคำพิพากษาถึงที่สุด: ผู้ร้องมีสิทธิบังคับจดทะเบียนสิทธิได้ แม้คดีไม่ถึงที่สุด หากยังไม่มีการขายทอดตลาด
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยขายที่พิพาทให้ผู้ร้อง. ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1300. แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม. แต่ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะบังคับคดีได้แล้ว. ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดที่พิพาท. ผู้ร้องย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีจากการพิพากษาให้โอนขายทรัพย์สิน แม้คดีไม่ถึงที่สุด ย่อมมีสิทธิขัดขวางการยึดทรัพย์ได้
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยขายที่พิพาทให้ผู้ร้องย่อมถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1300 แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม แต่ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะบังคับคดีได้แล้ว ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดที่พิพาทผู้ร้องย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2511)
of 40