พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจำนำและเช่าที่พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีเจตนาตามกฎหมาย ทำให้จำเลยไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้และบุกรุก
โจทก์ร่วมกับจำเลยทำสัญญาจำนำข้าวระหว่างกันโดยโจทก์ร่วมยอมให้ข้าวอยู่ในความครอบครองของจำเลย ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมอบข้าวไว้เป็นประกันการชำระหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะจำนำ เมื่อไม่มีการจำนำจึงขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดข้อหาโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 349
โจทก์ร่วมเช่าโกดังเก็บข้าวซึ่งเป็นโกดังที่จำเลยใช้ประกอบกิจการโรงสีของจำเลย เมื่อทำสัญญาเช่าแล้วจำเลยเป็นผู้ถือกุญแจโกดังเพียงฝ่ายเดียว จำเลยเป็นผู้ครอบครองโกดังอยู่เช่นเดิม สัญญาเช่าที่ทำไว้มีค่าเช่าเพียงปีละ 100 บาท นับว่าน้อยมาก จึงเป็นการทำสัญญาเช่าเป็นแบบพิธีเท่านั้น คู่สัญญาไม่ได้มีเจตนาให้เป็นการเช่าตามกฎหมายอย่างแท้จริง กรณีถือว่าจำเลยยังเป็นผู้ครอบครองโกดังที่เช่าอยู่ตลอดเวลา จำเลยจึงไม่อาจรบกวนการครอบครองของตนเองได้ ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
โจทก์ร่วมเช่าโกดังเก็บข้าวซึ่งเป็นโกดังที่จำเลยใช้ประกอบกิจการโรงสีของจำเลย เมื่อทำสัญญาเช่าแล้วจำเลยเป็นผู้ถือกุญแจโกดังเพียงฝ่ายเดียว จำเลยเป็นผู้ครอบครองโกดังอยู่เช่นเดิม สัญญาเช่าที่ทำไว้มีค่าเช่าเพียงปีละ 100 บาท นับว่าน้อยมาก จึงเป็นการทำสัญญาเช่าเป็นแบบพิธีเท่านั้น คู่สัญญาไม่ได้มีเจตนาให้เป็นการเช่าตามกฎหมายอย่างแท้จริง กรณีถือว่าจำเลยยังเป็นผู้ครอบครองโกดังที่เช่าอยู่ตลอดเวลา จำเลยจึงไม่อาจรบกวนการครอบครองของตนเองได้ ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5590/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายข้าวสาร/ข้าวเปลือกที่จำนำไว้ ไม่ถือเป็นการจำนำเพื่อประกันการชำระหนี้ และไม่มีเจตนาทุจริต
จำเลยนำข้าวสารและข้าวเปลือกที่จำเลยจำนำแก่โจทก์ไปจำหน่าย ซึ่งตามทางปฏิบัติข้าวสารและข้าวเปลือกที่ลูกค้าจำนำแก่โจทก์จะอยู่ในความดูแลของลูกค้า ลูกค้าสามารถนำออกไปจำหน่ายได้โดยไม่ต้องขออนุญาตโจทก์แต่ต้องนำข้าวสารและข้าวเปลือกจำนวนใหม่เข้าไปไว้แทน แสดงว่าโจทก์ยอมให้ข้าวสารและข้าวเปลือกอยู่ในความครอบครองของจำเลย ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมอบข้าวสารและข้าวเปลือกไว้เป็นประกันการชำระหนี้ตามความหมายใน ป.พ.พ.ลักษณะจำนำ เมื่อไม่มีการจำนำจึงขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 349
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทวงถามและจำเลยรู้ว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยขนย้ายทรัพย์ไปเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือไม่ จำเลยไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 350
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทวงถามและจำเลยรู้ว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยขนย้ายทรัพย์ไปเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือไม่ จำเลยไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5590/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำข้าวสาร/ข้าวเปลือก และการขนย้ายทรัพย์สินหลีกเลี่ยงหนี้สิน ศาลฎีกาวินิจฉัยขาดองค์ประกอบความผิด
จำเลยนำข้าวสารและข้าวเปลือกที่จำเลยจำนำแก่โจทก์ไปจำหน่าย ซึ่งตามทางปฎิบัติ ข้าวสารและข้าวเปลือกที่ลูกค้าจำนำแก่โจทก์จะอยู่ในความดูแลของลูกค้า ลูกค้าสามารถนำออกไปจำหน่ายได้โดยไม่ต้องขออนุญาตโจทก์แต่ต้องนำข้าวสารและข้าวเปลือกจำนวนใหม่เข้าไปไว้แทน แสดงว่าโจทก์ยอมให้ข้าวสารและข้าวเปลือกอยู่ในความครอบครองของจำเลย ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมอบข้าวสารและข้าวเปลือกไว้เป็นประกันการชำระหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะจำนำ เมื่อไม่มีการจำนำจึงขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทวงถามและจำเลยรู้ว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยขนย้ายทรัพย์ไปเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือไม่ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3684-3685/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายทรัพย์สินจำนำทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยได้จำนำทรัพย์สินไว้แก่ผู้เสียหาย การที่จำเลยกับพวกร่วมกันขนย้ายทรัพย์สินที่จำนำไปจากสถานที่เก็บรักษาโดยอ้างว่าทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของบุคคลอื่น ย่อมเป็นการทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ เพราะเป็นการทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันการจำนำลดจำนวนลงหรือหมดสิ้นไป จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 349 ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3684-3685/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์นายจำนำ การขนย้ายทรัพย์สินที่จำนำโดยอ้างว่าเป็นของผู้อื่นทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ
จำเลยได้จำนำทรัพย์สินไว้แก่ผู้เสียหาย การที่จำเลยกับพวกร่วมกันขนย้ายทรัพย์สินที่จำนำไปจากสถานที่เก็บรักษาโดยอ้างว่าทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของบุคคลอื่นย่อมเป็นการทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ เพราะเป็นการทำให้ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันการจำนำลดจำนวนลงหรือหมดสิ้นไป จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 349
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระชากทรัพย์สินของตนเองที่จำนำไว้ ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ แต่ฟ้องผิดฐานโจทก์ไม่อาจลงโทษฐานอื่นได้
คดีอาญา ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ประกอบด้วยมาตรา 201
จำเลยจำนำสร้อยคอของตนไว้กับผู้เสียหายเพื่อเอาเงินมาเล่นการพนัน แล้วจำเลยกระชากสร้อยเส้นนั้นไปจากคอผู้เสียหาย ไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ เพราะสร้อยนั้นเป็นของจำเลยเอง และเมื่อไม่เป็นการลักทรัพย์ ก็ไม่อาจเป็นผิดฐานชิงทรัพย์ได้
การกระทำของจำเลยดังกล่าวแล้วนั้นอาจเป็นผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 แต่โจทก์ฟ้องว่าชิงทรัพย์ จะลงโทษฐานโกงเจ้าหนี้ไม่ได้ เพราะถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในข้อสารสำคัญ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 คดีต้องยกฟ้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานโกงเจ้าหนี้ด้วยหรือไม่
จำเลยจำนำสร้อยคอของตนไว้กับผู้เสียหายเพื่อเอาเงินมาเล่นการพนัน แล้วจำเลยกระชากสร้อยเส้นนั้นไปจากคอผู้เสียหาย ไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ เพราะสร้อยนั้นเป็นของจำเลยเอง และเมื่อไม่เป็นการลักทรัพย์ ก็ไม่อาจเป็นผิดฐานชิงทรัพย์ได้
การกระทำของจำเลยดังกล่าวแล้วนั้นอาจเป็นผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 แต่โจทก์ฟ้องว่าชิงทรัพย์ จะลงโทษฐานโกงเจ้าหนี้ไม่ได้ เพราะถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในข้อสารสำคัญ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 คดีต้องยกฟ้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานโกงเจ้าหนี้ด้วยหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระชากสร้อยคอจำนำคืนไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่ฟ้องผิดฐานทำให้ลงโทษฐานอื่นไม่ได้
คดีอาญาส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาก็พิจารณาพิพากษาต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ประกอบด้วยมาตรา 201
จำเลยจำนำสร้อยคอของตนไว้กับผู้เสียหายเพื่อเอาเงินมา เล่นการพนัน แล้วจำเลยกระชากสร้อยเส้นนั้นไปจากคอผู้เสียหาย ไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์เพราะสร้อยนั้นเป็นของจำเลยเอง และเมื่อไม่เป็นการลักทรัพย์ก็ไม่อาจเป็นผิดฐานชิงทรัพย์ได้
การกระทำของจำเลยดังกล่าวแล้วนั้นอาจเป็นผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 แต่โจทก์ฟ้องว่าชิงทรัพย์จะลงโทษฐานโกงเจ้าหนี้ไม่ได้ เพราะถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในข้อสาระสำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง คดีต้องยกฟ้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานโกงเจ้าหนี้ด้วยหรือไม่
จำเลยจำนำสร้อยคอของตนไว้กับผู้เสียหายเพื่อเอาเงินมา เล่นการพนัน แล้วจำเลยกระชากสร้อยเส้นนั้นไปจากคอผู้เสียหาย ไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์เพราะสร้อยนั้นเป็นของจำเลยเอง และเมื่อไม่เป็นการลักทรัพย์ก็ไม่อาจเป็นผิดฐานชิงทรัพย์ได้
การกระทำของจำเลยดังกล่าวแล้วนั้นอาจเป็นผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 แต่โจทก์ฟ้องว่าชิงทรัพย์จะลงโทษฐานโกงเจ้าหนี้ไม่ได้ เพราะถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในข้อสาระสำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง คดีต้องยกฟ้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานโกงเจ้าหนี้ด้วยหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ดินที่ให้เป็นประกันเงินกู้ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หรือทำให้เจ้าหนี้ไม่ได้รับชำระหนี้
จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์โดยเอาที่ดินเป็นประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยเอาที่ดินแปลงนี้ไปจำนองเสีย การกระทำของจำเลยดังนี้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 349 และ 350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมคืนทรัพย์ที่จำนำเป็นการยกเลิกสภาพการจำนำ ทำให้ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 349
จำเลยกู้เงินโจทก์และในสัญญากู้มีข้อความด้วยว่า จำเลยได้นำโคมาจำนำไว้ เมื่อทำสัญญากู้เงินกันแล้ว โจทก์ได้ยินยอมมอบโคกลับคืนไปสู่การครอบครองของจำเลย แม้จำเลยจะเคยนำกลับไปให้โจทก์บ้างเป็นครั้งคราว แต่ผลที่สุดโจทก์ก็ยินยอมมอบคืนแก่จำเลยอีก เช่นนี้ ย่อมถือว่าจำเลยหาได้มอบโคไว้เป็นประกันการชำระหนี้ตามความหมายในลักษณะจำนำตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 349 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมมอบทรัพย์คืนหลังทำสัญญากู้ ย่อมไม่ถือเป็นการจำนำทรัพย์เพื่อประกันการชำระหนี้
จำเลยกู้เงินโจทก์และในสัญญากู้มีข้อความด้วยว่า จำเลยได้นำโคมาจำนำไว้เมื่อทำสัญญากู้เงินกันแล้วโจทก์ได้ยินยอมมอบโคกลับคืนไปสู่การครอบครองของจำเลยแม้จำเลยจะเคยนำกลับไปให้โจทก์บ้างเป็นครั้งคราว แต่ผลที่สุดโจทก์ก็ยินยอมมอบคืนแก่จำเลยอีกเช่นนี้ ย่อมถือว่าจำเลยหาได้มอบโคไว้เป็นประกันการชำระหนี้ตามความหมายในลักษณะจำนำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 ไม่