พบผลลัพธ์ทั้งหมด 184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเอกสารราชการเพื่อประโยชน์ตนเอง ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นเป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามแม้คำรับดังกล่าวจะเป็นคำบอกเล่าก็ตาม แต่ก็เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้ จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพลกรมตำรวจ ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจอยู่แล้ว จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ โดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจดังโจทก์ฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยานหลักฐานในคดีอาญา: การไม่มีของกลางและพยานสนับสนุนทำให้ไม่สามารถลงโทษจำเลยได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะได้ความจากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองก็ตามก็เป็นข้อเท็จจริงที่ได้จากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงนั้น เพราะในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิด ทั้งโจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางยืนยัน และไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียนตามที่โจทก์ฟ้อง จึงลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้. (วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานและของกลางยืนยัน
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะได้ความจากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองก็ตาม ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ได้จากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงนั้น เพราะในการพิจารณา คดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิด ทั้งโจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางยืนยัน และไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียนตามที่โจทก์ฟ้องจึงลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4818/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานบอกเล่าประกอบพยานหลักฐานอื่น หักกลบลบหนี้ได้ แม้ไม่มีหลักฐานการชำระหนี้เป็นหนังสือ
พยานบอกเล่าเป็นเพียงพยานที่มีน้ำหนักน้อยเท่านั้น แต่ไม่ใช่พยานที่กฎหมายห้ามมิให้รับฟัง เมื่อพยานบอกเล่านั้นสมเหตุผลและมีพยานอื่นสนับสนุน ก็เป็นพยานที่มีน้ำหนักควรแก่การรับฟังได้ ผู้ตายกู้ยืมเงินโจทก์โดยทำหนังสือสัญญากู้ เมื่อหนี้ถึงกำหนดผู้ตายได้โอนขายที่ดินบางส่วนให้โจทก์เป็นการหักกลบลบหนี้ดังนี้ผู้ตายย่อมหลุดพ้นจากหนี้ตามหนังสือสัญญากู้นั้น การนำสืบการหักกลบลบหนี้นั้นไม่ต้องมีหลักฐานการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ถูกทำร้ายเป็นพยานรับฟังได้
ผู้ตายระบุชื่อคนร้ายแก่ผู้ถาม 3 ครั้งในเวลาห่างกันไม่มากนักโดยครั้งที่สามผู้ตายระบุชื่อคนร้ายขณะที่ผู้ตายมีอาการเพียบหนักทุรนทุราย ต่อจากนั้นผู้ตายก็พูดไม่ได้แล้ว แสดงว่าผู้ตายกล่าวย้ำยืนยันในขณะที่ตนเองรู้ตัวว่าใกล้จะตายคำกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมรับฟังเป็นพยานได้ว่าเป็นความจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ถูกทำร้ายยืนยันตัวคนร้ายได้ แม้ใกล้เสียชีวิต
ผู้ตายระบุชื่อคนร้ายแก่ผู้ถาม 3 ครั้งในเวลาห่างกันไม่มากนัก โดยครั้งที่สามผู้ตายระบุชื่อคนร้ายขณะที่ผู้ตายมีอาการเพียบหนักทุรนทุราย ต่อจากนั้นผู้ตายก็พูดไม่ได้แล้ว แสดงว่าผู้ตายกล่าวย้ำยืนยันในขณะที่ตนเองรู้ตัวว่าใกล้จะตายคำกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมรับฟังเป็นพยานได้ว่าเป็นความจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาตัดสินให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้พยานหลักฐานมีข้อโต้แย้ง แต่พยานหลักฐานอื่นเพียงพอให้รับฟังได้
สถานที่เกิดเหตุอยู่ในตลาด มีแสงไฟฟ้ามองเห็นได้ชัดในระยะ20 เมตร ขณะจำเลยยิงผู้ตายผู้ตายและ ส. อยู่ห่างจำเลยราว2 เมตร ส. ย่อมเห็นจำเลยได้ชัดเจน ทั้งขณะเกิดเหตุก็ไม่มีเหตุการณ์สับสนวุ่นวายอันจะเป็นเหตุให้จดจำคนร้ายผิดพลาดไปได้ดังนั้น ที่ ส. เบิกความว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้ตายจึงน่าเชื่อถือ ชั้นสอบสวน บ. ยืนยันว่าเห็นจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้ตายซึ่งให้การไว้อย่างมีเหตุผล รายละเอียดต่าง ๆ ก็ให้การสอดคล้องกันกับคำเบิกความของ ส. พยานโจทก์ คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวแม้จะเป็นเพียงพยานบอกเล่าก็สามารถรับฟังประกอบคำเบิกความของส.พยานโจทก์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นได้ ชั้นศาล บ.ไม่ยอมมาเป็นพยานโจทก์โดยไม่ปรากฏเหตุผลแต่กลับมาเป็นพยานจำเลยโดยเบิกความกลับคำให้การชั้นสอบสวนที่อ้างว่าคำให้การชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนเขียนขึ้นเองแล้วพยานลงชื่อโดยไม่ได้อ่านก่อนนั้น ปรากฏว่านอกจาก บ.จะลงชื่อไว้ในคำให้การชั้นสอบสวนแล้วยังได้ลงชื่อไว้ในบันทึกการชี้ตัวผู้ต้องหายืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตาย กรณีจึงน่าเชื่อว่า บ.ได้เห็นจำเลยยิงผู้ตายดังที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: ความน่าเชื่อถือของพยานผู้เสียหายและเด็กหญิงจากความสัมพันธ์ทางญาติ
ผู้เสียหายถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บและแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจภายหลังออกจากโรงพยาบาลแล้วว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนร้ายที่ยิงผู้เสียหายคนหนึ่ง ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้เสียหายและภริยาซึ่งร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายจึงบอกภริยาขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า อย่างเพิ่งบอกความจริงต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ประกอบกับผู้เสียหายและเด็กหญิง ข. บุตรซึ่งเป็นประจักษ์พยานต่างเป็นญาติกับจำเลยที่ 1 ดังนั้น การที่ภริยาและเด็กหญิง ข. มิได้แจ้งความในทันทีทันใดจึงไม่เป็นข้อพิรุธ ศาลรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินแทนกัน สิทธิครอบครอง vs. สิทธิเจ้าของ และอายุความฟ้องร้อง
โจทก์มอบที่พิพาทให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย การที่จำเลยได้ไปยื่นขอรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทเมื่อปี พ.ศ. 2520 และโจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2520 เจ้าหน้าที่จึงมิได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลย กรณีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการถือที่พิพาทโดยบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าตนไม่เจตนาที่จะยึดถือที่พิพาทไว้แทนโจทก์อีกต่อไปดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381จึงต้องถือว่าจำเลยยังคงยึดถือครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์อยู่
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ตัดต้นตาลของโจทก์ 6 ต้นเป็นเงิน 3,000 บาท โจทก์เบิกความลอย ๆ ว่าเวลานี้เหลือต้นตาลเพียง 4 ต้นในที่พิพาท ไม่ทราบว่าใครตัดไป 8 ต้น น้องสาวโจทก์บอกโจทก์ว่าจำเลยตัดไปทำบ้าน ตามคำของโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนตัด ที่โจทก์อ้างว่าน้องสาวโจทก์บอกว่าจำเลยเป็นคนตัดก็เป็นพยานบอกเล่ารับฟังไม่ได้ โจทก์จึงเรียกร้องค่าเสียหายส่วนนี้จากจำเลยไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ตัดต้นตาลของโจทก์ 6 ต้นเป็นเงิน 3,000 บาท โจทก์เบิกความลอย ๆ ว่าเวลานี้เหลือต้นตาลเพียง 4 ต้นในที่พิพาท ไม่ทราบว่าใครตัดไป 8 ต้น น้องสาวโจทก์บอกโจทก์ว่าจำเลยตัดไปทำบ้าน ตามคำของโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนตัด ที่โจทก์อ้างว่าน้องสาวโจทก์บอกว่าจำเลยเป็นคนตัดก็เป็นพยานบอกเล่ารับฟังไม่ได้ โจทก์จึงเรียกร้องค่าเสียหายส่วนนี้จากจำเลยไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5859/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าทรัพย์สิน: สิทธิการเช่ายังคงอยู่แม้ผู้เช่ารายหนึ่งเสียชีวิต และการนำสืบพยานบุคคลเพื่อยืนยันสัญญาเช่า
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลยเป็นหนังสือและสัญญาเช่าอยู่ที่จำเลย จำเลยให้การว่าไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือ สัญญาเช่าไม่มีอยู่ที่จำเลย เช่นนี้ โจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบว่ามีสัญญาเช่าเป็นหนังสือจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 (2) ไม่เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 94
แม้สัญญาเช่าจะเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าก็ตาม แต่เมื่อทั้งโจทก์และ ว. ต่างเป็นผู้เช่าห้องพิพาทจากจำเลย การตายของว.จึงเป็นเหตุให้สิทธิการเช่าระงับไปเฉพาะตัวของ ว. แต่ผู้เดียว หาทำให้สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับไปด้วยไม่.
แม้สัญญาเช่าจะเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าก็ตาม แต่เมื่อทั้งโจทก์และ ว. ต่างเป็นผู้เช่าห้องพิพาทจากจำเลย การตายของว.จึงเป็นเหตุให้สิทธิการเช่าระงับไปเฉพาะตัวของ ว. แต่ผู้เดียว หาทำให้สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับไปด้วยไม่.