คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 119

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 167 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7313/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่ผู้รับสิทธิเรียกร้องก่อนล้มละลาย ไม่ถือเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.ล้มละลาย
ก่อนที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดคดีที่ ส.ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยฟ้องผู้ร้องยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล ซึ่ง ส. เจ้าหนี้ผู้ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยได้ขอหมายเรียกจำเลยมาในคดีนั้นแล้ว แต่จำเลยมิได้เข้ามาในคดี ดังนั้นส. จึงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะได้รับชำระหนี้จากผู้ร้องเท่าจำนวนที่ผู้ร้องลูกหนี้เดิมค้างชำระแก่จำเลยนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 234,235 แล้ว และไม่มีหนี้ในส่วนนี้ที่ ส. จะนำไปใช้สิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายได้อีก เมื่อคดีแพ่งดังกล่าวได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป จนมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลมีคำพิพากษาตามยอมให้ผู้ร้องชำระหนี้แก่ ส.ส. จึงเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้อง ซึ่งอาจบังคับเอาแก่ผู้ร้องได้ตามกฎหมาย เมื่อผู้ร้องได้ชำระหนี้แก่ ส. ไปตามคำพิพากษาแล้วจึงเป็นการชำระหนี้ที่ได้ทำให้บุคคลผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้โดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 การชำระหนี้ดังกล่าวหาใช่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22 ไม่ ผู้ร้องจึงไม่ได้เป็นหนี้แก่กองทรัพย์สินของจำเลยอีกต่อไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิเรียกให้ผู้ร้องชำระหนี้จำนวนดังกล่าวซ้ำอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7313/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้โดยผู้ใช้สิทธิเรียกร้องก่อนการพิทักษ์ทรัพย์: ไม่เป็นเหตุให้เกิดหนี้ซ้ำ
ก่อนที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดคดีที่ ส. ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยฟ้องผู้ร้องยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล ซึ่ง ส. เจ้าหนี้ผู้ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยได้ขอหมายเรียกจำเลยมาในคดีนั้นแล้ว แต่จำเลยมิได้เข้ามาในคดี ดังนั้น ส. จึงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะได้รับชำระหนี้จากผู้ร้องเท่าจำนวนที่ผู้ร้องลูกหนี้เดิมค้างชำระแก่จำเลยนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 234, 235 แล้ว และไม่มีหนี้ในส่วนนี้ที่ ส. จะนำไปใช้สิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายได้อีก เมื่อคดีแพ่งดังกล่าวได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป จนมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลมีคำพิพากษาตามยอมให้ผู้ร้องชำระหนี้แก่ ส. ส. จึงเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้อง ซึ่งอาจบังคับเอาแก่ผู้ร้องได้ตามกฎหมาย เมื่อผู้ร้องได้ชำระหนี้แก่ ส. ไปตามคำพิพากษาแล้ว จึงเป็นการชำระหนี้ที่ได้ทำให้บุคคลผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้โดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315การชำระหนี้ดังกล่าวหาใช่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 22 ไม่ ผู้ร้องจึงไม่ได้เป็นหนี้แก่กองทรัพย์สินของจำเลยอีกต่อไปเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิเรียกให้ผู้ร้องชำระหนี้จำนวนดังกล่าวซ้ำอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งหนี้ทางไปรษณีย์ และผลของการปฏิเสธหนี้เกินกำหนดตามกฎหมายล้มละลาย
ลูกจ้างของผู้ร้องซึ่งอยู่ที่สำนักทำการงานของผู้ร้องมีอายุเกิน 20 ปี ได้รับหนังสือทวงหนี้จากผู้คัดค้านไว้เมื่อวันที่ 23ธันวาคม 2531 จึงถือได้ว่ามีการส่งหนังสือทวงหนี้ให้แก่ผู้ร้องโดยชอบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิ,76 ประกอบด้วย พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119,153ดังนี้ ผู้ร้องชอบที่จะปฏิเสธหนี้ต่อผู้คัดค้านภายใน 14 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือทวงหนี้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 6 มกราคม2532 โดยวันดังกล่าวมิใช่วันหยุดราชการ เมื่อผู้ร้องทำหนังสือปฏิเสธหนี้ถึงผู้คัดค้านในวันที่ 9 มกราคม 2532 ซึ่งเกินกำหนด14 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือทวงหนี้ของผู้คัดค้าน ต้องถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามจำนวนที่ผู้คัดค้านแจ้งไปเป็นการเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 119 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5617/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อผิดนัด: ศาลลดค่าเสียหายรายเดือนและราคาชดใช้รถยนต์ให้เหมาะสม
ผู้ร้องระบุในคำร้องว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่ารถยนต์ ค่าเสียหายที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดไว้ย่อมไม่มีเกิดขึ้น จึงมีประเด็นเรื่องค่าเสียหายที่ต้องวินิจฉัย ราคารถยนต์ที่ต้องชดใช้หากไม่ส่งมอบรถคืนนั้นถือเป็นค่าเสียหายอย่างหนึ่งรวมอยู่ในประเด็นเรื่องค่าเสียหาย เมื่อฟังว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าซื้อและมีการผิดสัญญาเช่าซื้อจนสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้วผู้ร้องมิได้ส่งมอบรถคืนให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ย่อมได้รับความเสียหาย แม้จำเลยที่ 1 จะนำรถออกให้เช่าได้หรือไม่ก็ตามค่าเสียหายสูงเกินส่วนศาลกำหนดให้ใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4561/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยทวงหนี้จากลูกหนี้ของจำเลยตาม มาตรา 119 สิทธิเรียกร้องของจำเลยจะต้องมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เพราะเมื่อมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว อำนาจจัดกิจการทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 6 และมาตรา 22เมื่อผู้ร้องซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยเข้าจัดการทรัพย์สินของจำเลยหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยชั่วคราว โดยเบิกเงินจากบัญชีของจำเลย จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องว่ากล่าวกับผู้ร้องต่างหาก เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจใช้อำนาจตามมาตรา 119 เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระเงินดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4143/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารในสำนวนคดีอื่น: ผู้คัดค้านไม่ต้องส่งสำเนาให้คู่ความก่อนสืบพยาน หากตรวจตราได้ง่าย
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้ส่งสำเนาหนังสือบอกกล่าวของลูกหนี้ให้ ด.ชำระหนี้และคำให้การของด. ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก่ผู้ร้องก่อนวันสืบพยาน 3 วัน แต่เอกสารทั้งสองฉบับอยู่ในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1) ยกตัวอย่างไว้โดยเฉพาะผู้ร้องทั้งสี่เป็นลูกหนี้ร่วมกับ ด. สามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงของเอกสาร ผู้คัดค้านจึงอ้างเอกสารทั้งสองฉบับเป็นพยานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4143/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารในสำนวนคดีอื่น: การไม่ต้องส่งสำเนาเอกสารก่อนสืบพยานตาม ป.วิ.พ. มาตรา 90(1)
หนังสือทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้และคำให้การพยานในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่นซึ่งคู่ความสามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงแห่งเอกสารนั้น คู่ความฝ่ายที่อ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานจึงไม่จำต้องส่งสำเนาเอกสารให้คู่ความอีกฝ่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4143/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปิดเผยเอกสารในสำนวนคดี: การอ้างเอกสารที่ผู้ร้องสามารถเข้าถึงได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้ส่งสำเนาหนังสือบอกกล่าวของลูกหนี้ให้ด.ชำระหนี้และคำให้การของ ด.ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก่ผู้ร้องก่อนวันสืบพยาน3 วัน แต่เอกสารทั้งสองฉบับอยู่ในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา90(1) ยกตัวอย่างไว้ โดยเฉพาะผู้ร้องทั้งสี่เป็นลูกหนี้ร่วมกับ ด. สามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงของเอกสาร ผู้คัดค้านจึงอ้างเอกสารทั้งสองฉบับเป็นพยานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน: กำหนดใช้เงินตามตั๋วชนิดพึงใช้เงินเมื่อได้เห็น และการนับอายุความ
ผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินย่อมมีความผูกพันเป็นอย่างเดียวกับลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้ออกตั๋ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 940 วรรคแรก การฟ้องให้ผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรับผิดจึงต้องฟ้องภายใน 3 ปี นับแต่วันตั๋วถึงกำหนด ตามมาตรา 1001 ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ไม่ได้ระบุเวลาใช้เงิน ต้องถือว่าเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดพึงใช้เงินเมื่อได้เห็น ตามมาตรา 984 วรรคสองซึ่งกำหนดใช้เงินของตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดดังกล่าวต้องเป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยกำหนดใช้เงินของตั๋วแลกเงินชนิดพึงใช้เงินเมื่อได้เห็น ตามมาตรา 944 ประกอบด้วยมาตรา 985 กล่าวคือในวันเมื่อยื่นตั๋ว แต่ทั้งนี้ต้องยื่นให้ใช้เงินภายในกำหนดเวลาซึ่งบังคับไว้เพื่อการยื่นให้รับรองตั๋วเงินชนิดให้ใช้เงินเวลาใดเวลาหนึ่งภายหลังได้เห็นนั้น สำหรับกำหนดเวลาซึ่งบังคับไว้เพื่อการยื่นให้รับรอง ตั๋วเงินชนิดให้ใช้เงินในเวลาใดเวลาหนึ่งภายหลังได้เห็น มีบัญญัติไว้ในมาตรา 928 ว่า ต้องนำตั๋วเงินยื่นเพื่อให้รับรองภายในหกเดือนนับแต่วันที่ลงในตั๋วเงินหรือภายในเวลาช้าเร็วกว่านั้นตามแต่ผู้สั่งจ่ายจะได้ระบุไว้ แสดงว่าผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดพึงใช้เงิน เมื่อได้เห็นอาจนำตั๋วยื่นให้ผู้ออกตั๋วใช้เงินได้ตั้งแต่วันออกตั๋วซึ่งก็คือวันที่ลงในตั๋วแต่จะยื่นให้ใช้เงินภายหลังพ้นเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่ลงในตั๋วไม่ได้ กำหนดเวลาใช้เงินตามตั๋ว สัญญาใช้เงินชนิดพึงใช้เงินเมื่อได้เห็นจึงมีได้ตั้งแต่วันที่คงในตั๋วจนถึงวันครบกำหนด 6 เดือนนับแต่วันที่ลงในตั๋ว อันเป็นวันสุดท้ายที่อาจยื่นให้ใช้เงินได้ทั้งนี้แล้วแต่ว่าจะมีการยื่นตั๋วให้ใช้เงินวันใด ตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทลงวันที่ 31 มกราคม 2520 เมื่อครบกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่ลงในตั๋วคือวันที่ 31 กรกฎาคม 2520ไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทนำตั๋วไปยื่นให้ใช้เงิน จึงต้องถือว่าวันที่ 31 กรกฎาคม 2520 อันเป็นวันสุดท้ายที่อาจบังคับให้ผู้ร้องใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทได้ เป็นวันถึงกำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาท กำหนดอายุความ 3 ปี ตามาตรา 1001 ต้องเริ่มนับแต่วันดังกล่าวเมื่อผู้คัดค้านเพิ่งใช้สิทธิของลูกหนี้เรียกร้องให้ผู้ร้องใช้เงินเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2530 จึงขาดอายุความตามมาตรา 1001ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ร้องใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3258/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย: ไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรรมการเจ้าหนี้
ในคดีที่ผู้ร้องร้องคัดค้านต่อศาลปฏิเสธหนี้ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือยืนยันหนี้ตาม พระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 119 นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อยู่ในฐานเป็นคู่ความมาแต่แรก หาใช่ผู้เริ่มต้นฟ้องคดีตามที่พระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 145(4) กำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้ก่อนไม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจฟ้องฎีกาโดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้หรือที่ประชุมเจ้าหนี้
of 17