พบผลลัพธ์ทั้งหมด 92 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่เกิดจากความตกลงหลังยืมข้าว การฟ้องบังคับตามสัญญา
ขอยืมข้าวเขาครั้งหนึ่งแล้วถึงกำหนดไม่มีข้าวใช้จึงได้ขอยืมข้าวเขามาอีก แล้วตกลงกันกับเจ้าหนี้ว่า ให้ผู้ยืมใช้เป็นเงินจำนวนหนึ่งแล้วได้ทำสัญญากู้ยืมขึ้นไว้ 1 ฉบับ ระบุจำนวนเงินที่ตกลงกันนั้นไว้ ดังนี้ เจ้าหนี้ย่อมฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญากู้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเอาทรัพย์สินชำระหนี้โมฆะเมื่อไม่มีทางจดทะเบียนได้ ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิในที่ดิน
โจทก์ทำสัญญากู้ยืมเงินและที่ดินให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยและตอนท้ายแห่งสัญญามีข้อความว่า ถ้าพ้น 2 เดือนไม่นำเงินมาชำระ ยอมให้ที่เป็นสิทธินั้น เป็นลักษณะแห่งการให้เอาทรัพย์สินชำระหนี้เงินกู้ ตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 656 ข้อสัญญานี้ย่อมเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรค 3 เมื่อปรากฎว่า ที่พิพาทไม่มีโฉนดก็ไม่มีทางจะไปจดทะเบียน จำเลยไม่มีสิทธิจะยึดที่ดินของโจทก์ไว้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาให้เอาทรัพย์สินชำระหนี้ที่เป็นโมฆะ สิทธิในที่ดินกลับคืนแก่เจ้าของเดิม
โจทก์ทำสัญญากู้ยืมเงินและที่ดินให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยและตอนท้ายแห่งสัญญามีข้อความว่า ถ้าพ้น 2 เดือนไม่นำเงินมาชำระยอมให้ที่เป็นสิทธินั้นเป็นลักษณะแห่งการให้เอาทรัพย์สินชำระหนี้เงินกู้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ข้อสัญญานี้ย่อมเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรคสาม เมื่อปรากฏว่า ที่พิพาทไม่มีโฉนดก็ไม่มีทางจะไปจดทะเบียน จำเลยไม่มีสิทธิจะยึดที่ดินของโจทก์ไว้ได้ (อ้างฎีกาที่1237/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเอาทรัพย์สินชำระหนี้: เงื่อนไขการขาดกันในสัญญากู้เงินเป็นโมฆะ หากมิได้ตกลงให้โอนกรรมสิทธิ์
ทำสัญญากู้เงินแล้วมอบที่ดินให้ยึดถือไว้เป็นประกันในสัญญามีข้อความว่า ถ้า 2 เดือนไม่นำเงินมาให้เป็นอันว่า ที่ดินที่กล่าวข้างบนนี้ขาดกัน เงื่อนไขตอนหลังนี้เป็นลักษณะแห่งการเอาทรัพย์สินเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 656 ข้อสัญญาย่อมเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรค 3 ส่วนที่จะให้แปลสัญญาว่า เมื่อไม่ชำระหนี้ผู้กู้จะโอนที่ดินให้เป็นการชำระหนี้แทนตัวเงินกู้นั้น โจทก์ต้องนำสืบให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่ามีดังนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเอาทรัพย์สินเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาเงินกู้ เงื่อนไขการขาดกันเป็นโมฆะหากไม่มีเจตนาชัดเจน
ทำสัญญากู้เงินแล้วมอบที่ดินให้ยึดถือไว้เป็นประกันในสัญญามีข้อความว่า ถ้า 2 เดือนไม่นำเงินมาให้เป็นอันว่า ที่ดินที่กล่าวข้างบนนี้ขาดกัน เงื่อนไขตอนหลังนี้เป็นลักษณะแห่งการเอาทรัพย์สินเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ข้อสัญญาย่อมเป็นโมฆะตาม มาตรา 656 วรรคสาม ส่วนที่จะให้แปลสัญญาว่า เมื่อไม่ชำระหนี้ผู้กู้จะโอนที่ดินให้เป็นการชำระหนี้แทนตัวเงินกู้นั้น โจทก์ต้องนำสืบให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่ามีดังนั้น (อ้างฎีกาที่ 1237/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้ที่มีข้อตกลงโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเมื่อผิดนัดชำระ เป็นโมฆะตามกฎหมาย
สัญญากู้หนี้ธรรมดาซึ่งข้อที่สัญญามีว่า ถ้าไม่ชำระหนี้เงินกู้ภายในกำหนด ยอมโอนที่ดินให้หลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่เจ้าหนี้ ดังนี้ เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสอง
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 32/2491
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 32/2491
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินรับสิ่งของแทนเงิน ไม่เป็นนิติกรรมอำพราง การใช้เงินต้องมีหลักฐานตามกฎหมาย
จำเลยรับผ้าโจทก์ไปขาย โดยทำสัญญากู้ให้ไว้เท่าราคาผ้า ดังนี้ไม่ใช่นิติกรรมอำพราง ต้องถือเป็นสัญญากู้เงินโดยรับสิ่งของแทนเงิน
เมื่อฟังว่า กู้เงินกันเกิน 50 บาทแล้ว การนำสืบการใช้เงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือแทงเพิกถอนในเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้นั้น
เมื่อฟังว่า กู้เงินกันเกิน 50 บาทแล้ว การนำสืบการใช้เงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือแทงเพิกถอนในเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินรับสิ่งของแทนเงิน: ไม่เป็นนิติกรรมอำพราง การพิสูจน์การใช้เงิน
จำเลยรับผ้าโจทก์ไปขาย โดยทำสัญญากู้ให้ไว้เท่าราคาผ้าดังนี้ ไม่ใช่นิติกรรมอำพราง ต้องถือเป็นสัญญากู้เงินโดยรับสิ่งของแทนเงิน
เมื่อฟังว่า กู้เงินกันเกิน 50 บาทแล้ว การนำสืบการใช้เงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือแทงเพิกถอนในเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้นั้น
เมื่อฟังว่า กู้เงินกันเกิน 50 บาทแล้ว การนำสืบการใช้เงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือแทงเพิกถอนในเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชำระหนี้ด้วยข้าวแล้ว ฟ้องเรียกคืนไม่ได้ แต่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำผิดนิติกรรม
ผู้กู้เอาข้าวชำระหนี้แทนเงินกู้และดอกเบี้ยไปตามที่ตกลงกับผู้ให้กู้ไปแล้ว ภายหลังผู้ให้กู้ฟ้องเรียกต้นเงินและดอกเบี้ยและชนะคดีแล้วผู้กู้จะฟ้องเรียกข้าวคืนฐานลาภมิควรได้ไม่ได้แต่เรียกข้าวและค่าเสียหายได้ในฐานที่ผู้ให้กู้ทำผิดนิติกรรม
ในคดีแพ่งคู่ความไม่จำเป็นต้องอ้างตัวบทกฎหมายในฟ้องหรือในฎีกาเพียงแต่กล่าวถึงข้อเท็จจริงอันเป็นปัญหามาชัดเจนก็พอแล้ว ส่วนตัวบทกฎหมายนั้นเป็นหน้าที่ของศาลจะยกขึ้นปรับแก่คดี
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะข้อกฎหมายนั้น ถ้าศาลล่างยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสำคัญมา ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2486 และ 3/2486
ในคดีแพ่งคู่ความไม่จำเป็นต้องอ้างตัวบทกฎหมายในฟ้องหรือในฎีกาเพียงแต่กล่าวถึงข้อเท็จจริงอันเป็นปัญหามาชัดเจนก็พอแล้ว ส่วนตัวบทกฎหมายนั้นเป็นหน้าที่ของศาลจะยกขึ้นปรับแก่คดี
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะข้อกฎหมายนั้น ถ้าศาลล่างยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสำคัญมา ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2486 และ 3/2486