พบผลลัพธ์ทั้งหมด 293 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2025/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้มีการย้ายที่อยู่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2025/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้มีการย้ายที่อยู่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไปประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาใหม่เนื่องจากความเจ็บป่วย โดยต้องพิสูจน์การได้รับหมายเรียกชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบแล้ว จะถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาไม่ได้
จำเลยเจ็บป่วยไม่สามารถยื่นคำของให้พิจารณาใหม่ได้ภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ได้รับคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเพราะพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากจำเลยหายป่วย จึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
จำเลยเจ็บป่วยไม่สามารถยื่นคำของให้พิจารณาใหม่ได้ภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ได้รับคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเพราะพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากจำเลยหายป่วย จึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และข้ออ้างเหตุขาดนัดชอบด้วยกฎหมาย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่แจ้งให้จำเลยทราบทั้งๆ ที่โจทก์และคนของโจทก์ก็รู้จักที่ดินที่จำนองและบ้านเรือนของจำเลยดี จำเลยไม่ได้รับหนังสือพิมพ์หรือหาหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศของศาลมาอ่าน จึงไม่รู้เรื่องถึงคดีที่โจทก์ฟ้อง จำเลยเป็นหนี้จำนองเพียง 100,000 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วดังนี้เป็นคำขอที่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยเมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยเมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดโดยมิได้จงใจ และการส่งหมายเรียกโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่แจ้งให้จำเลยทราบทั้งๆ ที่โจทก์และคนของโจทก์ก็รู้จักที่ดินที่จำนองและบ้านเรือนของจำเลยดี จำเลยไม่ได้รับหนังสือพิมพ์หรือหาหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศของศาลมาอ่าน จึงไม่รู้เรื่องถึงคดีที่โจทก์ฟ้อง จำเลยเป็นหนี้จำนองเพียง 100,000 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วดังนี้เป็นคำขอที่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
จำเลยมีภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่งแน่นอนตลอดมา ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่อยู่ของจำเลยในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยซึ่งเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ แต่โจทก์กลับฟ้องโดยขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง และมิได้จงใจขาดนัด จำเลยย่อมขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 731/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำสั่งปรับนายประกันที่ถึงแก่กรรมก่อนการแจ้งมีผล การเพิกถอนคำสั่งปรับ และอำนาจลดค่าปรับของศาล
นายประกันทำสัญญาประกันตัวจำเลยต่อศาล ต่อมาศาลออกหมายนัดให้ส่งตัวจำเลย เจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายรายงานว่านายประกันไม่มีตัวอยู่ในท้องที่นั้น ไม่สามารถส่งหมายให้ได้ ศาลสั่งให้ส่งโดยวิธีประกาศแจ้งวันนัดที่ศาล ถึงกำหนดแล้วนายประกันมิได้ส่งตัวจำเลย ศาลจึงสั่งปรับนายประกันเต็มตามสัญญา และส่งหมายให้นายประกันทราบคำสั่งโดยวิธีปิดคำสั่งไว้ที่ศาล แต่นายประกันได้ถึงแก่กรรมเสียก่อนที่การส่งหมายดังกล่าวมีผลตามกฎหมาย กรณีเช่นนี้จะถือว่านายประกันได้ทราบคำสั่งให้ปรับนายประกันแล้วยังไม่ได้ ระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวจึงยังไม่เริ่มนับ และคำสั่งปรับนายประกันยังไม่ถึงที่สุดผู้จัดการมรดกของนายประกันจึงชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งศาลที่สั่งให้ปรับนายประกันได้ เมื่อศาลไต่สวนคำร้องแล้ว ได้ความว่า การที่นายประกันไม่มีตัวอยู่ที่ภูมิลำเนาในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ไปส่งหมายนัดเป็นเพราะเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงแก่กรรม ทั้งจำเลยเองก็ได้มามอบตัวต่อศาลแล้ว ดังนี้ ก็อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะลดค่าปรับนายประกันลงตามที่เห็นสมควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดโดยวิธีธรรมดาและการใช้วิธีปิดประกาศที่หน้าศาล ความผิดสัญญาประกัน
ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดให้นายประกันไม่ได้ เพราะพนักงานผู้ส่งหมายไปไม่ถึงบ้านนายประกัน ยังถือไม่ได้ว่าไม่สามารถส่งหมายให้แก่นายประกันได้โดยวิธีธรรมดา อันจะทำให้ศาลชั้นต้นนำวิธีการอย่างอื่นมาใช้แทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายนัดให้นายประกันจึงเป็นการมิชอบ ยังถือไม่ได้ว่านายประกันได้ทราบนัดของศาลแล้ว เมื่อนายประกันไม่ปฏิบัติตามหมายนัดจะถือว่านายประกันผิดนัดแล้วปรับนายประกันยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดและผลของการไม่ปฏิบัติตามสัญญาประกัน การตีความที่อยู่ของผู้ประกัน
บ้านเลขที่ 37 ในถนนเดียวกันมี 2 หลัง หลังหนึ่งอยู่ริมถนนอีกหลังอยู่ในตรอก ผู้ประกันอยู่ที่บ้านซึ่งอยู่ในตรอก แต่เขียนที่อยู่ในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยระบุเลขบ้านกับถนนและขีดในช่องตรอกหรือซอยในแบบพิมพ์คำร้องเสีย. เมื่อศาลออกหมายนัดให้ส่งตัวจำเลย พนักงานเดินหมายจึงไปส่งที่บ้านริมถนน ไม่พบผู้ประกันและคนในบ้านหลังนั้นแจ้งว่าไม่มีคนชื่ออย่างผู้ประกันอยู่ที่บ้านหลังนั้นดังนี้ถือไม่ได้ว่าพนักงานเดินหมายไม่ได้ไปส่งหมายนัดให้ผู้ประกันตามที่อยู่ในคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เมื่อไม่สามารถส่งหมายนัดได้แล้วศาลได้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลย ประกาศดังกล่าวนี้มีผลใช้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 เมื่อผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยตามกำหนดนัดในประกาศต้องถือว่าผิดสัญญาประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: การส่งหมายนัดที่ถูกต้องและการผิดสัญญาเมื่อไม่ปฏิบัติตาม
บ้านเลขที่ 37 ในถนนเดียวกันมี 2 หลัง หลังหนึ่งอยู่ริมถนนอีกหลังอยู่ในตรอก ผู้ประกันอยู่ที่บ้านซึ่งอยู่ในตรอก แต่เขียนที่ อยู่ในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยระบุเลขบ้านกับถนนและขีดในช่องตรอกหรือซอยในแบบพิมพ์คำร้องเสีย เมื่อศาลออกหมายนัดให้ส่งตัวจำเลย พนักงานเดินหมายจึงไปส่งที่บ้านริมถนน ไม่พบผู้ประกันและคนในบ้านหลังนั้นแจ้งว่าไม่มีคนชื่ออย่างผู้ประกันอยู่ที่บ้านหลังนั้นดังนี้ถือไม่ได้ว่าพนักงานเดินหมายไม่ได้ไปส่งหมายนัดให้ผู้ประกันตามที่อยู่ในคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เมื่อไม่สามารถส่งหมายนัดได้แล้วศาลได้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลย ประกาศดังกล่าวนี้มีผลใช้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 เมื่อผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยตามกำหนดนัดในประกาศต้องถือว่าผิดสัญญาประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบการฟ้องและการบังคับคดีเนื่องจากภูมิลำเนาไม่ถูกต้อง
เจ้าพนักงานศาลปิดคำบังคับวันที่ 1 พฤษภาคม 2514คำบังคับจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลาสิบห้าวันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสองกล่าวคือมีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2514 คำขอให้พิจารณาใหม่ต้องยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับ นับจากวันที่ 17 พฤษภาคม 2514 ก็จะครบกำหนดในวันที่ 31 เดือนเดียวกัน จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 3 มิถุนายน 2514 ย่อมล่วงพ้นกำหนดเวลาที่จะยื่นได้
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่นมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ไม่ทราบการปิดหมายเรียกและคำบังคับจำเลยไปธุระที่อำเภอซึ่งกล่าวในฟ้องว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยจึงทราบว่าจำเลยถูกฟ้องและทราบคำบังคับเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2514 และจำเลยไปที่ศาลจึงทราบแน่นอนเมื่อวันที่ 31 เดือนเดียวกัน หากข้อเท็จจริงตามคำขอให้พิจารณาใหม่เป็นความจริงย่อมถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้องและศาลปิดคำบังคับแล้ว ซึ่งจำเลยมีสิทธิยื่นคำขอให้ฟ้องพิจารณาใหม่ได้ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1296/2510)
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่นมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ไม่ทราบการปิดหมายเรียกและคำบังคับจำเลยไปธุระที่อำเภอซึ่งกล่าวในฟ้องว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยจึงทราบว่าจำเลยถูกฟ้องและทราบคำบังคับเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2514 และจำเลยไปที่ศาลจึงทราบแน่นอนเมื่อวันที่ 31 เดือนเดียวกัน หากข้อเท็จจริงตามคำขอให้พิจารณาใหม่เป็นความจริงย่อมถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้องและศาลปิดคำบังคับแล้ว ซึ่งจำเลยมีสิทธิยื่นคำขอให้ฟ้องพิจารณาใหม่ได้ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1296/2510)