คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 248

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,123 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2590/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเช่า: ตึกไม่ตกเป็นส่วนควบหากสร้างก่อนหมดสัญญา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาท จำเลยต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ต้องถือว่าเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์จำเลยโต้เถียงกรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างซึ่งปลูกบนที่ดินที่เช่าเมื่อโจทก์ปลูกตึกพิพาทบนที่ดินที่เช่ายังไม่ครบระยะเวลาเช่า ตึกพิพาทจึงไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินกรรมสิทธิ์ในตึกพิพาทเป็นของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง หากอุทธรณ์ต้องห้าม ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาอำนาจฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินส่วนทางด้านทิศเหนือจากโจทก์ครบกำหนดเช่าและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยไม่ยอมออกเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่าทำสัญญาเช่าจากโจทก์ด้านทิศใต้และตรงที่เว้นเป็นทางเข้าออกของที่ดินส่วนทางทิศเหนือ ที่ดินส่วนทางทิศเหนือนั้นจำเลยทำสัญญาเช่าจาก บ. ไม่ได้เช่าจากโจทก์ เป็นเรื่องที่คู่ความโต้เถียงกันว่า จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินส่วนไหนจากโจทก์ ไม่ใช่เรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญา
ศาลอุทธรณ์จะยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นมาวินิจฉัยเองได้ก็ต่อเมื่ออุทธรณ์นั้นเป็นอุทธรณ์ที่จะต้องรับไว้พิจารณาเสียก่อน ถ้าอุทธรณ์นั้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ทั้งฉบับเสียแล้วศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจยกเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้ และแม้ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยก็ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005-1006/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: ปัญหาข้อเท็จจริงเกินทุนทรัพย์ 50,000 บาท
โจทก์ 2 คนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยมาในคดีเดียวกันรวมค่าเสียหายเกิน 50,000 บาท โดยต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวแยกกันแต่ละรายไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
ฟ้องแย้งมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ฎีกาข้อเท็จจริงตามฟ้องแย้งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าซ่อมจากเงินจากการบังคับคดี: ไม่ใช่การขอกันส่วน แต่เป็นคดีมีทุนทรัพย์
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยยึดรถแทรกเตอร์ของจำเลยขายทอดตลาด ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ค่าซ่อมรถแทรกเตอร์ยื่นคำร้องขอรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดชำระหนี้ค่าซ่อม ดังนี้มิใช่เรื่องขอกันส่วนของผู้ร้อง เนื่องจากผู้ร้องไม่มีส่วนเป็นเจ้าของรถแทรกเตอร์ที่ถูกยึดขายทอดตลาด การที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ค่าซ่อมรถแทรกเตอร์รายนี้จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อทุนทรัพย์ไม่เกิน 5 หมื่นบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเช่าต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า หากไม่ได้รับอนุญาต ผู้รับโอนยังคงเป็นบริวารของผู้เช่าเดิม
ผู้เช่าห้องแถวโอนสิทธิการเช่า แต่ผู้ให้เช่ายังไม่ได้อนุญาตตามที่ร้องขอผู้รับโอนเข้าอยู่ในห้องแถว ถือว่าผู้รับโอนเป็นบริวารของผู้เช่าศาลพิพากษาขับไล่ผู้เช่าจึงบังคับถึงบริวารด้วย คดีของบริวารที่ถูกศาลบังคับฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ตาม มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่6 พ.ศ.2518

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินร่วมจากหนี้ส่วนตัว: ศาลไม่รับฎีกาข้อเท็จจริง
จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลที่ทำไว้กับโจทก์โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินหนึ่งแปลงพร้อมเรือนหนึ่งหลังซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวอ้างว่าเป็นของจำเลยผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลกันเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินและโรงเรือนดังกล่าวไว้จ่ายให้ผู้ร้องครึ่งหนึ่งเพราะทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องและจำเลยรวมกันได้มาระหว่างอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องและจำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาและต่างก็มีรายได้ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยเป็นเรื่องเฉพาะตัวดังนี้ การที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยไปยืมเงินโจทก์มาใช้จ่ายในการดำรงชีพและนำมาซื้อที่ดินพร้อมทั้งปลูกเรือนพิพาทและผู้ร้องรู้เห็นในการกู้ยืมด้วยจึงเป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการกันเงินจากทรัพย์สินที่ได้มาจากการอยู่กินฉันสามีภรรยา กรณีลูกหนี้ผิดสัญญา
จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลที่ทำไว้กับโจทก์ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินหนึ่งแปลงพร้อมเรือนหนึ่งหลังซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าว อ้างว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลกันเงินที่ขายทอดตลาดที่ดิน และโรงเรือนดังกล่าวไว้จ่ายให้ผู้ร้องครึ่งหนึ่ง เพราะทรัพย์ดังกล่าวเป็นผู้ร้องและจำเลยรวมกันได้มาระหว่างอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องและจำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาและต่างก็มีรายได้ ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน หนี้สินระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นเรื่องเฉพาะตัว ดังนี้ การที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยไปยืมเงินโจทก์มาใช้จ่ายในการดำรงชีพและนำมาซื้อที่ดินพร้อมทั้งปลูกเรือนพิพาท และผู้ร้องรู้เห็นในการกู้ยืมด้วย จึงเป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206-207/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินของลูกค้า: กล้องถ่ายภาพไม่ใช่ของมีค่าพิเศษ
กล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งเป็นเพียงเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับผู้ถ่ายภาพยนตร์ หรือผู้ถ่ายภาพใช้ในการบันทึกภาพเป็นภาพยนตร์ หรือถ่ายภาพนิ่งเท่านั้นเอง หาเป็นของมีคุณค่าเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากการเป็นของใช้ตามธรรมดาไม่ ถึงแม้ว่าราคาของทรัพย์จะค่อนข้างสูงก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นของมีค่าตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เสียหายเป็นเงิน 27,650 บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206-207/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กล้องถ่ายภาพไม่ใช่ของมีค่าพิเศษ โรงแรมไม่ต้องรับผิดเกินค่าเสียหายที่แท้จริง
กล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งเป็นเพียงเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับผู้ถ่ายภาพยนตร์ หรือผู้ถ่ายภาพใช้ในการบันทึกภาพเป็นภาพยนตร์ หรือถ่ายภาพนิ่งเท่านั้นเองหาเป็นของมีคุณค่าเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากการเป็นของใช้ตามธรรมดาไม่ ถึงแม้ว่าราคาของทรัพย์จะค่อนข้างสูงก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นของมีค่าตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เสียหายเป็นเงิน 27,650 บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องช่วงสิทธิจากสัญญาเช่าและการรับผิดในความเสียหายจากประมาทเลินเล่อ
โจทก์ทำสัญญาใช้สถานีบริการขายน้ำมันของบริษัท อ. ในสัญญาดังกล่าวระบุไว้ว่าในกรณีทรัพย์สินของบริษัท ฯ ได้รับความเสียหายเนื่องจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของโจทก์ลูกจ้างของโจทก์หรือบุคคลอื่น โจทก์ต้องรับผิดชอบออกค่าซ่อมแซมหรือชดใช้ราคาทรัพย์สินนั้นตามสัญญาข้อนี้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแก่สถานีบริการดังกล่าว บริษัทฯ ได้จัดการซ่อมและโจทก์ได้ออกเงินค่าซ่อมให้แก่บริษัท ฯ ไปแล้ว โจทก์ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยผู้ซึ่งจะต้องรับผิดในความเสียหายนั้นให้ชำระเงินที่จ่ายไปแล้วนั้นได้
ทุนทรัพย์ที่จะถือเป็นหลักว่าฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั่นต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันมาในศาลชั้นต้น
of 113