คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 248

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,123 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของบ้านต้องรับผิดเมื่อประมาทเลินเล่อทำให้เพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บ แม้เหตุเกิดในบ้านตน
จำเลยปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ที่ลวดหนามซึ่งขึงอยู่ด้านในของเสารั้วภายในเขตบ้านจำเลย โดยมีรั้วไม้ไผ่ที่ด้านนอกของเสา แต่รั้วไม้ไผ่ชำรุดโจทก์อยู่บ้านติดต่อกับจำเลยเอื้อมมือไปเก็บผ้าซึ่งปลิวไปติดรั้วบ้านจำเลยมือไปถูกลวดหนาม ถูกกระแสไฟฟ้าดูดได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานละเมิด
กระทำละเมิดต่อผู้อื่นโดยประมาทเลินเล่อ แม้จะทำภายในบริเวณบ้านของตนผู้กระทำก็ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกสินบริคณห์ต้องพิสูจน์สถานะสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย หากพิสูจน์ไม่ได้ คำขอแยกสินบริคณห์ตกไป
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน ซึ่งมีส่วนร่วมกันในที่ดินโฉนดที่ 5694 (ที่โจทก์ได้ถอนการยึดไปแล้ว) ขอให้สั่งแยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของลูกหนี้คือจำเลย เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1483 ซึ่งหมายถึงสินบริคณห์ของสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินรายนี้ย่อมไม่ใช่สินบริคณห์ คำขอแยกสินบริคณห์ของโจทก์ย่อมตกไป
คดีที่โจทก์ร้องขอแยกสินบริคณห์หรือขอแยกที่ดินส่วนของจำเลยโดยอ้างเหตุที่จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกสินบริคณห์ต้องพิสูจน์สถานะสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย หากพิสูจน์ไม่ได้ คำขอแยกสินบริคณห์ตกไป
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน ซึ่งมีส่วนร่วมกันในที่ดินโฉนดที่ 5694 (ที่โจทก์ได้ถอนการยึดไปแล้ว) ขอให้สั่งแยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของลูกหนี้คือจำเลย เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1483 ซึ่งหมายถึงสินบริคณห์ของสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินรายนี้ย่อมไม่ใช่สินบริคณห์ คำขอแยกสินบริคณห์ของโจทก์ย่อมตกไป
คดีที่โจทก์ร้องขอแยกสินบริคณห์หรือขอแยกที่ดินส่วนของจำเลยโดยอ้างเหตุที่จำเลยกับ ผ. เป็นสามีภริยากัน เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน: เนื้อที่พิพาทน้อยกว่าที่ฟ้อง และราคาไม่เกินเกณฑ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ที่ดินที่โจทก์จำเลยพิพาทกันมิใช่ทั้งแปลงดังที่โจทก์ฟ้อง คงพิพาทกันเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อที่ทั้งหมด และส่วนนี้แม้จะไม่ได้ความตามท้องสำนวนว่าเป็นเนื้อที่เท่าไร และศาลชั้นต้นไม่ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็ตามก็คำนวณเอาจากมาตราส่วนในแผนที่วิวาทได้ว่าที่ดินที่พิพาทกันเนื้อที่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด ส่วนราคาของที่พิพาทนั้นเมื่อรวมค่าเสียหายอีก 300 บาท ก็ไม่เกินห้าพันบาทเพราะที่ของโจทก์ 10 ไร่1 งาน โจทก์ตีราคามาเพียง 5,125 บาท คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นก็เพียงแก้ไขเล็กน้อย โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทที่ดิน: การฟ้องร้องไม่ชัดเจนและราคาที่ดินต่ำกว่าเกณฑ์อุทธรณ์
ที่ดินที่โจทก์จำเลยพิพาทกันมิใช่ทั้งแปลงดังที่โจทก์ฟ้อง คงพิพาทกันเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อที่ทั้งหมด และส่วนนี้แม้จะไม่ได้ความตามท้องสำนวนว่าเป็นเนื้อที่เท่าไร และศาลชั้นต้นไม่ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็ตามก็คำนวณเอาจากมาตราส่วนในแผนที่วิวาทได้ว่าที่ดินที่พิพาทกันเนื้อที่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด ส่วนราคาของที่พิพาทนั้นเมื่อรวมค่าเสียหายอีก 300 บาท ก็ไม่เกินห้าพันบาท เพราะที่ของโจทก์ 10 ไร่1 งาน โจทก์ตีราคามาเพียง 5,125 บาท คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นก็เพียงแก้ไขเล็กน้อย โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการคำนวณทุนทรัพย์ในคดีบังคับคดี
ผู้ร้องขัดทรัพย์ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ 2 รายการคือ ที่ดินและเรือน มีทุนทรัพย์รวมกัน 10,000 บาท (โจทก์นำยึดอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 เรือนเป็นของจำเลยที่ 2) แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาเฉพาะที่ดินซึ่งมีราคาเพียง 4,000 บาท ก็ต้องถือว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์ 10,000 บาทจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์บังคับคดี: ทุนทรัพย์รวมกำหนดสิทธิฎีกา แม้ฎีกาเฉพาะบางส่วน
ผู้ร้องขัดทรัพย์ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ 2 รายการคือ ที่ดินและเรือนมีทุนทรัพย์รวมกัน 10,000 บาท (โจทก์นำยึดอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 เรือนเป็นของจำเลยที่ 2) แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาเฉพาะที่ดินซึ่งมีราคาเพียง 4,000 บาท ก็ต้องถือว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์ 10,000 บาทจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชัดแจ้ง-ข้อเท็จจริงเกินทุนทรัพย์-การยกข้อกฎหมาย ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากฎีกาไม่ชัดเจน ข้อเท็จจริงเกินทุนทรัพย์ และการยกข้อกฎหมายที่โจทก์เคยต่อสู้ไว้
ฎีกาผู้ร้องมิได้บรรยายว่า ถ้าโจทก์ชนะคดีจำเลยในคดีดำที่ 255/2509 แล้วจะมีผลลบล้างคดีร้องขัดทรัพย์นี้ได้อย่างไร หรือด้วยเหตุผลอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ส่วนฎีกาที่อ้างว่าเรือนพิพาทเป็นโรงเรือนชั่วคราว เจ้าพนักงานไม่ยอมจดทะเบียนให้ เพราะไม่ถือว่าเป็นอาคารนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องจะฎีกาไม่ได้ เพราะคดีร้องขัดทรัพย์นี้มีทุนทรัพย์เพียง 4,000 บาท
โจทก์ให้การต่อสู้แล้วว่า การมอบเรือนพิพาทไม่มีผลตามกฎหมาย เพราะมิได้จดทะเบียนหรือทำนิติกรรมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นโมฆะ ดังนี้ หาได้ต่อสู้แต่เพียงว่าผู้ร้องกับจำเลยสมยอมกันเท่านั้นไม่ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชัดเจน-ข้อเท็จจริงเกินทุนทรัพย์-การยกข้อกฎหมายที่โจทก์ให้การต่อสู้แล้ว
ฎีกาผู้ร้องมิได้บรรยายว่า ถ้าโจทก์ชนะคดีจำเลยในคดีดำที่ 255/2509แล้วจะมีผลลบล้างคดีร้องขัดทรัพย์นี้ได้อย่างไร หรือด้วยเหตุผลอย่างไรจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ส่วนฎีกาที่อ้างว่าเรือนพิพาทเป็นโรงเรือนชั่วคราว เจ้าพนักงานไม่ยอมจดทะเบียนให้เพราะไม่ถือว่าเป็นอาคารนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องจะฎีกาไม่ได้ เพราะคดีร้องขัดทรัพย์นี้มีทุนทรัพย์เพียง 4,000 บาท
โจทก์ให้การต่อสู้แล้วว่า การมอบเรือนพิพาทไม่มีผลตามกฎหมายเพราะมิได้จดทะเบียนหรือทำนิติกรรมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ ดังนี้ หาได้ต่อสู้แต่เพียงว่าผู้ร้องกับจำเลยสมยอมกันเท่านั้นไม่ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257-258/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งห้ามชั่วคราวไม่ใช่การบังคับคดี นายอำเภอมีอำนาจยึดทรัพย์เพื่อภาษีอากรได้ แม้มีคำสั่งห้ามชั่วคราว
คำสั่งห้ามชั่วคราวของศาลมิให้ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับตึกของจำเลยนั้น เป็นวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเพื่อคุ้มครองป้องกันผลประโยชน์ของเจ้าหนี้ให้ได้รับผลตามคำพิพากษา โดยบริบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ มิใช่เป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง
คำสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าวแล้วมีผลเพียงห้ามจำเลยมิให้ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับตึกของจำเลย การที่ศาลแจ้งคำสั่งให้นายอำเภอทราบก็เพื่อมิให้รับจดทะเบียนนิติกรรมใด ๆ ที่จำเลยจะลักลอบกระทำโดยไม่สุจริต มิได้หมายความว่า เป็นการห้ามยึดหรืออายัดตามบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือกฎหมายอื่นเสียเลย
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 นายอำเภอมีอำนาจยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรเพื่อชำระค่าภาษีอากรค้างได้โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องแม้ศาลจะมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับตึกของจำเลย และแจ้งคำสั่งให้นายอำเภอทราบแล้ว แต่เมื่อจำเลยค้างชำระค่าภาษีอากร นายอำเภอก็มีอำนาจยึดตึกของจำเลยมาขายทอดตลาดชำระค่าภาษีอากรค้างนั้นได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อตึกของจำเลยได้จากการขายทอดตลาดของนายอำเภอ และได้ชำระราคาครบถ้วนแล้ว การขายทอดตลาดบริบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว นายอำเภอจะสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดมิได้ แม้อำเภอจะยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตึกให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องก็อยู่ในฐานะจดทะเบียนสิทธิได้ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 เมื่อการขายทอดตลาดตึกได้กระทำก่อนโจทก์บังคับคดี โจทก์บังคับคดีเอาแก่ตึกดังกล่าวให้เป็นการกระทบถึงสิทธิของผู้ร้อง ซึ่งอาจบังคับเหนือตึกนั้น หาได้ไม่
ผู้ร้องคนเดียวยื่นคำร้องขัดทรัพย์แยกกันเป็น 2 คดี คดีแรกร้องขัดทรัพย์เฉพาะตึก ส่วนคดีหลังร้องขัดทรัพย์เฉพาะเตียงโต๊ะเก้าอี้ และเครื่องที่นอน แม้ศาลจะร่วมพิจารณาพิพากษาและผู้ร้องฎีการวมกันมา ก็ต้องถือทุนทรัพย์แต่ละคดีเป็นเกณฑ์พิจารณาในการใช้สิทธิฎีกา เมื่อคดีหลังเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าพันบาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ย่อมต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกามา ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้
of 113