พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครอง: การเริ่มนับเมื่อมีการโต้แย้งสิทธิ ไม่ใช่แค่การออกหนังสือรับรอง
การเริ่มนับเวลาการฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1374,1375,162,169 เพื่อปลดเปลื้องการรบกวนและเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการรบกวนหรือแย่งการครอบครองในอันที่จะให้เริ่มต้นนับเวลาการฟ้องร้อง
การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยไม่ถือเป็นการรบกวนหรือแย่งการครอบครองของโจทก์กำหนดเวลาฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ
จำเลยยื่นคำคัดค้านการขอรับรองทำประโยชน์ในที่พิพาทของโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์กำหนดเวลาฟ้องร้องเริ่มนับ
การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยไม่ถือเป็นการรบกวนหรือแย่งการครอบครองของโจทก์กำหนดเวลาฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ
จำเลยยื่นคำคัดค้านการขอรับรองทำประโยชน์ในที่พิพาทของโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์กำหนดเวลาฟ้องร้องเริ่มนับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเริ่มต้นนับอายุความในคดีรบกวนการครอบครอง: การโต้แย้งสิทธิถือเป็นการรบกวน
การเริ่มนับเวลการฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1374, 1375 เพื่อปลดเปลื้องการรบกวนและเอาเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการรบกวนหรือแย่งการครอบครองในอันที่จะให้เริ่มต้นนับเวลาการฟ้องร้อง
การที่เจ้าหนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลย ไม่ถือเป็นการรบกวนหรือแย่งการครอบครองของโจทก์ กำหนดเวลาฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ
จำเลยยื่นคำคัดค้านการขอรับรองทำประโยชน์ในที่พิพาทของโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ กำหนดเวลาฟ้องร้องเริ่มนับ
การที่เจ้าหนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลย ไม่ถือเป็นการรบกวนหรือแย่งการครอบครองของโจทก์ กำหนดเวลาฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ
จำเลยยื่นคำคัดค้านการขอรับรองทำประโยชน์ในที่พิพาทของโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ กำหนดเวลาฟ้องร้องเริ่มนับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกที่ทำขึ้นหลังการแบ่งทรัพย์สินให้บุตรแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ผู้ตายได้แบ่งที่พิพาท 2 แปลงให้บุตรทุกคนเป็นส่วนสัดไปแล้ว คงกันที่ไว้ทำกิน 2 แห่ง พินัยกรรมของผู้ตายที่ยกที่ที่กันไว้ทำกินให้จำเลยนั้นเห็นว่าเป็นพินัยกรรมปลอมไม่สมบูรณ์ จึงให้แบ่งที่ที่กันไว้นั้นแก่บุตรทั้ง 6 คน ให้โจทก์ จำเลยได้คนละ 1 ส่วน ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พินัยกรรมที่ผู้ตายทำไว้ใช้ได้โดยชอบพิพากษาแก้ให้ที่ที่ผู้ตายกันไว้ทำกินทั้งหมดเป็นของจำเลยถือว่าศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นมาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และสิทธิในที่ดิน: การฎีกาถูกจำกัดเนื่องจากข้อเท็จจริงและทุนทรัพย์
แม้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาท จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท แต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้สละการครอบครองให้บุตรีโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองแล้ว ก็ถือได้ว่าทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์ เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาท: การที่โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิครอบครองทำให้คดีต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
แม้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทแต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ได้สละการครอบครองให้บุตรีโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองแล้วก็ถือได้ว่าทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาทคดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาข้อเท็จจริง: ประเด็นสำคัญคือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ไม่ใช่กระบวนการออกโฉนด
ในกรณีที่ประเด็นสำคัญแห่งคดีมีอยู่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงหรือไม่แล้วจำเลยมาฎีกาว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยได้เคยเอาที่ดินที่เคยเช่าวัดบางส่วนกับเอาที่ดินของวัดที่ไม่ได้เช่าบางส่วนไปรวมออกโฉนดจริงหรือไม่ เช่นนี้เมื่อประเด็นที่จำเลยว่าสำคัญเป็นประเด็นที่จำเลยยกกล่าวอ้างขึ้นมาเองเพื่อจะให้เข้ากับกฎหมายที่ประสงค์จะอ้างอิงและเพื่อที่จะให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ยกขึ้นนั้นดังนี้ เป็นฎีกาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาข้อเท็จจริง: ประเด็นสำคัญของคดีต้องเป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ไม่ใช่กระบวนการออกโฉนด
ในกรณีที่ประเด็นสำคัญแห่งคดีมีอยู่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงหรือไม่ แล้วจำเลยมาฎีกาว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยได้เคยเอาที่ดินที่เคยเช่าวัดบางส่วนกับเอาที่ดินของวัดที่ไม่ได้เช่าบางส่วนไปรวมออกโฉนดจริงหรือไม่ เช่นนี้ เมื่อประเด็นที่จำเลยว่าสำคัญเป็นประเด็นที่จำเลยยกกล่าวอ้างขึ้นมาเองเพื่อจะให้เข้ากับกฎหมายที่ประสงค์จะอ้างอิง และเพื่อที่จะให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ยกขึ้นนั้น ดังนี้ เป็นฎีกาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในสลากที่ได้มาจากการซื้อขายจากผู้ไม่มีสิทธิ แม้ผู้ซื้อจะสุจริตก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
สลากกินแบ่งของโจทก์หายไป จำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าจำหน่ายสลากกินแบ่งรับซื้อไว้โดยเปิดเผย และโดยสุจริต ไม่ทราบว่าเป็นสลากกินแบ่งของโจทก์ที่หายไปเช่นนี้ เมื่อผู้ขายมิใช่เจ้าของสลากและไม่มีอำนาจจะเอามาขายได้ จำเลยผู้รับซื้อก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในสลากินแบ่งนั้น
คำว่า ท้องตลาด ตามมาตรา 1332 หมายถึง "ที่ชุมนุมแห่งการค้า" ที่ใดเป็นที่ชุมนุมการค้าหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป
คำว่า ท้องตลาด ตามมาตรา 1332 หมายถึง "ที่ชุมนุมแห่งการค้า" ที่ใดเป็นที่ชุมนุมการค้าหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในสลากหาย: ผู้รับซื้อโดยสุจริตไม่เป็นเจ้าของ หากผู้ขายไม่มีสิทธิ
สลากกินแบ่งของโจทก์หายไปจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าจำหน่ายสลากกินแบ่งรับซื้อไว้โดยเปิดเผยและโดยสุจริต ไม่ทราบว่าเป็นสลากกินแบ่งของโจทก์ที่หายไปเช่นนี้เมื่อผู้ขายมิใช่เจ้าของสลากและไม่มีอำนาจจะเอามาขายได้จำเลยผู้รับซื้อก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในสลากกินแบ่งนั้น
คำว่า ท้องตลาด ตามมาตรา 1332 หมายถึง'ที่ชุมนุมแห่งการค้า' ที่ใดเป็นที่ชุมนุมการค้าหรือไม่ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไป
คำว่า ท้องตลาด ตามมาตรา 1332 หมายถึง'ที่ชุมนุมแห่งการค้า' ที่ใดเป็นที่ชุมนุมการค้าหรือไม่ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาให้ดูที่มูลค่าที่ฟ้องในศาลชั้นต้น แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้ค่าเสียหายต่ำกว่า
ทุนทรัพย์ที่จะถือเป็นหลักฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั้น ให้ถือทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องในศาลชั้นต้นเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่ที่ศาลล่างตัดสินให้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทราคา 4,000 บาทเป็นของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ละเมิดเก็บเกี่ยวข้าวในที่พิพาทไปเป็นราคาเงิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้ว่าค่าเสียหายจะให้เพียง 200 บาทเท่านั้นก็ตาม คู่ความก็ฎีกาข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทราคา 4,000 บาทเป็นของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ละเมิดเก็บเกี่ยวข้าวในที่พิพาทไปเป็นราคาเงิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้ว่าค่าเสียหายจะให้เพียง 200 บาทเท่านั้นก็ตาม คู่ความก็ฎีกาข้อเท็จจริงได้