คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 248

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,123 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมฟ้องจำเลยหลายคนในคดีบุกรุก และการเสียค่าขึ้นศาลก่อนฟังการให้การ
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยแต่ละคนต่างละเมิดสิทธิของโจทก์โดยลำพังตนต่างหากจากกัน โดยจำเลยมิต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อโจทก์เช่นนี้โจทก์จะรวมฟ้องจำเลยทุกคนในคดีเดียวกันหาได้ไม่ โจทก์จะต้องแยกฟ้องจำเลยแต่ละคนเป็นรายสำนวนไป
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แม้โจทก์จะรับว่าเมื่อจำเลยฟ้องระหว่างกันเกี่ยวกับที่รายพิพาทนี้ในคดีอื่นจำเลยจะได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์กันก็ดี แต่ในชั้นที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ จำเลยอาจไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์กับโจทก์ก็ได้ คดีเช่นนี้ยังไม่ควรให้โจทก์ตีราคาทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ในขณะรับฟ้อง ควรรอฟังจำเลยให้การเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในชั้นบังคับคดี แม้มีทุนทรัพย์ใหม่เกิน 2,000 บาท ก็ยังต้องห้าม
คดีเดิมต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้จะเกิดกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดี แม้จะเกิดกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดี โดยมีทุนทรัพย์เกิดขึ้นใหม่ เกิน 2,000 บาท ซึ่งถ้าเป็นคดีพิพาทกันในเบื้องต้นจะอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้ก็ตาม การดำเนินคดีในชั้นบังคับคดีเดิม จะอุทธรณ์ในข้อ เท็จจริงไม่ได้ (คำสั่งคำร้องที่ 68/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในชั้นบังคับคดี: คดีเดิมต้องห้าม แม้มีทุนทรัพย์ใหม่
คดีเดิมต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแม้จะเกิดกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดี โดยมีทุนทรัพย์เกิดขึ้นใหม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งถ้าเป็นคดีพิพาทกันในเบื้องต้นจะอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้ก็ตามการดำเนินคดีในชั้นบังคับคดี ก็ยังต้องถือคดีเดิม จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้(คำสั่งคำร้องที่ 68/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสภาพการสมรสโดยการแยกกันอยู่เป็นเวลานานและการสมรสใหม่ ย่อมทำให้การสมรสเดิมสิ้นสุดลงตามกฎหมาย
คดีพิพาทกันว่า ใครควรเป็นทายาทอันจะมีสิทธิรับบำนาญตกทอดของผู้ตายตาม พ.ร.บ. บำเหน็จบำนาญ พ.ศ. 2494 เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
สามีกับภรรยาคนแรกแยกจากกัน มิได้อยู่ร่วมกันฉันทก์สามีภรรยาทั่ว ๆ ไป เป็นเวลา 35-36 ปี จนกระทั่งสามีถึงแก่กรรม เมื่อภรรยาคนแรกแยกจากสามี ๆ ได้ภรรยาคนที่สองอยู่กินด้วยกันรวม 15 ปี ก็เลิกร้างกันไป แล้วสามีจึงได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนที่สามและอยู่กินร่วมกันประมาณ 20 ปี จนกระทั่งสามีถึงแก่กรรม และปรากฏว่าก่อนที่สามีจะแยกทางกับภรรยาคนแรก ได้มีเรื่องขึ้งโกรธกันขึ้น โดยภรรยาคนแรกประพฤตินอกใจสามี ่จึงต้องละทิ้งสามีไปเที่ยวอาศัยคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง ต่างฝ่ายต่างขาดการติดต่อซึ่งกันและกันฉันท์สามีภรรยา จนเป็นที่เห็นว่าทั้งสองหมดเยื่อใยต่อกัน พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่า สามีและภรรยาคนแรกได้สมัครในหย่าขาดจากสามีภรรยากันแล้วตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย บทที่ 51 แม้มิได้ทำพิธีหย่าเป็นหนังสือ ก็เป็นการใช้ได้ตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสภาพสมรสโดยการแยกกันอยู่เป็นเวลานาน และการรับบำนาญตกทอดหลังการสมรสใหม่
คดีพิพาทกันว่า ใครควรเป็นทายาทอันจะมี สิทธิรับบำนาญตกทอดของผู้ตายตาม พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ พ.ศ.2494 เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
สามีกับภรรยาคนแรกแยกจากกัน มิได้อยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยาทั่วๆ ไป เป็นเวลา 35-36 ปี จนกระทั่งสามีถึงแก่กรรม เมื่อภรรยาคนแรกแยกจากสามีได้ภรรยาคนที่สองอยู่กินด้วยกันรวม 15 ปีก็เลิกร้างกันไป แล้วสามีจึงได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนที่สามและอยู่กินร่วมกันประมาณ 20 ปี จนกระทั่งสามีถึงแก่กรรมและปรากฏว่าก่อนที่สามีจะแยกกับภรรยาคนแรก ได้มีเรื่องขึ้งโกรธกันขึ้นโดยภรรยาคนแรกประพฤตินอกใจสามี จึงต้องละทิ้งสามีไปเที่ยวอาศัยคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง ต่างฝ่ายต่างขาดการติดต่อซึ่งกันและกันฉันท์สามีภรรยา จนเป็นที่เห็นว่าทั้งสองหมดเยื่อใยต่อกัน พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่า สามีและภรรยาคนแรกได้สมัครใจหย่าขาดจากสามีภรรยากันแล้วตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย บทที่ 51 แม้มิได้ทำพิธีหย่าเป็นหนังสือ ก็เป็นการใช้ได้ตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถราง ชนรถยนต์เก๋ง ศาลฎีกาพิจารณาหลักฐานการกระทำและเหตุผลในการตัดสิน
รถยนต์เก๋งออกพ้นปากตรอกมาคารางรถรางอยู่ก่อนแล้วและไม่สามารถจะแล่นต่อไปในถนนได้ เพราะกำลังมีรถยนต์แล่นผ่านไปมาทั้งจะถอยหลังก็ไม่ได้เพราะจะชนรถยนต์บรรทุกที่แล่นสวนเข้าตรอกไปเวลานั้นจำเลยกำลังขับรถรางมาและจำเลยเห็นรถยนต์เก๋งในระยะไกลประมาณ 30 เมตรจำเลยก็ไม่หยุดหรือเบารถราง แต่จำเลยกลับโบกมือให้รถยนต์เก๋งถอยออกไป ต่อเมื่อเข้ามาในระยะใกล้แล้วจำเลยจึงได้พยายามหยุดรถ แต่หยุดไม่ทันท่วงทีรถรางจึงชนรถยนต์เก๋งเสียหาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว
ฎีกาว่า ศาลฟังข้อเท็จจริงโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนสนับสนุน เป็นฎีกาในข้อกฎหมาย
แต่ถ้าฎีกาว่า ศาลฟังโดยมีพยานหลักฐานแต่ไม่ควรฟังดังนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถราง ชนรถยนต์เก๋ง ผู้ขับมีหน้าที่ต้องเบารถหรือหยุดเมื่อเห็นรถเก๋งอยู่ในสถานการณ์คับขัน
รถยนต์เก๋งออกพ้นปากตรอกมาคารางรถรางอยู่ก่อนแล้ว และไม่สามารถจะแล่นต่อไปในถนนได้ เพราะกำลังมีรถยนต์แล่นผ่านไปมา ทั้งจะถอยหลังก็ไม่ได้ เพราะจะชนรถยนต์บรรทุกที่แล่นสวนเข้าตรอกไป เวลานั้นจำเลยกำลังขับรถรางมาและจำเลยเห็นรถยนต์เก๋งในระยะประมาณ 30 เมตร จำเลยก็ไม่หยุดหรือเบารถราง แต่จำเลยกลับโบกมือให้รถยนต์เก๋งถอยออกไป ต่อเมื่อเข้ามาในระยะใกล้แล้วจำเลยจึงได้พยายามหยุดรถ แต่หยุดไม่ทันท่วงที รถรางถึงชนรถยนต์เก๋งเสียหาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว
ฎีกาว่า ศาลฟังข้อเท็จจริงโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนสนับสนุน เป็นฎีกาในข้อกฎหมาย
แต่ถ้าฎีกาว่า ศาลฟังโดยมีพยานหลักฐานแต่ไม่ควรฟังดังนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฎีกาข้อเท็จจริง: การท้าคดีและการพิจารณาตามคำเบิกความพยาน
'ความเห็นแย้ง' ตามความในมาตรา 248 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมายความถึงความเห็นแย้งเกี่ยวแก่ข้อเท็จจริง
ถ้ามีความเห็นแย้งเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความจะฎีกาเถียงข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฎีกาในคดีแพ่ง: การโต้เถียงข้อเท็จจริงเกินกรอบคำคู่ความ และข้อจำกัดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248
"ความเห็นแย้ง" ตามความในมาตรา 248 แห่ง ป.วิ. พ. หมายความถึงความเห็นแย้งเกี่ยวแก่ข้อเท็จจริง
ถ้ามีความเห็นแย้งเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความจะฎีกาเถียงข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371-376/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเพราะเกินอำนาจศาลชั้นต้นและไม่ได้ยกประเด็นสัญญาเช่าในชั้นต้น
โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในฐานละเมิดโดยการบุกรุกเข้าไปปลูกโรงเรือนอยู่ในที่ดินของโจทก์ อันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจึงขอให้ขับไล่และชดใช้ค่าเสียหายในฐานละเมิดเช่นนี้เป็นคดีที่มีทุนทรัพย์
of 113