พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246-1247/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกา, การครอบครองทรัพย์สิน, สิทธิเจ้าของรวม, อายุความ
คดีสองเรื่องพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์รายเดียวกัน สำนวนแรกตั้งทุนทรัพย์มาเกิน 2,000 บาท ส่วนสำนวนหลังตั้งทุนทรัพย์มาไม่เกิน 2,000 บาท (คือ2,000 บาท ดังนั้นเฉพาะคดีหลังย่อมต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (อ้างฎีกาที่ 79,80/2494)
กล่าวฟ้องว่าโจทก์และผู้มีชื่อในโฉนดปกครองร่วมกันมาทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าเมื่อซื้อแล้วก็ใส่ชื่อผู้ซื้อในโฉนดแล้วโจทก์และผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลปกครองที่ดิน ดังนี้ย่อมถือว่าเป็นการสืบถูกต้องตามประเด็นในฟ้องแล้ว
เมื่อปรากฏว่าจำเลยครอบครองแทนผู้มีชื่อในโฉนดอื่นแล้วอายุความฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตาม มาตรา 1375 ก็ไม่ตั้งต้นจนกว่าจะได้บอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองคือเจ้าของอีกต่อไปตาม มาตรา 1381
เจ้าของรวมคนหนึ่งในโฉนดมีสิทธิจำหน่ายส่วนที่ตนมีสิทธิได้ตาม มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง เพราะไม่ใช่เป็นการจำหน่ายตัวทรัพย์สินทั้งหมดตาม ในวรรคสอง
กล่าวฟ้องว่าโจทก์และผู้มีชื่อในโฉนดปกครองร่วมกันมาทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าเมื่อซื้อแล้วก็ใส่ชื่อผู้ซื้อในโฉนดแล้วโจทก์และผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลปกครองที่ดิน ดังนี้ย่อมถือว่าเป็นการสืบถูกต้องตามประเด็นในฟ้องแล้ว
เมื่อปรากฏว่าจำเลยครอบครองแทนผู้มีชื่อในโฉนดอื่นแล้วอายุความฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองตาม มาตรา 1375 ก็ไม่ตั้งต้นจนกว่าจะได้บอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองคือเจ้าของอีกต่อไปตาม มาตรา 1381
เจ้าของรวมคนหนึ่งในโฉนดมีสิทธิจำหน่ายส่วนที่ตนมีสิทธิได้ตาม มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง เพราะไม่ใช่เป็นการจำหน่ายตัวทรัพย์สินทั้งหมดตาม ในวรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่ ค่าเช่าต่ำ & การใช้ห้องเช่าเพื่อค้า ไม่ได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีฟ้องขับไล่ออกจากห้องเช่าเดือนละ 12 บาท เป็นคดีมโนสาเร่อันต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม.224 เมื่อฟ้องอุทธรณ์ส่วนมากเป็นข้อเท็จจริงและศาลชั้นต้นสั่ง "รับอุทธรณ์" เฉย ๆ ไม่มีข้อความแสดงว่ารับรองว่าให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย กรณีก็ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้น ศาลอุทธรณ์หาจำต้องรับวินิจฉัยให้ไม่
อันว่าสิทธิรับมอบให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม.248 นั้นต้องเป็นข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงต้องห้ามมาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้วจะกลับมารับรองเพื่อรื้อฟื้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยใหม่หาได้ไม่
การใช้ห้องเช่าทำเป็นร้านตัดผมเป็นการใช้เพื่อทำการค้าหาใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ไม่
อันว่าสิทธิรับมอบให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม.248 นั้นต้องเป็นข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงต้องห้ามมาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้วจะกลับมารับรองเพื่อรื้อฟื้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยใหม่หาได้ไม่
การใช้ห้องเช่าทำเป็นร้านตัดผมเป็นการใช้เพื่อทำการค้าหาใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่และการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง: ข้อจำกัดตามกฎหมายและข้อยกเว้น
คดีฟ้องขับไล่ออกจากห้องเช่าเดือนละ 12 บาทเป็นคดีมโนสาเร่อันต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 224 เมื่อฟ้องอุทธรณ์ส่วนมากเป็นข้อเท็จจริง และศาลชั้นต้นสั่ง " รับอุทธรณ์" เฉยๆ ไม่มีข้อความแสดงว่ารับรองว่าให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย กรณีก็ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้น ศาลอุทธรณ์หาจำต้องรับวินิจฉัยให้ไม่
อันว่าสิทธิรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม มาตรา 248นั้นต้องเป็นข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงต้องห้ามมาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้วจะกลับมารับรองเพื่อรื้อฟื้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยใหม่หาได้ไม่
การใช้ห้องเช่าทำเป็นร้านดัดผมเป็นการใช้เพื่อทำการค้าหาใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ไม่
อันว่าสิทธิรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม มาตรา 248นั้นต้องเป็นข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงต้องห้ามมาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้วจะกลับมารับรองเพื่อรื้อฟื้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยใหม่หาได้ไม่
การใช้ห้องเช่าทำเป็นร้านดัดผมเป็นการใช้เพื่อทำการค้าหาใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651-1652/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การครอบครองเพื่อรักษาไว้เป็นของกลาง ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์, การยกให้และการครอบครอง
โจทก์จำเลยพิพาทเป็นคดีสองเรื่อง เรื่องหนึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท อีกคดีหนึ่งเป็นคดีพิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาแก้เฉพาะสำนวนมีทุนทรัพย์ให้แบ่งทรัพย์ที่ฟ้องคนละครึ่ง จำเลยเป็นฝ่ายฎีกาขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร ในคดีพิพาทไม่มีทุนทรัพย์ทั้งไม่มีเหตุสำหรับฎีกา ประกอบทั้งคดีที่พิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และถือว่าจำเลยฎีกาขึ้นมาเพียงคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาทคดีเดียว
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฏว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฏว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651-1652/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครอง: การครอบครองเพื่อรักษาเป็นของกลาง ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
โจทก์จำเลยพิพาทเป็นคดีสองเรื่อง เรื่องหนึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท อีกคดีหนึ่งเป็นคดีพิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาแก้เฉพาะสำนวนมีทุนทรัพย์ให้แบ่งทรัพย์ที่ฟ้องคนละครึ่ง จำเลยเป็นฝ่ายฎีกาขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร ในคดีพิพาทไม่มีทุนทรัพย์ทั้งไม่มีเหตุสำหรับฎีกา ประกอบทั้งคดีที่พิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และถือว่าจำเลยฎีกาขึ้นมาเพียงคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาทคดีเดียว
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฏว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฏว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651-1652/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: การครอบครองเพื่อรักษาไว้เป็นของกลาง ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ
โจทก์จำเลยพิพาทเป็นคดีสองเรื่อง ๆ หนึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท อีกคดีหนึ่งเป็นคดีพิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาแก้เฉพาะสำนวนมีทุนทรัพย์ให้แบ่งทรัพย์ที่ฟ้องคนละครึ่ง จำเลยเป็นฝ่ายฎีกาขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร ในคดีพิพาทไม่มีทุนทรัพย์ทั้งไม่มีเหตุสำหรับฎีกา ประกอบทั้งคดีที่พิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามวิ.แพ่ง ม. 248 และถือว่าจำเลยฎีกาขึ้นมาเพียงคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาทคดีเดียว
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มมอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้นโจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฎว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวก่อนเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มมอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้นโจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฎว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวก่อนเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดิน 2 ตอน ตอนที่ 1 ราคา 50 บาท ตอนที่ 2 ราคา 400 บาท ต่างเถียงกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ตอนที่ 1 ราคา 50 บาทเป็นของโจทก์ นอกนั้นยืนเช่นนี้เป็นการแก้ไขน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (ฎีกาที่ 181/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เพียงเล็กน้อย ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.248
โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดิน 2 ตอน ตอนที่ 1 ราคา 50 บาท ตอนที่ 2 ราคา 400 บาท ต่างเถียงกันในเรื่องกรรมสิทธิ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ตอนที่ 1 ราคา 50 บาทเป็นของโจทก์ นอกนั้นยืนเช่นนี้เป็นการแก้ไขน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.แพ่ง ม. 248
(ฎีกาที่ 181/2492)
(ฎีกาที่ 181/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เล็กน้อยในข้อเท็จจริงและขอบเขตของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทำให้จำเลยฎีกาไม่ได้
โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดิน 2 ตอน ตอนที่ 1 ราคา 50 บาท ตอนที่ 2 ราคา 400 บาท ต่างเถียงกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ตอนที่ 1 ราคา 50 บาทเป็นของโจทก์ นอกนั้นยืนเช่นนี้เป็นการแก้ไขน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (ฎีกาที่ 181/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดทุนทรัพย์ฟ้อง และข้อจำกัดในการอุทธรณ์ฎีกาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่มิได้ฟ้องแย้ง
จำนวนทุนทรัพย์ ที่เรียกร้องไม่เกิน 2 พันบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ตั้งทุนทรัพย์โดยขอแบ่งส่วนมรดกเพียง 500 บาท จำเลยฎีกาตั้งทุนทรัพย์มาโดยคิดค่าสินเดิมที่ขาดไปและอื่น ๆ รวมราคา 2930 บาทหาได้ฟ้องแย้งเข้ามา ดังนี้ไม่ให้ทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง เป็นแต่เพียงการขอให้หักจากสินสมรสก่อนแบ่งเท่านั้น
โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกและก่ออ้างถึงสินเดิม แม้ไม่ได้ระบุสินเดิมมีอะไรบ้างฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงสินเดิมก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกและก่ออ้างถึงสินเดิม แม้ไม่ได้ระบุสินเดิมมีอะไรบ้างฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงสินเดิมก็เพียงประสงค์เพื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่งสินสมรสอย่างไรเท่านั้น หาได้ขอเรียกหรือขอให้หักสินเดิมจากสินสมรสไม่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม