พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์เมื่อข้อเท็จจริงไม่สมควรคุ้มครอง
ในคดีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยในประเด็นข้อเท็จจริง ทำให้ฎีกาต้องห้าม
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลงอันมีราคา 1500 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินแปลงหนึ่งเป็นของจำเลย ให้ขับไล่จำเลยออกจากที่อีกแปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลย จำเลยฎีกาและตั้งทุนทรัพย์ที่ดินที่ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นของจำเลยราคา 700 บาท ดังนี้ ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 248.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยในประเด็นข้อเท็จจริง ทำให้จำเลยไม่สามารถอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเดิมได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลงอันมีราคา 1,500 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินแปลงหนึ่งเป็นของจำเลย ให้ขับไล่จำเลยออกจากที่อีกแปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลย จำเลยฎีกาและตั้งทุนทรัพย์ที่ดินที่ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นของจำเลยราคา 700 บาท ดังนี้ ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เนื่องจากเป็นการแก้ไขเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่นเขยิบเสาเรือนต้นสุดท้ายริมน้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย 2 ศอก และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องขัดขวางโจทก์ที่จะใช้สิทธิบนเส้นทางเดินต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยรื้อถอนเสาเรือนและสิ่งกีดขวางเปิดทางให้ได้ความกว้าง 1 วา 22 นิ้ว ให้จำเลยทำทางทำสะพานให้เป็นไปตามสภาพเดิม ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยศาลอุทธรณ์: ขอบเขตการแก้ไขเล็กน้อยตาม ป.วิ.แพ่ง 248
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่นเขยิบเสาเรือนต้นสุดท้ายริมน้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย 2 ศอก และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องขัดขวางโจทก์ที่จะใช้สิทธิบนเส้นทางเดินต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยรื้อถอนเสาเรือนและสิ่งกีดขวางเปิดทางให้ได้ความกว้าง 1 วา 22 นิ้ว ให้จำเลยทำทางทำสะพานให้เป็นไปตามสภาพเดิม ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 248.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขาย: การตีความสัญญาจากข้อความในฟ้องและหลักฐานที่อ้างอิง
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า โจทก์ตกลงซื้อนาจากจำเลย ชำระราคาแล้ว และเข้าครอบครองตลอดมา หลักฐานการจะซื้อขายอยู่ที่ทำการสหกรณ์ ยังไม่ได้โอนกันตามระเบียบ จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนขาย ฟ้องดังนี้ตีความได้ว่า สัญญาระหว่างโจทก์จำเลย เป็นสัญญาจะซื้อขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทจากการครอบครองเกิน 10 ปี แม้การซื้อขายเดิมไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยเป็นผู้อาศัยจำเลยเถียงว่าเรือนเป็นของจำเลย โจทก์เป็นผู้อาศัย ประเด็นจึงมีว่าเรือนเป็นของใครโจทก์ย่อมนำสืบว่าเรือนเป็นของโจทก์เพราะครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้วได้ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายข้อเท็จจริงในฟ้องถึงการได้มาซึ่งเรือนพิพาท ก็ย่อมนำสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ได้ หากจำเลยเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ยังไม่ชัดแจ้ง จำเลยก็ชอบที่จะขอร้องต่อศาลในชั้นชี้สองสถานและให้ศาลสอบถามโจทก์ให้ได้ความชัดขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183
โจทก์ได้ซื้อเรือนพิพาทจากบิดามารดาจำเลย และโจทก์ได้ครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้วแม้การซื้อขายจะขัดกับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และ 1299 หรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว
ข้อนำสืบของโจทก์จะหักล้างข้อสันนิษฐานซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ได้ซื้อเรือนพิพาทจากบิดามารดาจำเลย และโจทก์ได้ครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้วแม้การซื้อขายจะขัดกับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และ 1299 หรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว
ข้อนำสืบของโจทก์จะหักล้างข้อสันนิษฐานซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้น้อยฎีกาต้องห้าม: ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาเฉพาะบางส่วน
ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดิน 2 แปลง ราคา 600 บาทศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์แก้ ให้เพิกถอนเฉพาะการซื้อขายที่แปลงเดียวดังนี้เป็นการแก้น้อยต้องห้ามฎีกา ตามมาตรา 248 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/92)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่มีกำหนดระยะเวลา ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ แม้ตัวแทนไม่ใช่คู่สัญญา
สัญญาเช่าที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาเช่า ผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566
จำเลยให้การว่าการบอกเลิกสัญญาของนายสถิตย์ไม่มีผลตามกฎหมายเพราะนายสถิตย์ไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลย จำเลยทำสัญญาเช่ากับนายแม้นต่างหาก จำเลยไม่ได้กล่าวให้มีประเด็นไว้ในคำให้การว่า นายสถิตย์ไม่ใช่ตัวแทนของโจทก์ในการบอกเลิกสัญญา ฉะนั้นเพียงแต่คำให้การของจำเลย จึงยังไม่พอจะชี้ได้ว่าการบอกเลิกสัญญานั้น ไม่มีผลตามกฎหมาย
คดีที่จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งชี้ขาด จำเลยจะยกขึ้นฎีกาไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 1/2492)
จำเลยให้การว่าการบอกเลิกสัญญาของนายสถิตย์ไม่มีผลตามกฎหมายเพราะนายสถิตย์ไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลย จำเลยทำสัญญาเช่ากับนายแม้นต่างหาก จำเลยไม่ได้กล่าวให้มีประเด็นไว้ในคำให้การว่า นายสถิตย์ไม่ใช่ตัวแทนของโจทก์ในการบอกเลิกสัญญา ฉะนั้นเพียงแต่คำให้การของจำเลย จึงยังไม่พอจะชี้ได้ว่าการบอกเลิกสัญญานั้น ไม่มีผลตามกฎหมาย
คดีที่จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งชี้ขาด จำเลยจะยกขึ้นฎีกาไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 1/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม หากมีเหตุเปลี่ยนแปลงอาจขอแก้ไขได้
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่ศาลกำหนดให้นั้น ต่อไปถ้ามีเหตุอันควรแก้ไขประการใดอาจร้องขอต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1596 ได้
คดีที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตร เป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว ฎีกาได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 248 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตร เป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว ฎีกาได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 248 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง