คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 335 (3)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5420/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์โดยผ่านสิ่งกีดกั้น: การเปิดประตูรถยนต์ที่ล็อกไว้ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยเปิดประตูรถยนต์ซึ่งล็อกไว้ แล้วเข้าไปลักวิทยุเทปที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์เป็นการผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์เข้าไปลักทรัพย์ เป็นความผิดตามป.อ.มาตรา 335 (3) วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2407/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้ไม่ได้ฟ้องฐานบุกรุก แต่หากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์รวมถึงการบุกรุก ศาลลงโทษฐานบุกรุกได้ตามกฎหมาย
แม้โจทก์จะมิได้ระบุขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนตาม ป.อ. มาตรา 364,365(3) แต่ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ตามมาตรา 335(1)(3)(8) ที่โจทก์ฟ้อง โจทก์บรรยายการกระทำของจำเลย ซึ่งรวมเอาการบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน อันเป็นความผิดตามมาตรา 364,365(3) ได้อยู่ในตัวเองไว้ด้วย ทั้งความผิดตามมาตรา364,365(3) ยังมีโทษเบากว่าความผิดตามมาตรา 335(1)(3)(8)ที่โจทก์ฟ้อง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเช่นนี้ ศาลจึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 364,365(3) ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ในเคหสถาน: การเข้าโดยไม่ทำลายสิ่งกีดกั้น และประเด็นการอุทธรณ์ไม่ครบถ้วน
การลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไป จะต้องมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับสิ่งกีดกั้นแล้วผ่านเข้าไป เมื่อประตูหน้องนอนที่เปิดอยู่มิได้มีสภาพเป็นสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์ จำเลยซึ่งผู้เสียหายเชิญให้มาร่วมฉลองปีใหม่ที่บ้านเดินขึ้นไปชั้นบนเข้าห้องนอนทางประตูดังกล่าวซึ่งเปิดอยู่แล้วลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(3) เท่ากับศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดตามมาตรา335(8) เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา335(8) ด้วย ปัญหาที่ว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราดังกล่าวหรือไม่ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์โดยใช้กุญแจปลอมและการลงโทษที่ไม่ตรงกับฟ้อง: ศาลฎีกายกเลิกโทษฐานแปลงตัวและรับของโจร
การที่จำเลยใช้ลูกกุญแจปลอมไขกุญแจประตูรถและติดเครื่องยนต์มิใช่เป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ และกุญแจประตูรถเป็นส่วนหนึ่งของรถ จำเลยลักรถยนต์ไปทั้งคัน ถือไม่ได้ว่าเป็นการลักทรัพย์โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ตาม มาตรา 335(3)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลักรถยนต์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงานยศร้อยตรี อันเป็นการมุ่งประสงค์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3) ฐานลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงานมิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานลักทรัพย์โดยแปลงหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่นตามมาตรา 335(5) การที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตาม มาตรา 335(5) จึงเป็นการลงโทษในเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ แต่เมื่อศาลชั้นต้นไม่ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 335(6) โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาจึงคงลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ตาม มาตรา 334 เท่านั้น
ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีพ.ศ. 2526 มาตรา 4 ใช้บังคับบัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับโดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้น ๆ ปรากฏว่าความผิดฐานรับของโจรที่โจทก์ถือเป็นเหตุขอเพิ่มโทษจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2525 จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์และการลงโทษที่ไม่ตรงตามประสงค์โจทก์ รวมถึงการล้างมลทิน
การที่จำเลยใช้ลูกกุญแจปลอมไขกุญแจประตูรถและติด เครื่องยนต์มิใช่เป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับ คุ้มครองทรัพย์ และกุญแจประตูรถเป็นส่วนหนึ่งของรถ จำเลยลักรถยนต์ไปทั้งคัน ถือไม่ได้ว่าเป็นการลักทรัพย์โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ตาม มาตรา 335(3) โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลักรถยนต์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงานยศร้อยตรี อันเป็นการมุ่งประสงค์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3) ฐานลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงานมิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานลักทรัพย์โดยแปลงหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่นตามมาตรา 335(5)การที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตาม มาตรา 335(5) จึงเป็นการลงโทษในเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ แต่เมื่อศาลชั้นต้นไม่ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 335(6) โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาจึงคงลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 เท่านั้น ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีพ.ศ. 2526 มาตรา 4 ใช้บังคับบัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับโดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้น ๆ ปรากฏว่าความผิดฐานรับของโจร ที่โจทก์ถือเป็นเหตุ ขอเพิ่มโทษจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2525 จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2822/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานชิงทรัพย์เมื่อไม่มีพฤติการณ์ข่มขู่ หรือใช้กำลังประทุษร้าย
จำเลยกับพวกเข้าไปลักทรัพย์ของผู้เสียหายในเวลากลางคืนแล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมเดินเข้าไปในห้องนอนผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายตะโกนเรียกให้บิดาช่วยทันทีที่เห็นจำเลยจำเลยผละวิ่งหนีออกจากห้องนอนในขณะนั้นโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้มีดจ้องจี้หรือแสดงท่าทีให้เห็นว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ คงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2250/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากจำเลยไม่มีทนาย และการพิพากษาความผิดฐานลักทรัพย์โดยมิชอบ
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มีทนาย แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีทนาย ฎีกาทำเป็นฉบับเดียว ลงชื่อทนายของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เป็นผู้ฎีกา จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีทนาย ไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้ฎีกาด้วย ฉะนั้น แม้ฎีกาฉบับนี้จะได้ระบุชื่อของจำเลยที่ 1 ไว้ในฎีกาหน้าแรกว่าเป็นผู้หนึ่งที่ขอยื่นฎีกาด้วยก็ตาม ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นฎีกาของจำเลยที่1 ด้วย ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งห้า ซึ่งหมายรวมถึงจำเลยที่ 1 ด้วยนั้น จึงคลาดเคลื่อน ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เท่านั้น ฎีกา
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3) นั้นต้องเป็นการลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ แต่ตามฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 1 ใช้กุญแจผิดกฎหมายไขตู้โชว์แล้วลักเอาทรัพย์ไป ฉะนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ก็ไม่ใช่เป็นการลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไป ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2250/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่สมบูรณ์เมื่อจำเลยบางส่วนไม่มีทนาย และการตีความประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มีทนาย แต่จำเลยที่ 1ไม่มีทนาย ฎีกาทำเป็นฉบับเดียว ลงชื่อทนายของจำเลยที่ 2ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เป็นผู้ฎีกา จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีทนายไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้ฎีกาด้วย ฉะนั้น แม้ฎีกาฉบับนี้จะได้ระบุชื่อของจำเลยที่ 1 ไว้ในฎีกาหน้าแรกว่าเป็นผู้หนึ่งที่ขอยื่นฎีกาด้วยก็ตาม ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นฎีกาของจำเลยที่1 ด้วย ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งห้า ซึ่งหมายรวมถึงจำเลยที่ 1 ด้วยนั้น จึงคลาดเคลื่อน ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 และที่ 5 เท่านั้น ฎีกา
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3) นั้นต้องเป็นการลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ แต่ตามฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 1 ใช้กุญแจผิดกฎหมายไขตู้โชว์แล้วลักเอาทรัพย์ไป ฉะนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ก็ไม่ใช่เป็นการลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไป ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ด้วยการใช้กุญแจไข ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยองค์ประกอบพิเศษ
จำเลยลักรถจักรยานยนต์โดยใช้ลูกกุญแจไขกุญแจรถซึ่งใส่ไว้.เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดาตาม มาตรา 334. ไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์โดยองค์ประกอบพิเศษตามมาตรา 335(3). เพราะกุญแจรถที่ใส่ไว้ไม่ใช่สิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์เหมือนเช่นรั้วหรือลูกกรงหน้าต่างประตู. ทั้งการไขกุญแจก็หาใช่เป็นการทำอันตรายแก่ตัวกุญแจอันจะเข้าเกณฑ์ตามอนุบัญญัติดังกล่าวไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์โดยใช้กุญแจไข ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยองค์ประกอบพิเศษ
จำเลยลักรถจักรยานยนต์โดยใช้ลูกกุญแจไขกุญแจรถซึ่งใส่ไว้ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดาตาม มาตรา 334 ไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์โดยองค์ประกอบพิเศษตามมาตรา 335 (3) เพราะกุญแจรถที่ใส่ไว้ไม่ใช่สิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์เหมือนเช่นรั้วหรือลูกกรงหน้าต่างประตู ทั้งการไขกุญแจก็หาใช่การทำอันตรายแก่ตัวกุญแจอันจะเข้าเกณฑ์ตามอนุบัญญัติดังกล่าวไม่
of 3