คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 191

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นการรายงานการหลบหนีของนักโทษ และร่วมกันปลอมเอกสารเพื่อช่วยเหลือ
การบรรยายฟ้องเรื่องปลอมเอกสารที่ถือว่าไม่เคลือบคลุม
จำเลยที่ 1 เป็นพัสดีเรือนจำ จำเลยที่ 2 เป็นผู้คุมชั้น 2 จำเลยที่ 2 คุมนักโทษไปทำงานนอกเรือนจำแล้วนักโทษเกิดหลบหนีไป จำเลยที่ 2 รายงานให้จำเลยที่ 1 ทราบ จำเลยที่ 1 ให้ปกปิดไว้ก่อนเพื่อติดตามตัวเมื่อติดตามไม่ได้ จำเลยทั้งสองมิได้จัดการอย่างไร คงปกปิดไว้มิได้รายงานต่อผู้บัญชาการเรือนจำตามระเบียบ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงถือว่าเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13
ครั้นเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันลงชื่อนักโทษที่หลบหนีนั้นในบัญชีรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาลดโทษ คณะกรรมการฯ หลงเชื่อว่านักโทษผู้นั้นยังมีตัวอยู่ในเรือนจำจึงลงมติลดโทษให้ 1 ใน 5 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
เมื่อถึงเวลาครบกำหนดที่นักโทษผู้นั้นจะพ้นโทษตามหมายจำคุกของศาล จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำ ดังนี้ (1) สลักหลังหมายจำคุกของนักโทษผู้นั้น รับรองว่าได้ตรวจสอบถูกต้องแล้ว เสนอปล่อยตัวในวันที่1 เมษายน 2507 โดยจำเลยที่ 2 เป็นคนพิมพ์ จำเลยที่ 1 เป็นคนลงนาม (2) ร่วมกันปลอมเอกสารใบสุทธิของนักโทษผู้นั้น โดยจำเลยที่ 2 ลงลายพิมพ์นิ้วมือของตนเองแทนนักโทษและจำเลยที่ 1 ลงนามตรวจรับรอง (3) จำเลยที่ 2 ลงลายพิมพ์นิ้วมือของตนแทนนักโทษในช่องเมื่อพ้นโทษ ในทะเบียนรายตัวผู้ต้องคุมขังของนักโทษผู้นั้น (4) จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำหนังสือของผู้บัญชาการเรือนจำถึงนายอำเภอสามเงาว่านักโทษผู้นั้นพ้นโทษจะกลับไปอยู่อำเภอสามเงาภูมิลำเนาเดิม แล้วเสนอหนังสือนั้นให้ผู้บัญชาการลงนามโดยจำเลยที่ 2 เป็นคนพิมพ์ จำเลยที่ 1 เป็นคนตรวจรับรอง การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 264, 265 อีกกระทงหนึ่ง แต่ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดกระทงเดียว โดยจำคุกคนละ 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีจากเจ้าพนักงาน: ศาลอุทธรณ์ลงโทษตามมาตรา 191 ได้ แม้ฟ้องขอตามมาตรา 189
ขณะที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวผู้ต้องหามา จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ผู้ต้องหาเป็นลูกบ้านมาพูดรับรองขอเอาตัวผู้ต้องหาไปพูดจากันประเดี๋ยวเดียวแล้วจะส่งคืน อันเป็นการที่จำเลยมีเจตนาจะช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปและจำเลยได้ช่วยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปทั้งที่เจ้าพนักงานได้ตามไปนั่งคอยรับตัวผู้ต้องหาอยู่ที่หน้าบ้านของจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ทำการช่วยเหลือผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในระหว่างการควบคุมให้หลุดพ้นไป
กรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องชัดเจนพอประกอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 แล้ว และไม่ต้องด้วยมาตรา189
โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 189 ซึ่งเป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลก็มีอำนาจวางบทและวางโทษตามมาตรา 191 อันเป็นบทที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ทั้งนี้แม้อัตราโทษตามมาตรา 191 สูงกว่ามาตรา 189 ก็ตาม เพราะบทบัญญัติวรรคสี่ เป็นข้อยกเว้นของวรรคแรก
จำเลยจะอ้างว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีระหว่างถูกควบคุม เจ้าพนักงานมีอำนาจลงโทษตามบทที่ถูกต้อง แม้ฟ้องผิดฐาน
ขณะที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวผู้ต้องหามา จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ผู้ต้องหาเป็นลูกบ้านมาพูดรับรองขอเอาตัวผู้ต้องหาไปพูดจากันประเดี๋ยวเดียวแล้วจะส่งคืน อันเป็นการที่จำเลยมีเจตนาจะช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปและจำเลยได้ช่วยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปทั้งที่เจ้าพนักงานได้ตามไปนั่งคอยรับตัวผู้ต้องหาอยู่ที่หน้าบ้านของจำเลยที่ 2 ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ทำการช่วยเหลือผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในระหว่างการควบคุมให้หลุดพ้นไป
กรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องชัดเจนพอประกอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 191 แล้ว และไม่ต้องด้วยมาตรา 189
โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 189 ซึ่งเป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลก็มีอำนาจวางบทและวางโทษตามมาตรา 191 อันเป็นบทที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรค 4 ทั้งนี้แม้อัตราโทษตามมาตรา 191 สูงกว่ามาตรา 189 ก็ตาม เพราะบทบัญญัติวรรค 4 เป็นข้อยกเว้นของวรรคแรกจำเลยจะอ้างว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาผู้ต้องขังหลุดพ้นจากการคุมขัง แม้จะไปด้วยกัน ก็ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๔
จำเลยเป็นตำรวจอยู่เวรรักษาเหตุการณ์บนสถานีตำรวจ ได้นำผู้ต้องขังตามหมายขังของศาลไปเสียจากที่คุมขังบนสถานีตำรวจ พาไปเที่ยวหาความสำราญในตลาด แม้ว่าจำเลยจะไปด้วยกับผู้ต้องขังนั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นการควบคุมจำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 204 เพราะเป็นเรื่องไปเที่ยวหาความสำราญ ถือได้ว่า จำเลยได้กระทำให้ผู้ต้องขังหลุดพ้นจากการคุมขังไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน: การขุดทำนบเพื่อระบายน้ำ
คดีที่ฟ้องว่าจำเลยหาว่า+ทำลายทำนบกั้นน้ำหนองสาธารณะชำรุดเสียหายอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ตามมาตรา 191 นั้นเพียงแต่ โจทก์มีพยานสืบแต่ว่าจำเลยขุดทำนบกั้นน้ำสาธารณะเพื่อระบายน้ำออกไป โดยเกรงน้ำจะท่วมนาจำเลย ที่จำเลยกระทำเช่นนั้นจะสามารถอาจจะเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ได้อย่างไรหรือไม่ ไม่ปรากฏ กลับปรากฏตามคำพะยานโจทก์อีกว่าถ้าน้ำในหนองมากก็ต้องเปิดทำนบระบายน้ำออกเหมือนกันเช่นนี้ ถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ครบองค์ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 191.
ยังลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและขอบเขตความรับผิดในความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ
จำเลยรับว่าได้ทำลายฝายพนังกั้นน้ำจริง แต่เพื่อให้น้ำลดพอดำข้าวได้ ดังนี้ถือว่ารับสารภาพตามฟ้องแล้ว เป็นแต่อธิบายนอกออกไปว่า ไม่ใช่ปฏิเสธฟ้องโจทก์อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต้องระบุความเสียหายและผู้เสียหาย มิฉะนั้นศาลไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขุดทำนบหนองสาธารณะให้เสียหายเมื่อฟ้องโจทก์มิได้ระบุว่าการกระทำของจำเลยสามารถอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ใดหรือสิ่งใดได้แล้วจะลงโทษจำเลยตาม ม.191 มิได้อ้างฎีกาที่ 656/2479 ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์นั้นเมื่อไม่ปรากฎว่าผู้ที่ได้รับความเสียหายได้มาร้องทุกข์แล้วพนักงานอัยยการก็ไม่มีอำนาจนำคดีขึ้นว่ากล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายสิ่งกีดขวางน้ำและการพิสูจน์องค์ประกอบความผิดทางอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำลายทำนบกั้นน้ำเป็นเหตุให้ราษฎรเดือดร้อนหาได้กล่าวว่าอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายและเสียหายแก่ราษฎรไม่เช่นนี้ ศาลไม่รับพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความหมายของ 'ทำนบ' ตาม ม.191: การกั้นน้ำเพื่อการเกษตร และความรับผิดทางอาญา
คำว่า "ทำนบ" ตาม ม.191หมายถึงทำนบที่ทำไว้สำหรับกั้นน้ำ หาได้หมายฉะเพาะทำนบที่กั้นน้ำไว้สำหรับใช้ในการไปมาเท่านั้นไม่ จำเลยชุดทำนบซึ่งใช้กั้นน้ำไว้สำหรับหล่อเลี้ยงต้นเข้าโดยปล่อยให้น้ำไหลออกอันอาจเป็นอันตรายแก่ต้นเข้าที่ปลูกไว้ดังนี้มีผิดตามมาตรา 191 วิธีพิจารณางดสืบพะยานจำเลยตัดสินโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขุดทำนบสำหรับกั้นน้ำไว้เพื่อหล่อเลี้ยงต้นเข้าจำเลยรับว่าได้ขุดทำนบที่ทำไว้สำหรับหล่อเลี้ยงต้นเข้าให้น้ำไหลไปจริง ดังนี้ ศาลลงโทษตาม ม.191 ได้โดยไม่ต้องสืบพะยานจำเลย
of 2