พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,286 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2870/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีจราจร: ศาลฎีกายกฟ้องข้อหาจราจรที่ขาดอายุความ แม้ไม่มีการอุทธรณ์
ข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา43,78,157,160วรรคหนึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่1เดือนลงมาจึงมีอายุความเพียง1ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา95(5)จำเลยกระทำความผิดวันที่4มกราคม2529นับถึงวันฟ้องคือวันที่8มิถุนายน2537คดีของโจทก์สำหรับความผิดตามมาตราดังกล่าวจึงเป็นอันขาดอายุความสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(6)ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2870/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีจราจร: ศาลฎีกาพิจารณาเองได้แม้ไม่มีการอุทธรณ์
ข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา43, 78, 157, 160 วรรคหนึ่ง มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 เดือนลงมา จึงมีอายุความเพียง 1 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 95 (5) จำเลยกระทำความผิดวันที่ 4 มกราคม 2529 นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 8 มิถุนายน 2537 คดีของโจทก์สำหรับความผิดตามมาตราดังกล่าวจึงเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6) ปัญหานี้ แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษนอกเหนือจากคำฟ้อง: ศาลฎีกาแก้ไขโทษฐานลักทรัพย์ ให้เป็นไปตามฟ้องเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3) ด้วย จึงเป็นการพิพากษาถึงข้อที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษไม่ตรงกับความผิดที่โจทก์ขอ – ความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตาม ป.อ. มาตรา 335 (8) การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (3) ด้วยจึงเป็นการพิพากษาถึงข้อที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 192วรรคสี่ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษเกินกว่าที่ฟ้อง การฟ้องเฉพาะลักทรัพย์ในเคหสถาน ศาลลงโทษฐานบุกรุกทำอันตรายสิ่งกีดกั้นด้วยไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335(8)การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335(3)ด้วยจึงเป็นการพิพากษาถึงข้อที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสี่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบอาวุธปืน: ศาลไม่อาจริบได้หากลงโทษอาวุธปืนฯ แล้ว แม้มีบทบัญญัติอาญาที่ให้ริบได้
เมื่อศาลลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา8ทวิวรรคสอง,72ทวิวรรคสองซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดและเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา371แล้วก็จะอาศัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา371มาสั่งริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวได้โดยชอบเมื่อความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯที่ลงโทษจำเลยไม่ได้บัญญัติเรื่องริบทรัพย์ไว้ศาลก็ริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาวุธปืน และอำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อย
ความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้พาอาวุธปืนเข้าไปในห้องอาหารที่เกิดเหตุ เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามกฎหมายข้างต้น
ความผิดฐานพาอาวุธปืนนั้นแม้จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าและทำให้เสียทรัพย์ อาวุธปืนของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด และแม้ว่าจำเลยจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371ซึ่งศาลอาจสั่งริบอาวุธปืนของกลางได้ก็ตาม แต่ข้อหาความผิดตามมาตรา 371 นี้เป็นกรรมเดียวกับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง,72 ทวิ วรรคสอง เมื่อศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแล้ว ย่อมจะอาศัยบทที่มีโทษเบา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มาสั่งริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้ และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ความผิดฐานพาอาวุธปืนนั้นแม้จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าและทำให้เสียทรัพย์ อาวุธปืนของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด และแม้ว่าจำเลยจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371ซึ่งศาลอาจสั่งริบอาวุธปืนของกลางได้ก็ตาม แต่ข้อหาความผิดตามมาตรา 371 นี้เป็นกรรมเดียวกับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง,72 ทวิ วรรคสอง เมื่อศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแล้ว ย่อมจะอาศัยบทที่มีโทษเบา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มาสั่งริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้ และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์และการลดโทษจากความผิดปกติทางจิต
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัท ช.ขายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยแบบผ่อนชำระราคา เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยทันทีที่ตกลงกัน เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตาม ป.อ. มาตรา 295 ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา 65 วรรคสอง มาประกอบการลงโทษด้วย โทษจำคุกจึงสูงเกินสมควร ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตาม ป.อ. มาตรา 295 ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา 65 วรรคสอง มาประกอบการลงโทษด้วย โทษจำคุกจึงสูงเกินสมควร ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์, ความผิดฐานชิงทรัพย์, ลดโทษโรคจิต, ปัญหาความสงบเรียบร้อย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทช.ขายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยแบบผ่อนชำระราคาเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยทันที่ที่ตกลงกันเมื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์ จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา65วรรคสองแต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา65วรรคสองมาประกอบการลงโทษด้วยโทษจำคุกจึงสูงเกินสมควรปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานโกงเจ้าหนี้ต้องระบุเจตนาตระหนักถึงสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้โจทก์แล้วกลับนำไปขายให้แก่บุคคลอื่น เพื่อมิให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาได้รับชำระหนี้ ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเอากับจำเลยที่ 1 ได้ มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบของความผิด เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)และเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้