คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 198

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการบังคับคดีตามคำพิพากษา: ต้องแบ่งทรัพย์สินก่อนใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ให้กลับมาเป็นของโจทก์และจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง ให้แบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 คนละเท่าๆกัน หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้ประมูลระหว่างกันเอง หรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถจัดการให้เป็นไปตามข้อแรกได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายหรือค่าที่ดินให้โจทก์150,000บาท ดังนี้ การบังคับคดีต้องเป็นไปตามลำดับที่ศาลได้พิพากษาไว้ คือต้องแบ่งที่ดินพิพาทกันระหว่างโจทก์และจำเลยที่1 ผู้เป็นเจ้าของรวมเสียก่อน ถ้าการแบ่งตกลงกันไม่ได้ก็เอาที่ดินออกขายแบ่งเงินกันตามส่วน จำเลยที่ 1 จะไม่ยอมแบ่งที่ดินให้โจทก์โดยจะเลือกใช้ค่าเสียหายแทนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามลำดับขั้นตอนที่ศาลพิพากษา การแบ่งทรัพย์สินก่อนชำระค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ให้กลับมาเป็นของโจทก์และจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง ให้แบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 คนละเท่า ๆ กัน หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้ประมูลระหว่างกันเอง หรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถจัดการให้เป็นไปตามข้อแรกได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย หรือค่าที่ดินให้โจทก์ 150,000 บาท ดังนี้ การบังคับคดีต้องเป็นไปตามลำดับที่ศาลได้พิพากษาไว้ คือต้องแบ่งที่ดินพิพาทกันระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของรวมเสียก่อน ถ้าการแบ่งตกลงกันไม่ได้ก็เอาที่ดินออกขายแบ่งเงินกันตามส่วน จำเลยที่ 1 จะไม่ยอมแบ่งที่ดินให้โจทก์โดยจะเลือกใช้ค่าเสียหายแทนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้: การชำระหนี้ตามกำหนด และสิทธิของโจทก์ในการฟ้องร้องเมื่อจำเลยผิดนัด
หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้แก่โจทก์ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยมิได้ชำระหนี้ให้ครบตามกำหนดเป็นเวลาถึง 8 เดือน จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง แม้จะปรากฏว่าในเวลาต่อมาจำเลยได้ส่งเงินที่ค้างชำระอยู่นั้นทั้งหมดไปให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับแล้วนำคดีมาฟ้องก็ตาม จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า 'การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัยชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงานศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ' แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรรมดาได้ทำขึ้น เป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้: การชำระหนี้ผิดนัดและสิทธิของโจทก์ในการฟ้องร้อง
หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้แก่โจทก์ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยมิได้ชำระหนี้ให้ครบตามกำหนดเป็นเวลาถึง 8 เดือน จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดตามประมวลกฎหมายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง แม้จะปรากฏว่าในเวลาต่อมาจำเลยได้ส่งเงินที่ค้างชำระอยู่นั้นทั้งหมดไปให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับแล้วนำคิดมาฟ้องก็ตาม จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
บันทึกข้อความท้ายหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยมีว่า "การชำระงวดนั้นข้าพเจ้านายชัย ชิดชอบ ขอรับรองว่าเมื่อทางโรงงานสามารถจำหน่ายหินได้เป็นเงินก้อนหรือทางบริษัทเอื้อวิทยาสามารถให้ทางโรงงาน ศิลาชัยส่งหิน 3 ให้การรถไฟได้ จะส่งชำระแทนจนครบจำนวนที่ค้างหนี้ เพราะถือว่าบริษัทได้มีความกรุณามาก ขอยืนยันรับสภาพหนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ" แล้วจำเลยลงชื่อไว้ท้ายบันทึกดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นเพียงคำรับรองยืนยันการชำระหนี้ของจำเลยฝ่ายเดียวต่อโจทก์เท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยที่จะเลือกชำระหนี้ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ซึ่งบุคคลธรมดาได้ทำขึ้นเป็นใบรับรองหนี้เป็นตราสารที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ส่งมอบห้องหรือคืนเงิน, การบังคับตามลำดับ และเหตุพ้นวิสัย
คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วบังคับว่า ให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถส่งมอบห้องได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ 12,500 บาท ดังนี้เป็นการกำหนดให้จำเลยกระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ กล่าวคือ ไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยต้องใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบอาชีพนั้น เหตุเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นอันพ้นวิสัยอันจะเป็นมูลให้จำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่สามารถส่งมอบห้องพิพาทได้ ฉะนั้น โอกาสที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์ จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: จำเลยต้องส่งมอบห้องก่อน หากไม่ได้ ค่อยคืนเงิน ไม่ใช่ทางเลือก
คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วบังคับว่า ให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถส่งมอบห้องได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ 12,500 บาท ดังนี้ เป็นการกำหนดให้จำเลยกระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ กล่าวคือ ไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยต้องใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบอาชีพนั้น เหตุเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นอันพ้นวิสัย อันจะเป็นมูลให้จำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่สามารถส่งมอบห้องพิพาทได้ ฉะนั้น โอกาสที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิความเป็นเจ้าของจากคำพิพากษาบังคับสัญญาซื้อขาย แม้ยังไม่มีการโอนจริง ยึดทรัพย์หลังมีสิทธิแล้วทำไม่ได้
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายนาพิพาทซึ่งมีเพียง ส.ค.1 ให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น เป็นการบังคับโดยเฉพาะเจาะจง และสภาพแห่งหนี้เปิดช่องที่จะบังคับได้ จำเลยจะเลือกชำระหนี้เป็น อย่างอื่นมิได้คำพิพากษานี้ย่อมมีผลให้ผู้ร้องได้รับสิทธิแห่งความเป็น เจ้าของนาพิพาทโดยทันที แม้การชำระราคาที่ค้างรวมทั้งการไถ่ถอนจำนองและการจดทะเบียนโอนขายนาพิพาทจะยังมิได้กระทำกัน โจทก์เพิ่ง ทำการยึดนาพิพาทภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีนั้น โจทก์ จะอ้างว่า ผู้ร้องและจำเลยเพียงแต่มีสัญญาจะซื้อขายต่อกันซึ่งผู้ร้องยังไม่มีสิทธิอะไรในนาพิพาทหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของจากคำพิพากษาบังคับซื้อขาย แม้ยังไม่ได้โอน-ไถ่ถอนจำนอง ยึดทรัพย์หลังมีคำพิพากษาเป็นโมฆะ
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายนาพิพาทซึ่งมีเพียง ส.ค.1 ให้แก่ผู้ร้อง ตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น เป็นการบังคับโดยเฉพาะเจาะจงและสภาพแห่งหนี้เปิดช่องที่จะบังคับได้ จำเลยจะเลือกชำระหนี้เป็นอย่างอื่นมิได้ คำพิพากษานี้ย่อมมีผลให้ผู้ร้องได้รับสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของนาพิพาทโดยทันที แม้การชำระราคาที่ค้าง รวมทั้งการไถ่ถอนจำนองและการจดทะเบียนโอนขายนาพิพาทจะยังมิได้กระทำกัน โจทก์เพิ่งทำการยึดนาพิพาทภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีนั้น โจทก์จะอ้างว่า ผู้ร้องและจำเลยเพียงแต่มีสัญญาจะซื้อจะขายต่อกันซึ่งผู้ร้องยังไม่มีสิทธิอะไรในนาพิพาทหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องและการยกเว้นอายุความสำหรับหนี้เพื่ออุตสาหกรรม
เจ้าหนี้ส่งมอบกระดาษรายพิพาทให้ลูกหนี้เพื่อเอาไปพิมพ์แบบเรียนจำหน่ายดังนี้ เป็นการทำเพื่ออุตสาหกรรมของลูกหนี้ต้องตามสบัญญัติยกเว้นไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)ไม่ต้องคำนึงถึงอายุความ 2 ปี
การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนหนี้ มีเงื่อนไขว่าถ้าผู้รับโอนไม่ได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ให้ผู้รับโอนมีสิทธิเลือกเรียกร้องเอาจากผู้โอนหรือลูกหนี้ได้ดังนี้ เป็นการโอนหนี้กันโดยแท้จริงแล้ว เป็นแต่เพียงผู้โอนตกลงประกันหนี้รายนี้ของลูกหนี้ไว้ด้วยเท่านั้น(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกระดาษเพื่ออุตสาหกรรมและการโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ที่มีประกัน
เจ้าหนี้ส่งมอบกระดาษรายพิพาทให้ลูกหนี้เพื่อเอาไปพิมพ์แบบเรียนจำหน่าย ดังนี้เป็นการทำเพื่ออุตสาหกรรมของลูกหนี้ต้องตามบัญญัติยกเว้นไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 165 (1) ไม่ต้องคำนึงถึงอายุความ 2 ปี
การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนหนี้ มีเงื่อนไขว่า ถ้าผู้รับโอนไม่ได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ ให้ผู้รับโอนสิทธิเลือกเรียกร้องเอาจากผู้โอนหรือลูกหนี้ได้ ดังนี้เป็นการโอนหนี้กันโดยแท้จริงแล้ว เป็นแต่เพียงผู้โอนตกลงประกันหนี้รายนี้ของลูกหนี้ไว้ด้วยเท่านั้น
(ประชุมครั้งใหญ่ครั้งที่ 1/2502)
of 4