คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 59 วรรคสี่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 34 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแซงรถในที่คับขันประมาทเลินเล่อ และหลบหนีหลังเกิดเหตุ
การที่จำเลยขับรถยนต์โดยสารห่างจากรถยนต์บรรทุกเพียง10 เมตร แล้วเร่งความเร็วเพื่อจะแซงขึ้นหน้ารถยนต์บรรทุกในขณะที่รถยนต์บรรทุกกำลังแซงขึ้นหน้ารถไถนาเดินตามข้างซ้ายโดยมีรถยนต์กระบะของโจทก์ร่วมจอดอยู่บนไหล่ทางข้างขวาในถนนที่มีผิดจราจรกว้างเพียง 5 เมตร เช่นนี้ เป็นการแซงรถเมื่อเข้าที่คับขันซึ่งต้องห้ามตามกฎหมาย ทั้งเป็นกรณีที่จำเลยควรคาดหมายได้ว่าการขับรถยนต์แซงขึ้นไปเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นในทางเดินรถได้เป็นการกระทำโดยไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่พฤติการณ์จำเลยจึงมีความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทช็อตปลาสาธารณะ เสียชีวิต ลดโทษผู้เยาว์ รอลงอาญา คุมประพฤติ
การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้กระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งที่มีอันตรายโดยสภาพสามารถทำอันตรายบุคคลอื่นให้ถึงแก่ความตายได้ทำการช็อตปลาในคลองสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกันนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้งแล้วยังเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์อันถือได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา59วรรคสี่อีกด้วยเมื่อผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ดังกล่าวช็อตจนถึงแก่ความตายก็ต้องถือว่าเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสามไม่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะผู้ตายลงไปอาบน้ำในคลองแล้วถูกกระแสไฟฟ้าช็อตหรือเป็นเพราะผู้ตายไปแก้สายไฟฟ้าที่เกี่ยวติดสิ่งของจึงถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตายก็ตามก็ไม่มีผลทำให้จำเลยทั้งสามพ้นผิดแต่อย่างใด การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามเกิดจากความประมาทมิใช่เกิดจากการกระทำโดยเจตนาจึงมีเหตุอันควรได้รับความปรานีประกอบกับขณะเกิดเหตุจำเลยที่1และที่2มีอายุไม่เกิน17ปีซึ่งความรู้ผิดชอบย่อมจะไม่สมบูรณ์เท่ากับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วสำหรับจำเลยที่3แม้จะมีอายุมากรู้สึกผิดชอบดีแล้วแต่ก็เป็นการกระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่1และที่2อันเป็นเหตุในลักษณะคดีต้องยกประโยชน์ในส่วนนี้ให้แก่จำเลยที่3ด้วยโทษที่จำเลยทั้งสามได้รับมีกำหนดเวลาไม่มากนักหากรับโทษจำคุกไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำการอบรมให้กลับตัวเป็นคนดีได้ทันซ้ำยังอาจทำให้จดจำเอาตัวอย่างที่ไม่ดีจากผู้ต้องขังอื่นมาประพฤติปฏิบัติอันอาจเป็นผลร้ายต่อสังคมไทยในภายหน้าได้สมควรให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสามไว้ซึ่งน่าจะมีผลดีแก่สังคมโดยส่วนรวมมากกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทของเจ้าหน้าที่รถไฟที่ไม่กั้นถนน ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
พยานโจทก์ทั้งหมดไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่1มาก่อนไม่มีเหตุน่าระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยที่1เชื่อว่าเบิกความไปตามความเป็นจริง จำเลยที่1มีหน้าที่ปิดกั้นถนนซึ่งมีทางรถไฟผ่านได้เปิดสวิตช์สัญญาณไฟ5ดวงและให้สัญญาณโคมไฟสีเขียวแก่จำเลยที่2ผู้ขับขบวนรถไฟเพื่อผ่านแต่ไม่ได้นำแผงกั้นถนนไปปิดกั้นถนนเป็นสาเหตุทำให้รถยนต์โดยสารแล่นข้ามชนตู้โดยสารรถไฟเป็นเหตุให้คนตายการกระทำของจำเลยที่1จึงเป็นการ กระทำโดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2703/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขบวนรถไฟและผู้ขับรถยนต์กระบะจนเกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิต
จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์กระบะจะผ่านทางรถไฟ ซึ่งมีป้ายบอกเครื่องหมายว่ามีทางรถไฟข้างหน้าแสดงไว้ รวมทั้งมีป้ายสัญญาณ"หยุด" ในระยะ 5 เมตร ก่อนถึงทางรถไฟบอกไว้ แม้พนักงานเปิดปิดเครื่องกั้นยังไม่ได้นำแผงกั้นลงปิดทางรถยนต์ จำเลยที่ 2 ก็ควรใช้ความระมัดระวังดูแลความปลอดภัยให้แน่เสียก่อนโดยชะลอความเร็วและหยุดรถมองซ้ายขวา ต่อเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับรถต่อไปได้แต่มิได้ปฏิบัติดังกล่าว กลับขับรถด้วยความเร็วสูงลอดเครื่องกั้นผ่านทางรถไฟจนเป็นเหตุให้รถยนต์กระบะเกิดชนกับขบวนรถไฟขึ้นแล้วมีคนที่นั่งมาในรถยนต์กระบะถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ขับขบวนรถไฟมิได้หยุดรถก่อนถึงถนนที่จะตัดกับทางรถไฟโดยที่ยังไม่ปรากฏสัญญาณอนุญาตให้ขบวนรถไฟผ่านได้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถพ.ศ. 2524 ข้อ 260 ที่กำหนดว่า ในกรณีที่พนักงานขับรถไม่เห็นสัญญาณอนุญาตให้หยุดขบวนรถใกล้ถึงถนนผ่านเสมอระดับทาง และดูให้แน่ชัดว่าไม่มีสิ่งใดกีดขวางทางแล้ว ก็ให้นำขบวนรถผ่านไปได้ด้วยความระมัดระวัง ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถไฟผ่านถนนที่ตัดกับรางรถไฟ เมื่อจำเลยที่ 1 อาจใช้ความระมัดระวังโดยหยุดขบวนรถเสียก่อนจะถึงถนนดังกล่าว แล้วนำขบวนรถผ่านถนนไปด้วยความระมัดระวังได้ แต่จำเลยที่ 1 หาได้กระทำเช่นนั้นไม่เมื่อเกิดการชนกับรถยนต์กระบะที่จำเลยที่ 2 ขับมาจำเลยที่ 1จึงเป็นผู้ขับขบวนรถไฟโดยประมาทต้องรับผิดในผลแห่งความตายของคนที่นั่งมาในรถยนต์กระบะด้วยเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2703/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทของผู้ขับขบวนรถไฟและผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิต
ตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถ พ.ศ. 2524 ข้อ 260ซึ่งผู้ขับขบวนรถไฟจะต้องปฏิบัติตามกำหนดไว้ว่า ในกรณีที่พนักงานขับรถไม่เห็นสัญญาณอนุญาต ให้พนักงานขับรถหยุดขบวนรถใกล้ถึงถนนผ่านเสมอระดับทาง และดูให้แน่ชัดว่าไม่มีสิ่งใดกีดขวางทางแล้ว ก็ให้นำขบวนรถผ่านไปได้ด้วยความระมัดระวัง การที่จำเลยที่ 1มิได้หยุดรถก่อนถึงถนนคีรีรัฐยา ย่อมเป็นการงดเว้นการปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถ พ.ศ. 2525 ข้อ 260 ดังกล่าวที่กำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถไฟผ่านถนนที่ตัดกับรางรถไฟโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งผู้ขับขบวนรถไฟผ่านถนนเสมอระดับทางจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ จำเลยที่ 1 อาจใช้ความระมัดระวังโดยหยุดขบวนรถเสียก่อนจะถึงถนนคีรีรัฐยา แล้วนำขบวนรถผ่านถนนดังกล่าวไปด้วยความระมัดระวัง แต่จำเลยที่ 1ก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ขับขบวนรถไฟโดยประมาทและการที่จำเลยที่ 1 ขับขบวนรถไฟผ่านถนนคีรีรัฐยาแล้วเกิดชนกับรถยนต์กระบะที่จำเลยที่ 2 ขับมาเป็นเหตุให้ผู้ที่นั่งมาในกระบะหลังของรถยนต์ถึงแก่ความตาย 2 คน ความตายของบุคคลทั้งสองจึงเป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ด้วยเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5439/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุรถไถ: การติดไฟแสงแดงและปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
จำเลยขับรถไถในทางเวลากลางคืนมีหน้าที่ต้องเปิดไฟแสงแดงที่ท้ายรถตามกฎกระทรวงฉบับที่ 2(พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 เมื่อท้ายรถไถที่จำเลยขับมีผานไถและจานไถบรรทุกอยู่ยื่นออกนอกตัวรถไปด้านท้ายประมาณ 2 เมตรจำเลยมีหน้าที่ต้องใช้โคมไฟแสงแดงติดไว้ที่ปลายสุดของผานไถและเปิดไว้ด้วย แต่เมื่อจำเลยเปิดไฟท้ายและไฟส่องผานไถซึ่งเป็นไฟสปอตไลท์ขนาดใหญ่ สามารถส่องกระจายแสงได้กว้างและเห็นได้ในระยะไกล และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยยกผานไถไว้ในระดับที่บดบังไฟท้าย ไฟส่องผานไถและแผ่นวงกลมสีแดงสะท้อนแสงจนไม่สามารถมองเห็นรถไถได้จากระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร แม้จำเลยจะไม่ติดโคมไฟแสงแดงไว้ที่ปลายสุดของผานไถ ก็ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงให้รถยนต์ที่ผู้ตายขับตามหลังชนถูกผานรถไถที่จำเลยขับ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4473/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ ผู้ขับขี่ต้องสังเกตผู้ใช้ถนน แม้ผู้ตายมีสภาพไม่ปกติ
แม้ผู้ตายเมาสุราไม่สามารถครองสติได้ แต่เมื่อผู้ตายเดินโซเซข้ามถนนมาย่อมไม่ว่องไวเหมือนบุคคลธรรมดา ผู้ตายเดินผ่านช่องเดินรถได้ถึง 2 ช่อง แล้วถูกรถที่จำเลยขับชนในช่องที่ 3 หากจำเลยขับรถด้วยความระมัดระวังจะต้องสังเกตเห็นผู้ตายกำลังเดินข้ามถนนอยู่ข้างหน้าในระยะไกล สามารถหลีกเลี่ยงภยันตรายไม่ให้เกิดขึ้นได้ การที่จำเลยขับรถชนผู้ตายถือว่าเป็นความประมาทของจำเลย หาใช่เกิดจากเหตุสุดวิสัยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจอดรถเสียและการใช้ความระมัดระวังเพียงพอ ไม่ถือเป็นการประมาทที่เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ
รถยนต์โดยสารที่จำเลยขับยางล้อหลังระเบิดจำเลยจึงจอดรถยนต์ไว้ชิดไหล่ทางด้านซ้าย ล้อหน้าอยู่ที่ไหล่ทาง ส่วนล้อหลังด้านขวาอยู่บนถนน แล้วจำเลยได้หากิ่งไม้มาวางและเปิดสัญญาณไฟกระพริบ ถือได้ว่าจำเลยใช้ความระมัดระวังเพียงพอแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำโดยประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางถนน: การเลี้ยวขวาฝ่าไฟแดงและการประมาทของผู้ขับขี่
ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์มาจอดติดสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่สี่แยกซึ่งการจะเลี้ยวขวาตรงบริเวณสี่แยกได้ต้องรอสัญญาณไฟจราจรลูกศรสีเขียวก่อน การที่ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวขวาในทันทีโดยไม่รอสัญญาณไฟจราจรให้เลี้ยวขวาได้ในขณะที่ทางด้านรถยนต์โดยสารแล่นมามีสัญญาณไฟจราจรสีเขียว จึงเป็นความผิดของผู้ตายเองถือไม่ได้ว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ขับขี่เลี้ยวขวาฝ่าไฟแดงถือเป็นความผิดเอง ไม่ถือว่าจำเลยขับประมาท
ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์มาจอดติดสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่สี่แยก ซึ่งการจะเลี้ยวขวาตรงบริเวณสี่แยกได้ต้องรอสัญญาณไฟจราจรลูกศรสีเขียวก่อน การที่ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวขวาในทันทีโดยไม่รอสัญญานไฟจราจรให้เลี้ยวขวาได้ในขณะที่ทางด้านรถยนต์โดยสารแล่นมามีสัญญาณไฟจราจรสีเขียว จึงเป็นความผิดของผู้ตายเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาท
of 4