พบผลลัพธ์ทั้งหมด 617 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3560/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานศุลกากรจับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยลักลอบนำเข้าทองคำ โดยชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าพนักงานศุลกากรซึ่งมีอำนาจทำการอันเกี่ยวกับการจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(16) ดังนั้น เมื่อจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว จึงมีอำนาจควบคุมผู้ถูกจับไว้ได้เท่าที่จำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87
จำเลยกับพวกจับโจทก์ได้พร้อมด้วยทองคำแท่งเมื่อเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ต้องทำบันทึกการตรวจค้นและจับกุม ต้องตรวจชั่งทองคำแท่งของกลางและประเมินราคาและทำบันทึกรายงานต่ออธิบดีกรมศุลกากรเพื่อให้เปรียบเทียบปรับและงดฟ้องโจทก์ตามคำร้องของโจทก์ ทองคำแท่งของกลางก็มีจำนวนมาก การที่จำเลยควบคุมตัวโจทก์ไว้เป็นเวลาประมาณ 21 ชั่วโมงนับแต่เวลาจับกุม จึงไม่เกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยจึงมีอำนาจกระทำได้โดยชอบ
จำเลยกับพวกจับโจทก์ได้พร้อมด้วยทองคำแท่งเมื่อเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ต้องทำบันทึกการตรวจค้นและจับกุม ต้องตรวจชั่งทองคำแท่งของกลางและประเมินราคาและทำบันทึกรายงานต่ออธิบดีกรมศุลกากรเพื่อให้เปรียบเทียบปรับและงดฟ้องโจทก์ตามคำร้องของโจทก์ ทองคำแท่งของกลางก็มีจำนวนมาก การที่จำเลยควบคุมตัวโจทก์ไว้เป็นเวลาประมาณ 21 ชั่วโมงนับแต่เวลาจับกุม จึงไม่เกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยจึงมีอำนาจกระทำได้โดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3560/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานศุลกากรในการจับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย พร้อมเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการ
เจ้าพนักงานศุลกากรซึ่งมีอำนาจทำการอันเกี่ยวกับการจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(16) ดังนั้น เมื่อจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว จึงมีอำนาจควบคุมผู้ถูกจับไว้ได้เท่าที่จำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87
จำเลยกับพวกจับโจทก์ได้พร้อมด้วยทองคำแท่งเมื่อเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ต้องทำบันทึกการตรวจค้นและจับกุม ต้องตรวจชั่งทองคำแท่งของกลางและประเมินราคาและทำบันทึกรายงานต่ออธิบดีกรมศุลกากรเพื่อให้เปรียบเทียบปรับและงดฟ้องโจทก์ตามคำร้องของโจทก์ ทองคำแท่งของกลางก็มีจำนวนมาก การที่จำเลยควบคุมตัวโจทก์ไว้เป็นเวลาประมาณ 21 ชั่วโมงนับแต่เวลาจับกุม จึงไม่เกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยจึงมีอำนาจกระทำได้โดยชอบ
จำเลยกับพวกจับโจทก์ได้พร้อมด้วยทองคำแท่งเมื่อเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ต้องทำบันทึกการตรวจค้นและจับกุม ต้องตรวจชั่งทองคำแท่งของกลางและประเมินราคาและทำบันทึกรายงานต่ออธิบดีกรมศุลกากรเพื่อให้เปรียบเทียบปรับและงดฟ้องโจทก์ตามคำร้องของโจทก์ ทองคำแท่งของกลางก็มีจำนวนมาก การที่จำเลยควบคุมตัวโจทก์ไว้เป็นเวลาประมาณ 21 ชั่วโมงนับแต่เวลาจับกุม จึงไม่เกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยจึงมีอำนาจกระทำได้โดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3410/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานรับเงินเกินค่าบริการ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับจดและต่อทะเบียนยานพาหนะเก็บรักษาเงินค่าภาษียานพาหนะและค่าแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียนยานพาหนะ ได้รับเงินที่ผู้มาต่อทะเบียนมอบให้ด้วยความสมัครใจเป็นค่าบริการ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เพราะเงินดังกล่าวใช้เป็นทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษา ทั้งไม่ใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาลด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157 อีกไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157 อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3410/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานรับเงินเกินค่าบริการ ไม่เป็นความผิดฐานเรียกรับผลประโยชน์
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับจดและต่อทะเบียนยานพาหนะเก็บรักษาเงินค่าภาษียานพาหนะและค่าแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียนยานพาหนะ ได้รับเงินที่ผู้มาต่อทะเบียนมอบให้ด้วยความสมัครใจเป็นค่าบริการการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เพราะเงินดังกล่าวใช้เป็นทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษา ทั้งไม่ใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาลด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157อีกไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,154 และ 157 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 147 ข้อหาอื่นให้ยกเสียโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงยุติแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดตามมาตรา 157อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้รับจ้างช่วง: ความเสียหายทางอ้อมจากการกระทำต่อผู้รับจ้างโดยตรง
การที่โจทก์ที่ 5 ซึ่งเป็นผู้รับจ้างทำไม้ให้แก่ผู้มีชื่อ ได้ว่าจ้างโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ทำไม้นั้นอีกทอดหนึ่ง และต่อมาจำเลยจับกุมโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ในข้อหาทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้โจทก์ที่ 5เสียหายขาดรายได้ไม่ได้รับค่าจ้างจากผู้มีชื่อนั้นการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ที่ 5 ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดอาญาโดยตรง โจทก์ที่ 5 จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003-3005/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน, รับรองเอกสารเท็จ, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอ ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอให้ไปตรวจสอบไม้ตามที่มีผู้ยื่นคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ จำเลยไม่ได้ไปตรวจสอบไม้ ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง และไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ แต่จำเลยได้ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริง สมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ขอ ทำให้ป่าไม้อำเภอซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอและกรมป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
ระเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่เป็นผู้เขียนกรอกเองได้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว การที่จำเลยได้ยอมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้นมิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจดการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(3)
ระเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่เป็นผู้เขียนกรอกเองได้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว การที่จำเลยได้ยอมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้นมิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจดการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003-3005/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานป่าไม้ และการรับรองเอกสารเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอ ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอให้ไปตรวจสอบไม้ตามที่มีผู้ยื่นคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่จำเลยไม่ได้ไปตรวจสอบไม้ ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง และไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ แต่จำเลยได้ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริง สมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ขอ ทำให้ป่าไม้อำเภอซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอและกรมป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
รเเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้น ปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้น มิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์ม ซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจด การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (3)
รเเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้น ปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้น มิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์ม ซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจด การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2773/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่อาจรับวินิจฉัยเนื่องจากเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยงดออกอาชญาบัตรให้โจทก์ เป็นการกระทำมิชอบเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ควรฟังข้อเท็จจริงตามข้อนำสืบของโจทก์ คดีมีมูลครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ควรรับประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป ดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยงดออกอาชญาบัตรให้โจทก์ เป็นการกระทำมิชอบเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ควรฟังข้อเท็จจริงตามข้อนำสืบของโจทก์ คดีมีมูลครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ควรรับประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป ดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานตำรวจเรียกรับเงินเพื่อปล่อยตัวผู้ต้องหา เป็นความผิดตามมาตรา 149
จำเลยเป็นตำรวจประจำการกองร้อย 4 กก. อารักขาและความปลอดภัยบก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษตำแหน่งลูกแถว ย่อมมีอำนาจสืบสวนคดีอาญา และมีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นในเมื่อเป็นความผิดซึ่งหน้าแม้ที่เกิดเหตุจะเป็นที่รโหฐาน การที่จำเลยไปพบจ.กับพวกกำลังเล่นการพนันในห้องชั้นบนบ้าน อันเป็นที่รโหฐานและจับกุม จ. กับพวกในข้อหาดังกล่าว ย่อมเรียกได้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ เมื่อจำเลยเรียกและรับเงินจาก จ. แล้วปล่อยตัว จ. กับพวกโดยไม่ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 157 มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 157 มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตำรวจจับกุมและเรียกรับสินบน: ความผิดตามมาตรา 149
จำเลยเป็นตำรวจประจำการกองร้อย 4 กก. อารักขาและความปลอดภัยบก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษตำแหน่งลูกแถวย่อมมีอำนาจสืบสวนคดีอาญา และมีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นในเมื่อเป็นความผิดซึ่งหน้าแม้ที่เกิดเหตุจะเป็นที่รโหฐาน การที่จำเลยไปพบจ. กับพวกกำลังเล่นการพนันในห้องชั้นบนบ้าน อันเป็นที่รโหฐานและจับกุม จ. กับพวกในข้อหาดังกล่าว ย่อมเรียกได้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ เมื่อจำเลยเรียกและรับเงินจาก จ. แล้วปล่อยตัว จ. กับพวกโดยไม่ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 157 มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 157 มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก