คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 989

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 381 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเล่นแชร์: ความสัมพันธ์ระหว่างลูกวงและนายวง, ความรับผิดทางสัญญา
โจทก์จำเลยเล่นแชร์ซึ่งมี ช. เป็นนายวง ลูกวงแชร์ทุกคนจึงมิใช่คู่สัญญาซึ่งกันและกัน แต่เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับ ช. เมื่อมิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยซึ่งเป็นลูกวงแชร์ด้วยกัน. ช.ก็มิใช่ตัวแทนรับเช็คพิพาทแทนโจทก์ และไม่มีหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยอันเนื่องมาจากการเล่นแชร์ การที่จำเลยรับเงินค่าแชร์ที่ประมูลได้จาก ช. ไม่ครบ ก็จะต้องไปว่ากล่าวเอาแก่ ช. โดยตรง เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจาก ช. โดยคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยจึงไม่อาจอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับ ช. มาเป็นข้อต่อสู้ให้พ้นความรับผิดได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 308-309/2511 และ 2543-2547/2521)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขวันออกเช็คโดยผู้สั่งจ่าย และข้อจำกัดในการยกเหตุความสัมพันธ์ส่วนตัวต่อผู้ทรงเช็ค
แม้จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทโดยมิได้ลงวันสั่งจ่ายผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายและทำการโดยสุจริต ก็มีอำนาจที่จะจดวันออกเช็คตามที่ถูกต้องแท้จริงลงได้ ไม่ทำให้เช็คพิพาทเป็นเอกสารปลอม และการจดวันออกเช็คในกรณีดังกล่าวมิใช่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช็คตามความหมายของมาตรา 1007
เมื่อฟังไม่ได้ว่าการโอนเช็คพิพาทระหว่าง ล. กับโจทก์มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล แม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ล. โดยมีมูลหนี้มาจากการเล่นการพนันสลากกินรวบจำเลยก็จะยกเหตุดังกล่าวซึ่งเป็นความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคล. ระหว่างจำเลยกับ ล. ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อนมาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 916 เช็คพิพาทจึงไม่ตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งจ่ายเช็คโดยไม่ลงวันออก และการยกเว้นข้อต่อสู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้สั่งจ่ายกับผู้ทรงคนก่อน
แม้จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทโดยมิได้ลงวันสั่งจ่ายผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายและทำการโดยสุจริต ก็มีอำนาจที่จะจดวันออกเช็คตามที่ถูกต้องแท้จริงลงได้ ไม่ทำให้เช็คพิพาทเป็นเอกสารปลอม และการจดวันออกเช็คในกรณีดังกล่าวมิใช่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช็คตามความหมายของมาตรา 1007
เมื่อฟังไม่ได้ว่าการโอนเช็คพิพาทระหว่าง ล. กับโจทก์มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล แม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ล. โดยมีมูลหนี้มาจากการเล่นการพนันสลากกินรวบจำเลยก็จะยกเหตุดังกล่าวซึ่งเป็นความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคล. ระหว่างจำเลยกับ ล. ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อนมาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 เช็คพิพาทจึงไม่ตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องผู้ทรงเช็คเมื่อผู้สั่งจ่ายเสียชีวิต และการโต้แย้งหนี้โดยผู้จัดการมรดก
กรณีที่ผู้สั่งจ่ายเช็คตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 992 ได้บัญญัติถึงหน้าที่และอำนาจของธนาคารซึ่งจะใช้เงินตามเช็คอันเบิกแก่ตนนั้นว่าเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อรู้ว่าผู้สั่งจ่ายตาย เมื่อ ส. ผู้สั่งจ่ายตายโจทก์ในฐานะผู้ทรงซึ่งทราบอำนาจหน้าที่ของธนาคารตามข้อกฎหมายดังกล่าว จึงไม่จำต้องนำเช็คพิพาทไปขอรับเงินจากธนาคารเสียก่อนกรณีไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 990เมื่อ ส. ตายบรรดาทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ ย่อมตกได้แก่ทายาทตามมาตรา1599,1600 จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ได้รับการบอกกล่าวให้ชำระหนี้เงินตามเช็คที่ ส. เป็นผู้สั่งจ่ายให้แก่โจทก์แล้วเพิกเฉยถือได้ว่าสิทธิของโจทก์ในมูลหนี้เงินดังกล่าวได้มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2524)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญา
การที่จำเลยออกเช็คโดยไม่ลงวันเดือนปีที่ออกเช็คย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำผิด แม้จำเลยได้ตกลงกำหนดวันเดือนปีที่ผู้ทรงเช็คจะนำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารไว้แน่นอน โจทก์ผู้ทรงเช็คได้นำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารตามวันที่ตกลงกัน และเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันเดือนปีตามที่โจทก์ยื่นเช็ค ก็เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ธนาคารลงวันออกเช็คไปตามอำนาจของโจทก์ ที่โจทก์มีอยู่ตามกฎหมายในฐานะเป็นผู้ทรงเช็ค มีผลเพียงให้เช็คนั้นมีรายการสมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลที่จะปรับเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้ไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่2/2524)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คของผู้ถือ การโอนเช็คโดยสุจริต และสิทธิของผู้ทรงเช็คในการเรียกร้องจากผู้สั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยผู้สั่งจ่าย จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียก ส.เข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (3) โดยอ้างว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่ ส. และได้ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส. ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การไม่ปรากฏว่า ส. เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทจึงไม่มีกรณีที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับ ส.ตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน ส.ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คพิพาทคนใดเลย ไม่มีความผูกพันร่วมกับจำเลยที่จะต้องชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จะเรียก ส.เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยผู้สั่งจ่ายมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทมาด้วยการคบคิดกับฉ้อฉล ทั้งคำให้การก็มิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ใด ด้วยวิธีใด อันจะถือได้ว่าเป็นการคบคิดฉ้อฉล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้อื่นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ดังนั้นในเบื้องต้นจึงจะต้องถือว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยสุจริต แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การว่า จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส. แล้ว แต่ ส.ไม่คืนเช็คพิพาทให้ก็ตาม การที่ ส.ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริต จำเลยก็ไม่อาจต่อสู้ โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ ส. ได้ ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นได้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คออกให้ผู้ถือ การต่อสู้สิทธิของผู้ทรงเช็ค และการเรียกจำเลยร่วม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยผู้สั่งจ่าย จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียก ส. เข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) โดยอ้างว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่ ส. และได้ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส. ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยจำเป็นต้องฟ้อง ส. เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ย ดังนี้ เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การไม่ปรากฏว่าส. เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท จึงไม่มีกรณีที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับ ส.ตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงินส.ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คพิพาทคนใดเลย ไม่มีความผูกพันร่วมกับจำเลยที่จะต้องชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์จึงไม่มีเหตุที่จะเรียก ส. เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยผู้สั่งจ่ายมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทมาด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ทั้งคำให้การก็มิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ใด ด้วยวิธีใดอันจะถือได้ว่าเป็นการคบคิดกันฉ้อฉล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้อื่นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ดังนั้นในเบื้องต้นจึงจะต้องถือว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยสุจริต แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การว่า จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส.แล้วแต่ส. ไม่คืนเช็คพิพาทให้ก็ตามการที่ ส. ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริต จำเลยก็ไม่อาจต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ ส. ได้ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นได้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนเช็คโดยรู้ว่ามีการสั่งห้ามจ่าย และนำไปใช้ระบุเท็จเพื่อฉ้อฉล ถือเป็นการคบคิดฉ้อฉล
จำเลยที่ 1 ออกเช็คให้ ม. เป็นการชำระหนี้ค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ซื้อจาก ม. ม. โอนเช็คให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ทราบว่าจำเลยที่ 1 สั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็คเพราะ ม. ผิดสัญญาซื้อขาย แต่เพื่อที่จะให้ได้เงินตามเช็ค จำเลยที่ 2 จึงโอนเช็คให้โจทก์โดยอ้างว่าเป็นการชำระราคาที่ดินที่ซื้อจากโจทก์ ซึ่งไม่เป็นความจริง ดังนี้การโอนเช็คระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์เป็นการโอนโดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกเก็บเช็คก่อนกำหนดชำระ และสิทธิในการไล่เบี้ยลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายเช็ค
การที่เจ้าหนี้ผู้ทรงเช็ค (โจทก์ ) เป็นแต่เพียงนำเช็คที่จำเลยลูกหนี้เป็นผู้สั่งจ่ายไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคาร ก.ก่อนเช็คถึงกำหนด 1 วัน ซึ่งเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คมีสิทธิที่จะทำเช่นนั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารดังกล่าวเรียกเก็บเงินจากธนาคารเจ้าของเช็คเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระตามวิธีการของธนาคารนั่นเอง เมื่อธนาคาร ก.ด่วนเรียกเก็บเงินไปยังธนาคารเจ้าของเช็ค และธนาคารเจ้าของเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่าเงินในบัญชีจำเลยลูกหนี้ไม่พอจ่ายในวันเดียวกันนั้นเองนั้นเป็นเรื่องการปฏิบัติงานในระหว่างธนาคารกับธนาคารจะถือว่าผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่เบี้ยลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายก่อนเช็คถึงกำหนดหาได้ไม่ เมื่อธนาคารได้ ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้น ทั้งเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คได้ทวงถามให้ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายชำระเงินตามเช็คหลายครั้งแล้ว ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายก็แจ้งว่าไม่มีเงินชำระ ดังนี้ เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ตามเช็ครายนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำเช็คเข้าบัญชีก่อนกำหนด ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิไล่เบี้ยก่อนถึงกำหนด เจ้าหนี้มีสิทธิรับชำระหนี้
การที่เจ้าหนี้ผู้ทรงเช็ค(โจทก์) เป็นแต่เพียงนำเช็คที่จำเลยลูกหนี้เป็นผู้สั่งจ่ายไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคาร ก.ก่อนเช็คถึงกำหนด 1 วัน ซึ่งเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คมีสิทธิที่จะทำเช่นนั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารดังกล่าวเรียกเก็บเงินจากธนาคารเจ้าของเช็คเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระตามวิธีการของธนาคารนั้นเอง เมื่อธนาคาร ก. ด่วนเรียกเก็บเงินไปยังธนาคารเจ้าของเช็ค และธนาคารเจ้าของเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่าเงินในบัญชีจำเลยลูกหนี้ไม่พอจ่ายในวันเดียวกันนั้นเองนั้น เป็นเรื่องการปฏิบัติงานในระหว่างธนาคารกับธนาคาร จะถือว่าผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่เบี้ยลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายก่อนเช็คถึงกำหนดหาได้ไม่ เมื่อธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้น ทั้งเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คได้ทวงถามให้ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายชำระเงินตามเช็คหลายครั้งแล้วลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายก็แจ้งว่าไม่มีเงินชำระ ดังนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ตามเช็ครายนี้ได้
of 39