คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 989

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 381 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085-1088/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับเช็คคือผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.เช็ค แม้จะได้รับชำระหนี้แล้ว โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
จำเลยออกเช็ค 4 ฉบับ สั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือนำมาแลกเงินสดไปจากโจทก์โจทก์ได้รับแล้วเอาเช็คเหล่านั้นชำระหนี้ให้แก่ อ. และ ล.เมื่อถึงกำหนดสั่งจ่ายบุคคลทั้งสองเอาเช็คเข้าบัญชีของตน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเอาเช็คมาคืนให้โจทก์และโจทก์ได้ชำระเงินให้บุคคลทั้งสองไป ดังนี้ เช็คทั้ง 4 ฉบับเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือย่อมโอนไปเพียงด้วยส่งมอบให้กัน อ. และ ส. ได้รับเช็คทั้ง 4 ฉบับไว้จากโจทก์เป็นการชำระหนี้ อ. และ ล. จึงเป็นผู้ถือนับว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดเป็นความผิดขึ้นในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งในวันนั้น อ. และ ล. จึงเป็นผู้เสียหายไม่ใช่โจทก์แม้เช็คทั้ง 4 ฉบับได้กลับมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ภายหลังที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ก็เป็นผู้ถือหรือเป็นผู้ทรงภายหลังความผิดได้เกิดขึ้นแล้วการที่โจทก์จ่ายเงินชำระหนี้ให้ อ. และ ล. ไปจะถือเป็นการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 4 ฉบับหาได้ไม่ จึงถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯไม่ได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่ลงวันที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย หากผู้ทรงลงวันที่โดยสุจริต และอายุความเช็คเริ่มต้นวันที่ลงในเช็ค
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 989 ให้นำมาตรา 910 ในเรื่องตั๋วเงินมาใช้บังคับในเรื่องเช็คด้วย ซึ่งมาตรา 910 วรรค 5 บัญญัติว่า ถ้ามิได้ลงวันออกตั๋ว ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ และตามวรรคหนึ่งบัญญัติว่า ตราสารที่มีรายการขาดตกบกพร่องในเรื่องเช่นนี้ เป็นข้อยกเว้นไม่ถือว่าเป็นตั๋วเงินที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเพียงเพราะเหตุที่เช็คไม่ได้ลงวันที่ไว้จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นโมฆะ และการที่จำเลยเอาเงินโจทก์ไปแล้วเขียนเช็คพิพาทที่ยังไม่ได้ลงวันที่มอบให้โจทก์ไว้ ย่อมเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ลงวันที่เอาตามที่โจทก์จะเห็นสมควรเพื่อเรียกเงินตามเช็คเอามาชำระหนี้โจทก์นั่นเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างใด เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
อายุความตามมาตรา 1002 ซึ่งให้นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดนั้น สำหรับในกรณีเรื่องเช็คก็คือวันที่ลงในเช็คนั่นเอง
การที่จำเลยจะเอารถยนต์ตีราคาใช้หนี้โจทก์ได้นั้นก็ต่อเมื่อโจทก์ยอมรับเอารถยนต์นั้นเป็นการชำระหนี้แทนเงิน และการที่หนี้จะระงับไปด้วยการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเงินเช่นนี้ ย่อมจะต้องคิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดในเวลาและ ณ สถานที่ที่ส่งมอบ จะถือเอาราคาที่ตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่ลงวันที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ผู้ทรงสุจริตลงวันได้ การตีราคารถยนต์ชำระหนี้ต้องเป็นราคาท้องตลาด
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 989 ให้นำมาตรา 910 ในเรื่องตั๋วเงินมาใช้บังคับในเรื่องเช็คด้วยซึ่งมาตรา 910 วรรคห้าบัญญัติว่า ถ้ามิได้ลงวันออกตั๋วผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ และตามวรรคหนึ่งบัญญัติว่า ตราสารที่มีรายการขาดตกบกพร่องในเรื่องเช่นนี้ เป็นข้อยกเว้นไม่ถือว่าเป็นตั๋วเงินที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเพียงเพราะเหตุที่เช็คไม่ได้ลงวันที่ไว้จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นโมฆะและการที่จำเลยเอาเงินโจทก์ไปแล้วเขียนเช็คพิพาทที่ยังไม่ได้ลงวันที่มอบให้โจทก์ไว้ ย่อมเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ลงวันที่เอาตามที่โจทก์จะเห็นสมควรเพื่อเรียกเงินตามเช็คเอามาชำระหนี้โจทก์นั่นเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างใด เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
อายุความตามมาตรา 1002 ซึ่งให้นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดนั้น สำหรับในกรณีเรื่องเช็คก็คือวันที่ลงในเช็คนั่นเองการที่จำเลยจะเอารถยนต์ตีราคาใช้หนี้โจทก์ได้นั้นก็ต่อเมื่อโจทก์ยอมรับเอารถยนต์นั้นเป็นการชำระหนี้แทนเงินและการที่หนี้จะระงับไปด้วยการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเงินเช่นนี้ ย่อมจะต้องคิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดในเวลาและ ณ สถานที่ที่ส่งมอบ จะถือเอาราคาที่ตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็ค, การรับรองการใช้เงิน, อายุความ, การผิดนัดชำระหนี้, ความรับผิดของผู้สลักหลัง
จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทได้แก้วันที่ลงในเช็คสองครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ 1 ธันวาคม 2513 โจทก์ฟ้องคดีเรียกเงินตามเช็ควันที่ 25 พฤศจิกายน 2514 จึงไม่พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ตั๋วเงินถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002
ผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันการใช้เงินตามเช็คนั้นต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันและรับผิดร่วมกันกับผู้สั่งจ่ายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940, 967, 989
กำหนดเวลาที่ต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องเงือนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น ไม่รวมถึงกรณีที่ผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่ เบี้ยต่อผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันซึ่งต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลด้วย
โจทก์เพิ่งนำเช็คไปยื่นต่อธนาคาร เพื่อให้ใช้เงินหลังวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์เพราะเหตุผิดนัดแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค, ความรับผิดของผู้สลักหลัง, และดอกเบี้ยผิดนัด
จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทได้แก้วันที่ลงในเช็คสองครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ 1 ธันวาคม 2513 โจทก์ฟ้องคดีเรียกเงินตามเช็ควันที่ 25 พฤศจิกายน 2514 จึงไม่พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ตั๋วเงินถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002
ผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันการใช้เงินตามเช็คนั้นต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันและรับผิดร่วมกันกับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940,967,989
กำหนดเวลาที่ต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องเงื่อนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น ไม่รวมถึงกรณีที่ผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันซึ่งต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลด้วย
โจทก์เพิ่งนำเช็คไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินหลังวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์เพราะเหตุผิดนัดแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็คและการคิดดอกเบี้ยผิดนัดตามประเพณีธนาคาร
การสลักหลังเช็คซึ่งสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือย่อมเป็นการประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 และตามมาตรา 940 วรรคแรกผู้รับอาวัลย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลซึ่งตนประกันซึ่งมีความหมายว่าผู้สั่งจ่ายมีความรับผิดต่อผู้ทรงอย่างใดผู้รับอาวัลย่อมต้องมีความรับผิดต่อผู้ทรงเช่นเดียวกันดังนั้นอายุความที่ผู้สลักหลังดังกล่าวจะยกขึ้นต่อสู้ผู้ทรงจึงมีกำหนด 1 ปี นับแต่เช็คถึงกำหนดตามมาตรา 1002 หาใช่ต้องใช้อายุความทั่วไปไม่
จำเลยนำเช็คที่จำเลยลงชื่อสลักหลังมาขายให้ธนาคารโจทก์ โดยจำเลยต้องเสียค่าธรรมเนียมให้แก่ธนาคารโจทก์คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปีนับแต่วันที่จำเลยรับเงินค่าขายเช็คไปจากธนาคารโจทก์จนถึงวันที่เช็คถึงกำหนด และธนาคารโจทก์ได้หักดอกเบี้ยนี้ไว้แล้วดังนี้เป็นค่าตอบแทนที่ธนาคารโจทก์รับซื้อเช็คไว้เท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดในกรณีธนาคารโจทก์ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีข้อตกลงไว้โดยชัดแจ้งธนาคารผู้ทรงย่อมเรียกร้องจากจำเลยได้เพียงร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 7 จะนำประเพณีธนาคารในการคิดดอกเบี้ยมาเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยร้อยละ 14 ต่อปีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็คและการคิดดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การสลักหลังเช็คซึ่งสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือย่อมเป็นการประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921,989 และตามมาตรา940 วรรคแรก ผู้รับอาวัลย่อมต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลซึ่งตนประกัน ซึ่งมีความหมายว่าผู้สั่งจ่ายมีความรับผิดต่อผู้ทรงอย่างใด ผู้รับอาวัลย่อมต้องมีความรับผิดต่อผู้ทรงเช่นเดียวกัน ดังนั้นอายุความที่ผู้สลักหลังดังกล่าวจะยกขึ้นต่อสู้ผู้ทรงจึงมีกำหนด 1 ปีนับแต่เช็คถึงกำหนดตามมาตรา 1002 หาใช่ต้องใช้อายุความทั่วไปไม่
จำเลยนำเช็คที่จำเลยลงชื่อสลักหลังมาขายให้ธนาคารโจทก์โดยจำเลยต้องเสียค่าธรรมเนียมให้แก่ธนาคารโจทก์คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยรับเงินค่าขายเช็คไปจากธนาคารโจทก์จนถึงวันที่เช็คถึงกำหนด และธนาคารโจทก์ได้หักดอกเบี้ยนี้ไว้แล้ว ดังนี้เป็นค่าตอบแทนที่ธนาคารโจทก์รับซื้อเช็คไว้เท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดในกรณีธนาคารโจทก์ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีข้อตกลงไว้โดยชัดแจ้งธนาคารผู้ทรงย่อมเรียกร้องจากจำเลยได้เพียงร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 จะนำประเพณีธนาคารในการคิดดอกเบี้ยมาเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยร้อยละ 14 ต่อปีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเช็ค: อัตราดอกเบี้ยตามเช็คชอบด้วยกฎหมาย แม้ต่างจากอัตราทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่ง
ดอกเบี้ยสำหรับจำนวนเงินที่ต้องรับผิดตามเช็คนั้น คิดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี หาใช่คิดเพียงอัตราร้อยละห้าต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968 ไม่ เพราะมาตรา 989 มิได้บัญญัติให้นำมาตรา 968 มาบังคับในเรื่องเช็คด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการฟ้องบังคับชำระหนี้ตามเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน
ในกรณีที่ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การให้นัดสืบพยานโจทก์ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายมาศาลแต่ก็มิได้แจ้งให้ศาลทราบเสียก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 199 วรรคแรก กลับปล่อยให้ศาลสืบพยานโจทก์ไปจนหมดแล้วจะมายื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาและรับคำให้การจำเลยไม่ได้ เพราะพ้นเวลาที่กฎหมายอนุญาตตามมาตรา 199 วรรคแรกแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค 2 ฉบับโดยบรรยายว่าทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์ ในชั้นพิจารณาจำเลยก็เบิกความปฏิเสธหนี้ตามเช็คฉบับหลัง และปรากฏว่าโจทก์นำเช็คฉบับแรกไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยปิดแล้ว แสดงว่าธนาคารผู้จ่ายได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยต่อไปแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้ง 2 ฉบับได้ แม้เช็คฉบับหลังนั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 959 และ 989

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดยื่นคำให้การ – เพิกถอนกระบวนพิจารณา – เช็คไม่ถึงกำหนดชำระ – ฟ้องบังคับได้
ในกรณีที่ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ให้นัดสืบพยานโจทก์ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายมาศาลแต่ก็มิได้แจ้งให้ศาลทราบเสียก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 199 วรรคแรก กลับปล่อยให้ศาลสืบพยานโจทก์ไปจนหมดแล้วจะมายื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาและรับคำให้การจำเลยไม่ได้ เพราะพ้นเวลาที่กฎหมายอนุญาตตามมาตรา 199วรรคแรกแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค 2 ฉบับโดยบรรยายว่าทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์ ในชั้นพิจารณาจำเลยก็เบิกความปฏิเสธหนี้ตามเช็คฉบับหลัง และปรากฏว่าโจทก์นำเช็คฉบับแรกไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยปิดแล้ว แสดงว่าธนาคารผู้จ่ายได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยต่อไปแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้ง 2 ฉบับได้ แม้เช็คฉบับหลังนั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และ 989
of 39