คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 70

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 84 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งนัดพิจารณาคดี: จำเลยทราบกำหนดนัดจากคำให้การและหมายนัด แม้ทนายจำเลยจะเข้าใจผิดเรื่องเวลา
ศาลชั้นต้นได้เกษียณสั่งกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ในคำให้การจำเลยในวันที่จำเลยยื่นคำให้การ ต้องถือว่าจำเลยทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่จำเลยนำคำให้การไปยื่นต่อศาล
จำเลยได้รับหมายนัด และได้ทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว การที่จำเลยเข้าใจหรือจำเวลานัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปเพราะความเข้าใจผิดหรือหลงสืบของจำเลยเอง ไม่มีเหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาใหม่และไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล: ศาลฎีกาให้ความสำคัญกับระยะเวลาที่เหมาะสมและเจตนาของโจทก์
ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ ข้อความท้ายคำร้องคำแถลงมีว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ ให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน 3 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อโจทก์มิได้แถลงภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ศาลชั้นต้นมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดี เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2527 ให้โจทก์แถลงภายใน 3 วันวันที่ 7 ธันวาคม 2527 ทนายโจทก์ติดประชุม วันที่ 8 ธันวาคม 2527ตรงกับวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการ วันสุดท้ายแห่งระยะเวลาคือวันที่ 9 ธันวาคม 2527 แต่วันที่ 9 และวันที่ 10 ธันวาคม 2527 ตรงกับวันอาทิตย์และวันพระราชทานรัฐธรรมนูญตามลำดับอันเป็นวันหยุดราชการโจทก์จึงมีสิทธิแถลงในวันที่ 11 ธันวาคม 2527 ได้ด้วย การที่โจทก์แถลงเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 จึงเกินกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่จะยื่นได้เพียงวันเดียวระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์แถลงภายใน 3 วัน เป็นระยะเวลาค่อนข้างสั้นสำหรับกรณีนี้ ทั้งขณะโจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่มีเจตนาทิ้งฟ้องและแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ประสงค์ได้ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี คดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากทิ้งฟ้อง: ศาลควรใช้ดุลพินิจพิจารณาเหตุผลประกอบการพิจารณา
ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ ข้อความท้ายคำร้องคำแถลงมีว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นไม่อนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์ ให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน3 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง ต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อโจทก์มิได้แถลงภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1)
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องจำหน่ายคดี เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2527 ให้โจทก์แถลงภายใน 3 วันวันที่ 7 ธันวาคม 2527 ทนายโจทก์ติดประชุม วันที่ 8 ธันวาคม 2527ตรงกับวันเสาร์อันเป็นวันหยุดราชการ วันสุดท้ายแห่งระยะเวลาคือวันที่ 9 ธันวาคม 2527 แต่วันที่ 9 และวันที่ 10 ธันวาคม2527 ตรงกับวันอาทิตย์และวันพระราชทานรัฐธรรมนูญตามลำดับอันเป็นวันหยุดราชการโจทก์จึงมีสิทธิแถลงในวันที่ 11 ธันวาคม2527 ได้ด้วย การที่โจทก์แถลงเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 จึงเกินกำหนดตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่จะยื่นได้เพียงวันเดียวระยะเวลาที่ศษลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์แถลงภายใน 3 วัน เป็นระยะเวลาค่อนข้างสั้นสำหรับกรณีนี้ ทั้งขณะโจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่มีเจตนาทิ้งฟ้องและแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ประสงค์ได้ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นก็ยังมิได้สั่งจำหน่ายคดี คดีมีเหตุสมควรให้โจทก์ได้มีโอกาสดำเนินคดีต่อไป โดยยังไม่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การ: หลักฐานรายงานเจ้าพนักงานศาลมีน้ำหนักกว่าคำกล่าวอ้างของจำเลยที่ไม่โต้แย้งความถูกต้อง
การที่จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายหลังวันที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายระบุไว้ในรายงาน โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่ารายงานดังกล่าวขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากเหตุผลอ้างอิงที่อาจจะหักล้างหลักฐานรายงานของเจ้าพนักงานศาลได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเพื่อรับคำให้การไว้พิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การ: หลักฐานรายงานเจ้าพนักงานศาลมีน้ำหนักกว่าคำกล่าวอ้างที่ไม่โต้แย้ง
การที่จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายหลังวันที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายระบุไว้ในรายงาน โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่ารายงานดังกล่าวขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากเหตุผลอ้างอิงที่อาจจะหักล้างหลักฐานรายงานของเจ้าพนักงานศาลได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเพื่อรับคำให้การไว้พิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและการนำส่งเอกสารฟ้องคดี ความผิดพลาดของโจทก์ในการปฏิบัติตามคำสั่งศาล และดุลพินิจศาลในการจำหน่ายคดี
โจทก์มิได้นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเองตามคำสั่งศาลชั้นต้น เพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมในการส่งหมายและค่าป่วยการพิเศษเพื่อให้เจ้าพนักงานเดินหมายถ่าย ภาพรายงานการเดินหมายส่งให้โจทก์เท่านั้น ดังนั้นเมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 6 ไม่ได้โจทก์ต้องแถลงต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง การที่โจทก์ไม่นำส่งเองจึงไม่ทราบผลทันทีที่ส่งไม่ได้เป็นความผิดของโจทก์เอง กรณีถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) แต่อำนาจจำหน่ายคดีตามมาตรา 132 เป็นดุลพินิจ ของศาล เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ติดตามขอทราบผลการส่งหมายโดยขอดู สำนวนจากเจ้าหน้าที่ศาลหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสำนวนเสนอผู้พิพากษาทุกครั้ง และเหตุที่เจ้าพนักงานเดินหมายไม่ได้ส่งภาพถ่ายรายงานการเดินหมายของจำเลยที่ 6 ให้โจทก์ก็เพราะมีเหตุขัดข้องทางฝ่ายเจ้าพนักงานเดินหมายเอง จึงเป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 6.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียก และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์มิได้นำส่งเองเพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมการส่งหมายให้แก่จำเลยทั้งเจ็ดและค่าป่วยการพิเศษเพื่อให้เจ้าพนักงานเดินหมายถ่ายภาพรายงานการเดินหมายส่งให้โจทก์ทราบ หากโจทก์นำส่งเอง โจทก์จะทราบผลทันทีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 6 ไม่ได้ จึงเป็นความผิดของโจทก์เองที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเมื่อโจทก์มิได้แถลงต่อศาลเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ตามเวลาที่ศาลกำหนด จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) แต่ตามมาตรา 132 มิได้บังคับเด็ดขาดว่าศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ โจทก์อ้างว่าได้ติดตามขอทราบผลการส่งหมายให้จำเลยที่ 6 หลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าสำนวนเสนอผู้พิพากษาทุกครั้ง และปรากฏว่าเจ้าพนักงานเดินหมายไม่ได้ส่งภาพถ่ายรายงานการเดินหมายของจำเลยที่ 6 ให้โจทก์เช่นจำเลยคนอื่น ๆ ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียก และผลกระทบต่อการจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์มิได้นำส่งเองเพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมการส่งหมายให้แก่จำเลยทั้งเจ็ดและค่าป่วยการพิเศษเพื่อให้เจ้าพนักงานเดินหมายถ่ายภาพรายงานการเดินหมายส่งให้โจทก์ทราบ หากโจทก์นำส่งเอง โจทก์จะทราบผลทันทีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 6 ไม่ได้ จึงเป็นความผิดของโจทก์เองที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเมื่อโจทก์มิได้แถลงต่อศาลเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ตามเวลาที่ศาลกำหนด จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) แต่ตามมาตรา 132มิได้บังคับเด็ดขาดว่าศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ โจทก์อ้างว่าได้ติดตามขอทราบผลการส่งหมายให้จำเลยที่ 6 หลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าสำนวนเสนอผู้พิพากษาทุกครั้ง และปรากฏว่าเจ้าพนักงานเดินหมายไม่ได้ส่งภาพหถ่ายรายงานการเดินหมายของจำเลยที่ 6 ให้โจทก์เช่นจำเลยคนอื่น ๆดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 6.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่โจทก์นำส่งหมายนัด – เพิกเฉยไม่ดำเนินคดี – ศาลสั่งจำหน่ายคดีชอบแล้ว
แม้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 184 บัญญัติให้ศาลออกหมายกำหนดวันนัดสืบพยานส่งให้แก่คู่ความ แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้โจทก์มีหน้าที่นำส่งหมายนัด และโจทก์ทราบคำสั่งแล้ว ก็มิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งนั้น ทั้ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 ก็ให้อำนาจศาลมีคำสั่งให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งหมายนัดได้ คำสั่งศาลดังกล่าวจึงชอบแล้ว
ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 18 เมษายน 2527 โดยให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลย หมายนัดออกวันที่ 15 มีนาคม2527 และส่งไปถึงงานเดินหมายและประกาศ กรมบังคับคดีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2527 โจทก์ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปจนกระทั่งวันที่ 12เมษายน 2527 จึงได้ไปติดต่อที่งานเดินหมายแต่โจทก์ไม่นำส่งทั้งที่ศาลออกหมายนัดถึงทนายจำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชอบแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่โจทก์นำส่งหมายนัดและการเพิกเฉยคดี ศาลจำหน่ายคดีชอบแล้ว
แม้ ป.วิ.พ. มาตรา 184 บัญญัติให้ศาลออกหมายกำหนดวันนัดสืบพยานส่งให้แก่คู่ความ แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้โจทก์มีหน้าที่นำส่งหมายนัด และโจทก์ทราบคำสั่งแล้ว ก็มิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งนั้น ทั้ง ป.วิ.พ. มาตรา 70ก็ให้อำนาจศาลมีคำสั่งให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งหมายนัดได้คำสั่งศาลดังกล่าวจึงชอบแล้ว ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 18 เมษายน 2527 โดยให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลย หมายนัดออกวันที่ 15 มีนาคม2527 และส่งไปถึงงานเดินหมายและประกาศ กรมบังคับคดีเมื่อวันที่19 มีนาคม 2527 โจทก์ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปจนกระทั่งวันที่ 12เมษายน 2527 จึงได้ไปติดต่อที่งานเดินหมาย แต่โจทก์ไม่นำส่งทั้งที่ศาลออกหมายนัดถึงทนายจำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชอบแล้ว.
of 9