พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับรองหลักทรัพย์มีหน้าที่ชำระค่าปรับเมื่อผู้ทำสัญญาประกันผิดนัดและทรัพย์สินไม่พอชำระ ศาลต้องออกคำบังคับก่อนยึดทรัพย์
ผู้รับรองหลักทรัพย์ได้รับรองหลักทรัพย์ของผู้ทำสัญญาประกันไว้ว่า ขอรับรองว่าหลักทรัพย์ที่ผู้ทำสัญญาประกันเสนอมานี้มีจริงถ้าไม่มีหรือไม่พอ ผู้รับรองหลักทรัพย์ยอมใช้ให้จนครบถ้วน เช่นนี้ผู้รับรองหลักทรัพย์ยอมผูกพันตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันผู้ทำสัญญาประกันในอันที่จะชำระค่าปรับ เมื่อศาลสั่งปรับผู้ทำสัญญาประกันและทรัพย์สินของผู้ทำสัญญาประกันมีไม่พอชำระค่าปรับ ขาดอยู่เท่าใดผู้รับรองหลักทรัพย์ต้องรับผิดในจำนวนค่าปรับที่ขาดอยู่นั้น ดังนั้นเมื่อผู้ทำสัญญาประกันผิดสัญญาประกัน จนศาลสั่งปรับตามสัญญาประกัน และเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์และขายทอดตลาดทรัพย์ของผู้ทำสัญญาประกันตามคำสั่งศาล.ยังไม่หมด ยังไม่ทราบว่าผู้ทำสัญญาประกันค้างชำระค่าปรับเท่าใด การที่ศาลชั้นต้นด่วนสั่งให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของผู้รับรองหลักทรัพย์ที่มีต่อบุคคลภายนอก โดยมิได้ออกคำบังคับแจ้งให้ผู้รับรองหลักทรัพย์ทราบว่าจะต้องชำระค่าปรับเท่าใด ภายในกำหนดเวลาเท่าใดเสียก่อน จึงเป็นการมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันของผู้รับรองหลักทรัพย์ในสัญญาประกัน การบังคับคดีและการแจ้งหนี้ที่ถูกต้อง
ผู้รับรองหลักทรัพย์ได้รับรองหลักทรัพย์ของผู้ทำสัญญาประกันไว้ว่า ขอรับรองว่าหลักทรัพย์ที่ผู้ทำสัญญาประกันเสนอมานี้มีจริง ถ้าไม่มีหรือไม่พอ ผู้รับรองหลักทรัพย์ยอมใช้ให้จนครบถ้วน เช่นนี้ ผู้รับรองหลักทรัพย์ยอมผูกพันตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันผู้ทำสัญญาประกันในอันที่จะชำระค่าปรับ เมื่อศาลสั่งปรับผู้ทำสัญญาประกันและทรัพย์สินของผู้ทำสัญญาประกันมีไม่พอชำระค่าปรับ ขาดอยู่เท่าใด ผู้รับรองหลักทรัพย์ต้องรับผิดในจำนวนค่าปรับที่ขาดอยู่นั้น ดังนั้นเมื่อผู้ทำสัญญาประกันผิดสัญญาประกัน จนศาลสั่งปรับตามสัญญาประกัน และเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์และขายทอดตลาดทรัพย์ของผู้ทำสัญญาประกันตามคำสั่งศาล.ยังไม่หมด ยังไม่ทราบว่าผู้ทำสัญญาประกันค้างชำระค่าปรับเท่าใด การที่ศาลชั้นต้นด่วนสั่งให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของผู้รับรองหลักทรัพย์ที่มีต่อบุคคลภายนอก โดยมิได้ออกคำบังคับแจ้งให้ผู้รับรองหลักทรัพย์ทราบว่าจะต้องชำระค่าปรับเท่าใด ภายในกำหนดเวลาเท่าใดเสียก่อน จึงเป็นการมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทายาทรับผิดชอบหนี้สินของกองมรดกตามกฎหมาย
เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตาย มรดกของผู้นั้นย่อมตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมาย
กองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่ และถึงแก่ความตายลง จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับ จำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 866/2508)
กองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่ และถึงแก่ความตายลง จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับ จำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 866/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้สินของกองมรดก: ทายาทรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่
เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตาย มรดกของผู้นั้นย่อมตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมาย
กองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่ และถึงแก่ความตายลง จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรม ได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับ จำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 866/2508)
กองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่ และถึงแก่ความตายลง จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรม ได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับ จำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 866/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขับไล่บริวารของจำเลย แม้จำเลยออกไปแล้ว ศาลมีอำนาจออกหมายเรียกบริวารมาสอบถามได้
ศาลพิพากษาและออกคำบังคับให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากอาคารที่จำเลยเช่าจากโจทก์ แม้ต่อมาโจทก์จะแถลงว่าจำเลยได้ออกไปแล้ว แต่ก็แถลงว่าคงเหลือแต่บริวารของจำเลย และตามสำเนาทะเบียนบ้านก็ปรากฏว่ามีชื่อผู้ร้องอยู่ในอาคารนี้ อันเป็นหลักฐานในเบื้องต้นว่าผู้ร้องอยู่ในอาคารของโจทก์ในฐานะเป็นบริวารของจำเลย โจทก์ย่อมขอและศาลมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ร้องมาสอบถามได้ ผู้ร้องจะอ้างว่าการที่ศาลหมายเรียกผู้ร้องไม่ชอบเพราะตนเป็นบุคคลนอกคดี คำบังคับที่ศาลออกบังคับแก่จำเลยมิได้บังคับรวมถึงบริวาร หรือบุคคลภายนอกด้วย และโจทก์ได้รับว่าจำเลยได้ออกไปแล้ว ทำให้คำบังคับสิ้นผลไปแล้ว ดังนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลออกหมายเรียกบริวารจำเลยเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาขับไล่ แม้จำเลยออกไปแล้ว
ศาลพิพากษาและออกคำบังคับให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากอาคารที่จำเลยเช่าจากโจทก์ แม้ต่อมาโจทก์จะแถลงว่าจำเลยได้ออกไปแล้ว แต่ก็แถลงว่าคงเหลือแต่บริวารของจำเลย และตามสำเนาทะเบียนบ้านก็ปรากฏว่ามีชื่อผู้ร้องอยู่ในอาคารนี้ อันเป็นหลักฐานในเบื้องต้นว่าผู้ร้องอยู่ในอาคารของโจทก์ในฐานะเป็นบริวารของจำเลย โจทก์ย่อมขอและศาลมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ร้องมาสอบถามได้ ผู้ร้องจะอ้างว่าการที่ศาลหมายเรียกผู้ร้องไม่ชอบเพราะตนเป็นบุคคลนอกคดี คำบังคับที่ศาลออกบังคับแก่จำเลยมิได้บังคับรวมถึงบริวาร หรือบุคคลภายนอกด้วย และโจทก์ได้รับว่าจำเลยได้ออกไปแล้ว ทำให้คำบังคับสิ้นผลไปแล้ว ดังนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินต่อศาลหลังมีคำพิพากษา และสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยหลังศาลตัดสินถึงที่สุด
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยนำต้นเงินและดอกเบี้ยจากวันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จตามจำนวนที่จำเลยจะต้องใช้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาวางไว้ต่อศาล แล้วจำเลยอุทธรณ์ฎีกาต่อมาโต้แย้งว่า จำเลยไม่ควรรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่ใช่กรณีที่จำเลยวางเงินต่อศาลตามที่โจทก์เรียกร้องโดยยอมรับผิด อันจะเป็นเหตุให้ระงับการเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่วาง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 136 กรณีมีผลเพียงตามมาตรา 231 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ศาลงดการบังคับคดีไว้ก่อนในระหว่างอุทธรณ์ฎีกาเท่านั้น ต่อมาเมื่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้เงินและดอกเบี้ย คดีถึงที่สุด โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งบังคับให้จำเลยปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่วางศาลจากวันที่จำเลยได้วางไว้แล้วต่อไปในระหว่างอุทธรณ์ฎีกาให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินต่อศาลหลังมีคำพิพากษา ไม่ปลดเปลื้องหนี้ดอกเบี้ย โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเรียกดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระหนี้ครบถ้วน
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยนำต้นเงินและดอกเบี้ยจากวันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จตามจำนวนที่จำเลยจะต้องใช้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาวางไว้ต่อศาล แล้วจำเลยอุทธรณ์ฎีกาต่อมาโต้แย้งว่า จำเลยไม่ควรรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ใช่กรณีที่จำเลยวางเงินต่อศาลตามที่โจทก์เรียกร้องโดยยอมรับผิดอันจะเป็นเหตุให้ระงับการเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่วาง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 136 กรณีมีผลเพียงตามมาตรา 231 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ศาลงดการบังคับคดีไว้ก่อนในระหว่างอุทธรณ์ฎีกาเท่านั้น ต่อมาเมื่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้เงินและดอกเบี้ย คดีถึงที่สุด โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งบังคับให้จำเลยปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่วางศาลจากวันที่จำเลยได้วางไว้แล้วต่อไปในระหว่างอุทธรณ์ฎีกาให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีแก่ทายาท: ศาลสั่งให้ทายาทชำระหนี้จากกองมรดกได้ ไม่เกินคำขอ
ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วจำเลยตายก่อนได้รับคำบังคับ โจทก์ขอให้ส่งคำบังคับแก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นภรรยาจำเลยแทนได้ และการที่ศาลพิพากษาให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของจำเลย เอาทรัพย์สินจากกองมรดกของจำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้นก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาไม่ใช่คำบังคับ การวางเงินตามคำพิพากษาไม่ใช่การปฏิบัติตามคำบังคับ
เมื่อศาลได้พิพากษาอย่างใด ซึ่งจะต้องมีการบังคับคดี ชอบที่ศาลจะต้องมีคำบังคับกำหนดวิธีที่จะปฏิบัติตามคำบังคับนั้นไว้ และให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับไว้เป็นสำคัญ เพียงแต่ศาลอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง และให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ ยังถือไม่ได้ว่าได้มีการออกคำบังคับแล้ว
ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินที่ซื้อขายให้โจทก์ แต่อยู่ในเงื่อนไขที่ว่า โจทก์ต้องวางเงินค่าที่ดินที่ยังไม่ชำระต่อศาล เพื่อให้จำเลยรับไปเสียก่อนภายใน 1 เดือน นับแต่วันพิพากษา เมื่อยังไม่มีการออกคำบังคับ แม้โจทก์จะไม่นำเงินมาวางศาลภายในเวลาที่ระบุในคำพิพากษา ก็ไม่เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา และไม่เป็นการสละสิทธิในที่ดินที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอน
ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินที่ซื้อขายให้โจทก์ แต่อยู่ในเงื่อนไขที่ว่า โจทก์ต้องวางเงินค่าที่ดินที่ยังไม่ชำระต่อศาล เพื่อให้จำเลยรับไปเสียก่อนภายใน 1 เดือน นับแต่วันพิพากษา เมื่อยังไม่มีการออกคำบังคับ แม้โจทก์จะไม่นำเงินมาวางศาลภายในเวลาที่ระบุในคำพิพากษา ก็ไม่เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา และไม่เป็นการสละสิทธิในที่ดินที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอน