คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 272

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7328/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเรียกหนี้ลูกหนี้ร่วมได้โดยไม่จำต้องบังคับพร้อมกัน
เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษาอยู่ด้วยคนหนึ่งโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะเรียกให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้สิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ย่อมได้เพราะเป็นสิทธิของโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาโดยโจทก์ไม่จำต้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 พร้อมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7326/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยอายุความ: ศาลไม่อาจบังคับจำเลยจดทะเบียนแทนโจทก์
กรณีศาลพิพากษาว่าโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความมิใช่พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ จึงไม่จำต้องออกคำบังคับจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องไปจดทะเบียนให้แก่โจทก์ กรณีที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนภารจำยอมนั้นจึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้เพิกถอนคำบังคับดังกล่าวเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7317/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนทรัพย์ยักยอกให้กองมรดก แม้เจ้าของเดิมเสียชีวิตแล้ว จำเลยต้องโอนทรัพย์หรือชำระราคา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ว่า "ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 4,974,987.50 บาท แก่เจ้าของ" นั้น หมายความว่าจำเลยจะต้องโอนที่ดินของเจ้ามรดกที่ได้ยักยอกคืนแก่กองมรดก หากการโอนที่ดินไม่อาจกระทำได้จำเลยจึงต้องใช้ราคา หาใช่จำเลยมีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดได้ไม่
ที่จำเลยฎีกาว่า ไม่สามารถโอนที่ดินกลับคืนแก่เจ้าของได้เพราะเจ้าของเดิมได้ตายไปแล้ว และจะให้จำเลยโอนที่ดินคืนกองมรดกก็ไม่ได้เพราะกองมรดกมิใช่ตัวบุคคลหรือนิติบุคคลที่จะรับโอนได้ จึงเป็นเหตุพ้นวิสัยที่จำเลยจะโอนที่ดินคืนให้ได้ตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้น กรณีดังกล่าวหาใช่ข้ออ้างที่จำเลยจะหยิบยกขึ้นปฏิเสธการโอนที่ดินมรดกคืนแก่กองมรดกไม่ จำเลยจะต้องโอนที่ดินที่จำเลยยักยอกนั้นคืนกองมรดกโดยโอนให้แก่ผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7317/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องโอนที่ดินยักยอกคืนกองมรดก หากไม่สามารถโอนได้จึงต้องใช้ราคา แม้เจ้ามรดกเสียชีวิตแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ว่า"ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน4,974,987.50บาทแก่เจ้าของ"นั้นหมายความว่าจำเลยจะต้องโอนที่ดินของเจ้ามรดกที่ได้ยักยอกคืนแก่กองมรดกหากการโอนที่ดินไม่อาจกระทำได้จำเลยจึงต้องใช้ราคาหาใช่จำเลยมีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดได้ไม่ ที่จำเลยฎีกาว่าไม่สามารถโอนที่ดินกลับคืนแก่เจ้าของได้เพราะเจ้าของเดิมได้ตายไปแล้วและจะให้จำเลยโอนที่ดินคืนกองมรดกก็ไม่ได้เพราะกองมรดกมิใช่ตัวบุคคลหรือนิติบุคคลที่จะรับโอนได้จึงเป็นเหตุพ้นวิสัยที่จำเลยจะโอนที่ดินคืนให้ไปตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้นกรณีดังกล่าวหาใช่ข้ออ้างที่จำเลยจะหยิบยกขึ้นปฏิเสธการโอนที่ดินมรดกคืนแก่กองมรดกไม่จำเลยจะต้องโอนที่ดินที่จำเลยยักยอกนั้นคืนกองมรดกโดยโอนให้แก่ผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6850/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา: เจ้าหนี้ต้องส่งคำบังคับให้ลูกหนี้โดยตรง แม้กรรมสิทธิ์จะโอนไปยังบุคคลภายนอก
การบังคับคดีตามคำพิพากษาโจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลชั้นต้นส่งคำบังคับให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้ที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาในฐานะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์เท่านั้นแม้ผลแห่งคำพิพากษาจะได้วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินเป็นคุณแก่โจทก์ซึ่งอาจใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคสอง(2)ก็ตามเมื่อผู้คัดค้านมิใช่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์จึงไม่ชอบที่โจทก์จะขอให้ศาลส่งคำบังคับให้แก่ผู้คัดค้านอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา272ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6850/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการส่งคำบังคับแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา
การบังคับคดีตามคำพิพากษา โจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลชั้นต้นส่งคำบังคับให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้ที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาในฐานะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์เท่านั้น แม้ผลแห่งคำพิพากษาจะได้วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินเป็นคุณแก่โจทก์ซึ่งอาจใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา145 วรรคสอง (2) ก็ตาม เมื่อผู้คัดค้านมิใช่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์จึงไม่ชอบที่โจทก์จะขอให้ศาลส่งคำบังคับให้แก่ผู้คัดค้านอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติป.วิ.พ. มาตรา 272 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3316/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนโรงเรือนรุกล้ำที่ดิน: การปฏิบัติตามคำพิพากษาต้องครบถ้วนและตรวจสอบแนวเขตที่แท้จริง
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยแต่ในระหว่างการพิจารณาคดีไม่มีการทำแผนที่พิพาทต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อถอนโรงเรือนที่รุกล้ำออกไปศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทแม้โจทก์จะบรรยายมาในฟ้องด้วยว่าจำเลยทั้งสองปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์กว้างประมาณ2.50เมตรยาวประมาณ8เมตรก็ตามก็เป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้นหากต่อมาภายหลังจากศาลพิพากษาไปแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทก็เป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีการที่จำเลยทั้งสองเพียงแต่รื้อห้องน้ำมีความกว้าง2เมตรยาว3.3เมตรออกไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาถูกต้องครบถ้วนแล้วชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งให้ไปตรวจสอบดูว่าโรงเรือนของจำเลยทั้งสองยังคงรุกล้ำที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองของโจทก์หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3316/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แนวเขตที่พิพาทและการปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลมีอำนาจตรวจสอบการรื้อถอนหากยังไม่ครบถ้วน
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลย แต่ในระหว่างการพิจารณาคดี ไม่มีการทำแผนที่พิพาท ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อถอนโรงเรือนที่รุกล้ำออกไปศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทแม้โจทก์จะบรรยายมาในฟ้องด้วยว่า จำเลยทั้งสองปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์กว้างประมาณ 2.50 เมตร ยาวประมาณ 8 เมตร ก็ตาม ก็เป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้น หากต่อมาภายหลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว มีปัญหาเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาท ก็เป็นปัญหาในชั้นบังคับคดี การที่จำเลยทั้งสองเพียงแต่รื้อห้องน้ำมีความกว้าง 2 เมตร ยาว 3.3 เมตร ออกไปนั้น ยังถือไม่ได้ว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาถูกต้องครบถ้วนแล้ว ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งให้ไปตรวจสอบดูว่าโรงเรือนของจำเลยทั้งสองยังคงรุกล้ำที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองของโจทก์หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115-3118/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอบังคับคดีต้องระบุคำพิพากษาและวิธีการบังคับคดีชัดเจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275
คำร้องของโจทก์ที่ขอให้ออกหมายบังคับคดีต้องระบุโดยแจ้งชัดถึงคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งจะขอให้มีการบังคับคดีตามนั้นและวิธีการบังคับคดีซึ่งขอให้ออกหมายนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา275(1)และ(3)มิฉะนั้นย่อมเป็นคำร้องที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115-3118/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอออกหมายบังคับคดีต้องระบุคำพิพากษาและวิธีการบังคับคดีชัดเจน การดำเนินการตามคำสั่งศาลไม่ใช่การขอออกหมายบังคับคดี
คำร้องขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ระบุโดยชัดแจ้งถึงคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งจะขอให้มีการบังคับคดีและวิธีการบังคับคดีซึ่งขอให้ออกหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา275(1)(3)การที่ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ชอบส่วนมาตรา272เป็นเรื่องขอให้ศาลมี คำบังคับกำหนดวิธีที่จะปฏิบัติตามคำบังคับเป็นคนละขั้นตอนกับการ ขอให้ออกหมายบังคับคดีในคดีนี้ซึ่งศาลได้มี คำพิพากษาตามยอม และมีคำบังคับกับกำหนดวิธีที่จะต้องปฏิบัติตามคำบังคับไว้แล้ว
of 56